ชี้ช่อง‘ปู’ขออภัยโทษ ‘วิษณุ’แนะต้องกลับมารับโทษก่อน/‘วัชระ’ยื่นแพทย์สภาสอบ‘ป่วยทิพย์’

นายกฯ มาในธีมคริสต์มาส "เนกไทเขียว ถุงเท้าเขียวแดง" เดินเข้ารังนกกระจอก 2 ทักทายสื่อพร้อมสั่งขนมปังมาเมรี่คริสต์มาส “วิษณุ” เปิดช่อง “ยิ่งลักษณ์" อยากขออภัยโทษต้องกลับมาเป็นนักโทษก่อน กมธ.สิทธิฯ  เรียก กสม.แจงคำแถลงระเบียบราชทัณฑ์ “วสันต์” ย้ำหลักการแยกนักโทษเด็ดขาดออกจากผู้ต้องขังรอคำพิพากษา ไม่เคยมีข้อสรุปนำคนป่วยออกนอกเรือนจำ ยันต้องให้ศาลสั่ง "วัชระ" ยื่นแพทยสภาสอบแพทย์ราชทัณฑ์-รพ.ตำรวจ รับรองรักษา น.ช.ทักษิณ เป็นความเท็จหรือไม่ "นิพิฏฐ์" ท้า "ทักษิณ" แน่จริงฟ้องเลย ความจริงจะได้เปิดเผย 

เมื่อวันจันทร์ เวลา 09.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เดินทางเข้าปฏิบัติงานตามปกติที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 11.35 น.ได้เดินทางเข้ากระทรวงการคลังเพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง และทีมงานกระทรวงการคลัง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงการคลัง  เนื่องในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

จากนั้นเวลา 12.30 น. นายกฯ เดินทางเข้าทำเนียบฯ โดยเมื่อมาถึงได้จอดรถบริเวณต้นอโศกน้ำทางผ่านระหว่างตึกไทยคู่ฟ้า มายังตึกบัญชาการ 1 ก่อนเดินมายังห้องผู้สื่อข่าว 2 (รังนกกระจอก 2) โดยนายกฯ สวมชุดสูท เนกไทสีเขียวลายขาว และถุงเท้าข้างซ้ายสีเขียว ข้างขวาสีแดง ก่อนทักทายผู้สื่อข่าว โดยระหว่างเดินได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าวว่า “วันนี้ได้สั่งขนมปังปาเนตโตเน ซอสเปโซ (Panettone Sospeso) มาให้ทาน ซึ่งชาวอิตาเลียนใช้มอบให้กันในช่วงวันคริสต์มาส และที่สั่งมานี้ขนาด 10 กิโลกรัมจากอิตาลี เป็นก้อนใหญ่ที่สุด”

นอกจากนี้ นายกฯ ยังสอบถามว่าขนมปังยังมีอยู่หรือเปล่า จากนั้นได้เดินมาชิมขนมปังดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า  “อร่อยดี ผมกินทุกปี แนะนำให้ห่อไอศกรีมกินจะอร่อย”

ก่อนที่นายกฯ จะเดินกลับขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมบอกว่า “เย็นนี้เจอกันในงานเลี้ยง" พร้อมโชว์ถุงเท้าเข้าธีมคริสต์มาสให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพ

ต่อมาเวลา 17.00 น. นายเศรษฐาที่สวมเสื้อไหมพรมสีแดง ได้ร่วมกิจกรรมต้อนรับวันปีใหม่กับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า  พร้อมด้วย “น้อบ” นายณภัทร ทวีสิน บุตรชายคนโต และ  “แน้บ” นายวรัตม์ ทวีสิน บุตรชายคนกลาง ซึ่งนายวรัตม์ ได้ใส่ถุงเท้าสีเขียวแดงแบบเดียวกับบิดาด้วย

 นอกจากนี้ยังมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน  รองนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง  และทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เป็นการจัดงานคริสต์มาสและปีใหม่ในคราวเดียวกัน และถือเป็นการจัดกิจกรรมปีใหม่ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าเป็นครั้งแรก

โดยเมื่อมาถึงนายกฯ ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน จากนั้นเดินเยี่ยมชมบูธอาหารต่างๆ พร้อมลองชิมอาหาร เช่น  ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ กระเพาะปลา หมูสะเต๊ะ เป็นต้น  ระหว่างร่วมกิจกรรมนายกฯ ได้ลองใส่ที่คาดผมกวางเรนเดียร์และยกมือทำท่ากวางอย่างอารมณ์ดี ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อสีเขียว กางเกงสีแดง แจ็กเก็ตสีเขียวขี้ม้า

นายกฯ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า จะปีใหม่แล้วขอใช้โอกาสนี้ที่มาร่วมสังสรรค์กัน โชคดีมากวันนี้อากาศดี เห็นบอกว่าไม่ได้ทำกันมาหลายปีแล้ว ก็พยายามทำให้เกิดบรรยากาศอย่างนี้ทุกๆ ปี เรื่องคำถามคำตอบเรื่องที่เราอยู่ด้วยกันมา 3 เดือน หากมีอะไรที่ตนพูดจาไม่เหมาะสมหรือชักสีหน้า หรือแสดงอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรก็กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ตนก็เป็นคนเหมือนกัน ทำงานมาก็เหนื่อยบ้าง แต่ไม่ได้คิดอะไร สื่อมวลชนคงอยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ ก็เช่นเดียวกับพวกตนและทีมรัฐมนตรีทุกคน มาร่วมกันไม่ได้แบ่งแยก ไม่มีความแตกแยกใดๆ ทั้งสิ้น ก็คุยกันอยู่ด้วยกัน มีเรื่องที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย  เรามี 314 เสียง มาด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน ไม่ได้มาเล่นการเมือง แต่มาเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น และในที่สุดก็ส่งต่ออนาคตที่ดีให้กับลูกหลานของพวกเรา

ขณะที่นายวรัตม์กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่คริสต์มาสปีนี้ได้กลับมาอยู่กับครอบครัว มาอยู่เมืองไทย นานๆ เดินทางกลับมาอยู่กับพ่อแม่ก็ดีใจ เมื่อถามว่าได้มาเห็นการทำงานของคุณพ่อแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง นายวรัตม์กล่าวว่า ก็เหมือนเดิม เขาก็ทำงานหนักอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตนมาก็ภูมิใจที่เห็นท่านทำงานเพื่อบ้านเมือง พร้อมกล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า "ขอเมรี่คริสต์มาสและขอแฮปปี้นิวเยียร์ทุกคนด้วยนะครับ"

ชี้ช่อง 'ยิ่งลักษณ์' อภัยโทษ

นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องการขอพระราชทานอภัยโทษต้องดำเนินการอย่างไรว่า 1.ต้องเข้ามา 2.มอบตัวเป็นนักโทษแล้วถึงจะถวายฎีกาได้ ถ้ายังไม่รับโทษยังไม่สามารถถวายฎีกาได้ ไม่เรียกว่าฎีกา สำหรับฎีกาคือสิ่งที่นักโทษเด็ดขาดเป็นผู้ถวายขึ้นไป ส่วนจะโปรดเกล้าฯ หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพระมหากรุณา

รายงานข่าวระบุว่า สำหรับขั้นตอนขอพระราชทาน​อภัยโทษ​เฉพาะรายนั้น ผู้มีสิทธิ์​ยื่นเรื่องทูลเกล้าฯ ถวายได้แก่ผู้ต้องโทษที่คดีถึงที่สุด โดยขอพระราชทาน​อภัยโทษ​ผ่านเรือนจำ ทัณฑสถาน​ กระทรวง​ยุติธรรม​ สำนักงาน​ราชเลขาธิการ​ กระทรวง​การต่างประเทศ หรือสถานทูต  หลังจากรับเรื่องแล้ว กรมราชทัณฑ์​จะส่งไปสอบสวน​เรื่องราวยังเรือน​จำ หรือทัณฑสถาน​ที่ควบคุมผู้ต้องโทษ จากนั้นจะเสนอความเห็นให้รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม​ลงนาม เพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ผ่านสำนัก​เลขาธิการ​คณะรัฐมนตรี​ และสำนัก​ราชเลขาธิการ เมื่อมีพระบรมราชวินิจฉัย​เช่นไรก็จะส่งผลฎีกาดังกล่าวให้กรมราชทัณ​ฑ์ทราบ และดำเนินการพร้อมทั้งแจ้งผลให้ผู้ยื่นเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายทราบ

ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เชิญคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ชี้แจงความเห็นต่อการออกระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ที่ถูกสังคมตั้งคำถามว่าเอื้อนายทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกฯ หรือไม่ โดยมี น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช และนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กสม.เข้าชี้แจง ส่วนทางด้านกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ไม่ได้มาชี้แจงด้วยตนเอง โดยส่งนายสมภพ สังคุตแก้ว หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ กองทัณฑวิทยา มาชี้แจงแทน

น.ส.ปิติกาญจน์ชี้แจงว่า ความเห็นที่ กสม.เสนอไป คือ ให้กรมราชทัณฑ์จำแนกผู้ต้องขังออกเป็น 2 กลุ่ม คือ  1.ผู้ที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งตามหลักกฎหมายและหลักสากล จะต้องสันนิษฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่ประมาณ  50,000 คนที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี และ 2.นักโทษเด็ดขาด ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้จะต้องมีแนวทางปฏิบัติที่แตกต่างกัน

ขณะที่นายวสันต์ยืนยันว่า คำแถลงการณ์ของ กสม. เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ถูกพาดพิง และเกรงว่าสังคมจะเข้าใจผิด  จึงขอชี้แจงว่าข้อเสนอของ กสม.เมื่อตอนตรวจเยี่ยมเรือนจำปี 2562 คือข้อเสนอแก้ปัญหาความแออัดของเรือนจำ ซึ่งมีประเด็นเข้ามาคือ ผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการสู้คดียังเป็นแค่จำเลย และบางส่วนไม่ได้รับการประกันตัว จึงเสนอให้ควรปฏิบัติให้ต่างกับนักโทษเด็ดขาด และขณะนั้นมีข้อเสนอร่วมกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะ รมว.ยุติธรรมในขณะนั้น คือบุคคลเหล่านี้ควรสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์  และหลังจากนั้นได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.ทวี ถึงหลักเกณฑ์ผู้ที่ถูกกล่าวหากับนักโทษเด็ดขาด

"ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องระเบียบนี้โดยตรง ซึ่งมีพูดถึงนักโทษที่ป่วยหนักหรือป่วยจิตเวชที่ควรพิจารณา แต่ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ และเห็นว่ากรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาจะป่วยหนักติดเตียงหรือจิตเวช คนที่จะสั่งได้ต้องเป็นศาล เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่ากรมราชทัณฑ์จะสั่งเองทั้งหมด" นายวสันต์กล่าว

ยื่นแพทยสภาสอบป่วยทิพย์

ที่แพทยสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ท. นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (แพทย์) ไม่ประพฤติปฏิบัติตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมและกฎเกณฑ์ทางจรรยาบรรณที่แพทยสภาวางไว้ด เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่

โดยนายวัชระระบุว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนกรณีเคลือบแคลงสงสัยว่า น.ช.ทักษิณเข้าเรือนจำ แต่ไม่ได้มีการจำคุกจริงตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์  พ.ศ. 2560  (ไม่เท่าเทียมนักโทษทั่วไป) ถูกส่งตัวย้ายมาอยู่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 นับตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม  2566 จนถึงวันนี้ครบ 125 วัน พี่น้องประชาชนไม่เชื่อว่าพักรักษาอยู่จริง มีการเอื้อประโยชน์โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือ น.ช.ทักษิณได้พักรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจทั้งที่ไม่มีอาการเจ็บป่วยจริง นายแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์รับรองให้ น.ช.ทักษิณพักรักษาที่ รพ.ตำรวจ โดยมีนายแพทย์และพยาบาล รพ.ตำรวจรักษาอาการเจ็บป่วยของ น.ช.ทักษิณตลอดเวลาจนถึงปัจจุบัน เป็นที่สงสัยของพี่น้องประชาชนอย่างยิ่ง

"ดังนั้น ขอให้แพทยสภาซึ่งเป็นสภาวิชาชีพของแพทย์  ตรวจสอบนายแพทย์ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ว่าไม่ประพฤติปฏิบัติตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมและกฎเกณฑ์ทางจรรยาบรรณที่แพทยสภาวางไว้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร  หรือไม่ (รายชื่อแพทย์ขอให้สอบถามจากหน่วยงานต้นสังกัด) แพทย์โรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ออกใบวินิจฉัยโรคและใบรับรองให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นความเท็จหรือไม่ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจรักษาพยาบาล  น.ช.ทักษิณแต่ละวันจนถึงปัจจุบัน เป็นความเท็จหรือไม่ และถ้าหากเป็นความเท็จ แพทยสภามีบทลงโทษอย่างไร  และจะใช้ระยะเวลาสอบสวนเรื่องนี้นานกี่วัน เพราะเป็นกรณีที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ทั้งนี้ผมยินดีมาให้ถ้อยคำด้วยตนเองเพื่อให้แพทยสภาดำเนินการตามหน้าที่ต่อไป" นายวัชระระบุ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ผมเห็นทนายความของคุณทักษิณ  แม้กระทั่งรองนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง พูดว่าใครพาดพิงถึงคุณทักษิณกรณีนอนอบู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ถูกฟ้องตายห่าแน่ ผมอยากจะบอกกล่าวไปยังทนายความคุณทักษิณ และรองนายกรัฐมนตรีว่า ฟ้องเถอะครับ ใครถูกฟ้อง ถ้าต้องการผมยินดีเป็นทนายความให้ แน่จริง รีบฟ้องนะ!!"

"เชื่อผมเถอะ ไม่กล้าฟ้องหรอก ขู่คนที่ไม่รู้กฎหมายมากกว่า เพราะถ้าฟ้อง คนถูกฟ้องจะเรียกแพทย์และประวัติการรักษาของคุณทักษิณมาดู ว่าคุณทักษิณป่วยด้วยโรคอะไรแน่ อาการหนักถึงขนาดต้องนอนชั้น 14 รพ.ตำรวจเลยหรือ ผมนี่คิดทุกวันว่า ทำยังไงให้ทนายคุณทักษิณฟ้องคนที่กล่าวหา ความจริงจะได้เปิดเผยกันเสียที  เราจะปล่อยให้กระบวนการยุติธรรม และระบบนิติรัฐในประเทศเป็นไปอย่างนี้หรือ"

"ถ้าเราเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ นี่คือประเทศไทยที่เราต้องการหรือ? มันช่างตรงกับคำกล่าวที่ว่า ประเทศนี้คุกเอาไว้ขังคนจนและหมาจริงๆ"

"ผมว่าท่านผู้พิพากษา, อัยการ, ป.ป.ช. หลายคนอ่านข้อความผมอยู่ แล้วในหัวใจท่านไม่สงสัยประเด็นที่สังคมเขาสงสัยกันเลยหรือครับ ว่าคุณทักษิณป่วยจริง หรือป่วยทิพย์ ถ้าท่านสงสัย ท่านไม่คิดจะสร้างบรรทัดฐานความยุติธรรมอะไรให้บ้านเมืองเลยหรือ หรือท่านคิดว่า ช่างหัวมัน ตัวใครตัวมัน" นายนิพิฏฐ์ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง