งานถนัดเศรษฐา แก้หนี้นอกระบบ ชี้ชวนกู้ในระบบ!

น่าน ๐ "เศรษฐา" ยกทีม ครม.ไปน่าน แก้หนี้นอกระบบ โวลั่นเป็นผู้รับใช้ประชาชน  ต้องทำให้สำเร็จ สั่งยันกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านให้ตามติด โฆษกรัฐบาลเผย ล่าสุดมูลหนี้รวม 6,697.642 ล้านบาท ประชาชนลงทะเบียนแล้ว 106,863 ราย

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เดินทางไปจังหวัดน่าน เพื่อประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามการเจรจาแก้หนี้นอกระบบในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยมีรัฐมนตรีหลายคนร่วมคณะ

เมื่อเดินทางถึงศาลากลางจังหวัดน่าน    มีประชาชนจำนวน 200 คนรอให้การต้อนรับ พร้อมถือป้ายข้อความระบุว่า รักนายกฯ นิดๆ แต่จะฮักนายกฯ นานๆ, ขอให้ท่านนายกฯ มีสุขภาพแข็งแรง อยู่แก้ปัญหา และบริหารประเทศไปนานๆ รักท่านครับ, หมู่เฮาจาวเวียงสา ขอต้อนฮับท่านนายกฯ, +1 โครงการดีแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนายกฯ สู้ๆ, นายกฯ เศรษฐาสู้ๆ เพื่อประชาชน, Love นายกฯ, FC นายกฯ, คนน่านขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ, พวกเราคนภูเพียงสนับสนุนนายกฯ  เศรษฐา, เรารักนายกฯ เศรษฐา เป็นต้น

โดยนายกฯ ได้เดินทักทายประชาชน ขณะที่ในช่วงหนึ่งชาวบ้านได้ตะโกนบอกว่า “ยังรอเงินดิจิทัลอยู่นะครับ” ซึ่งนายกฯ ตอบกลับว่า “ครับ”

จากนั้น เวลา 14.00 น. นายกฯ เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามการเจรจาแก้หนี้นอกระบบในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย,  นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง, นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย

นายเศรษฐากล่าวก่อนเปิดการประชุมตอนหนึ่งว่า วันนี้ที่เรามาไม่ขอพูดเรื่องเก่า  เราพูดถึงเรื่องใหม่ดีกว่า ว่าจากนี้ต่อไปจะเดินต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ ที่จังหวัดน่านมีคนมาแจ้งแล้วกว่า 500 ราย และมีมูลหนี้ประมาณ 33 ล้านบาท อยากให้หน่วยงานความมั่นคง ซึ่งสามารถนั่งหัวโต๊ะและเรียกเจ้าหนี้และลูกหนี้มาให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยเอากฎหมายเป็นที่ตั้ง ซึ่งหากเราสามารถทำกันได้ และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้

"ผมคิดว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับชีวิตของพวกเราทุกคนและชีวิตของประชาชน ทั้งนี้ พวกเรานั่งอยู่ตรงนี้เราคือผู้รับใช้ประชาชน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลนี้กำหนดว่าเป็นเรื่องที่เราต้องทำให้สำเร็จ เรามาที่จังหวัดน่านก็เป็นแพลตฟอร์มที่ให้เดินต่อไป และขอให้กระทรวงมหาดไทยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่ดูในเรื่องพื้นที่ ว่าให้ดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะผมเชื่อว่าปัญหายาเสพติด ปัญหาพนันออนไลน์  ปล้นจี้ตรงนี้ ก็จะได้รับการแก้ไขเชื่อมโยงไปด้วย ผมขอฝากความหวังกับพวกท่านทุกคน อยากให้คืนรอยยิ้มให้กับประชาชนคนไทยทุกคน"

ช่วงหนึ่งนายกฯ ได้ท้วงติงว่า ตัวเลขจำนวนลูกหนี้ที่มีแจ้งมากว่า 500 ราย ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย   แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือมีผู้มาแจ้งกว่า 500 คน แต่การนำเข้ามาสู่ระบบถือว่าน้อยมาก มีเพียงกว่า 100 รายเท่านั้น ฉะนั้นเสนอให้ใช้กลไกของกำนันและผู้ใหญ่บ้านลงพื้นที่ไปดูและติดตาม ขอฝากอธิบดีกรมการปกครองด้วยก็แล้วกัน ถ้าเขาคุณสมบัติไม่ครบ ตัดออกไป ปัญหาก็จะไม่ได้รับการแก้ไข

"ผมไม่ได้ดูตัวเลข 500 กว่ารายที่แจ้งมา แต่ผมดูตัวเลข 100 กว่ารายที่เข้าสู่ระบบการเจรจา และหากเป็นไปได้อาจจะจัดตลาดนัดแก้หนี้ที่ศาลากลางจังหวัด  จัดเป็นอีเวนต์ทุกวันที่ 15 หรือวันเสาร์และอาทิตย์ เป็นต้น เพื่อให้ฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้มาพูดคุยกัน รวมถึงธนาคาร ซึ่งตรงนี้ผมถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี"

นายเศรษฐายังกล่าวเสนอว่า หากนำลูกหนี้และเจ้าหนี้เข้าสู่การเจรจาได้ 300 ถึง 400 ราย จะถือเป็นตัวเลขที่เรียกความมั่นใจได้ดีกว่า

จากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอว่า ข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทยมีความชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นขอให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอำเภอ จัดทีมออกไปออกสำรวจ เพราะอาจจะมีประชาชนที่ไม่กล้าลงทะเบียนเพราะกลัวถูกข่มขู่ ดังนั้นเราก็จะต้องกระตุ้นลงพื้นที่ไปตามที่นายกฯ สั่งการ เดี๋ยวจะหาว่าต้องมานั่งฟังนายกฯ ชี้นำ เพราะกระทรวงมหาดไทยมีข้อสั่งการในเรื่องนี้อยู่แล้ว และเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามข้อสั่งการของกระทรวงที่มีลำดับอยู่

ต่อมานายกฯ ร่วมรับฟังการแก้ปัญหาหนี้ระหว่างประชาชน (ลูกหนี้) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยก่อนที่จะรับฟังปัญหา นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า “ผมเข้าใจว่าที่ผ่านมาบ้านเมืองพบกับปัญหาเศรษฐกิจ โควิด-19 ซึ่งอาจจะทำให้หลายคนต้องไปพึ่งพาหนี้นอกระบบ วันนี้จึงมาพูดคุยพร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจะมาแก้ไขปัญหา ขอยืนยันว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป รัฐบาลพร้อมจะให้การช่วยเหลือ”

นายเศรษฐายังให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาหนี้นอกระบบนั้น นอกจากจะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับคนมีสีเข้าไปสนับสนุน​ว่า​ ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ และเชื่อว่าทุกคนพยายามทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาที่ประชุมก็มีการต่อว่าในทำนองนี้ ตนมองว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราต้องทำงานใหม่ วันนี้มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลมาหลายท่าน ซึ่งก็ให้ความมั่นใจเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ต้องแก้ไขอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อถามต่อว่า ถ้าเป็นลูกหนี้ที่กู้หนี้นอกระบบ แต่เก็บอัตราตามกฎหมายกำหนด จะดำเนินการอย่างไร นายก​ฯ ตอบว่า อยากให้ลูกหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบสถาบันทางการเงินมากกว่า​ ซึ่งนั่นเป็นหน้าที่ของลูกหนี้ว่าเขาจะเลือกอย่างไร

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้หนี้นอกระบบ โดยล่าสุดกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2566 มีมูลหนี้รวม 6,697.642 ล้านบาท ประชาชนลงทะเบียนแล้ว 106,863 ราย แบ่งเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 93,208 ราย และการลงทะเบียนที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 13,655 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 77,525 ราย จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุดคือ กรุงเทพมหานคร 6,734 ราย เจ้าหนี้ 5,749 ราย มูลหนี้ 566.522 ล้านบาท จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุดคือ แม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน 151 ราย เจ้าหนี้ 117 ราย มูลหนี้ 6.621 ล้านบาท

สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศ พบว่ามีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว 1,445 ราย ไกลเกลี่ยสำเร็จ 233 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 144.119 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 46.561 ล้านบาท มูลหนี้ลดลง 97.557 ล้านบาท ซึ่งมีจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดคือจังหวัดนครสวรรค์   โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 179 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 8 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 15.218 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 7.65 แสนบาท ทำให้มูลหนี้ของประชาชนในจังหวัดลดลงมากถึง 14.453 ล้านบาท

“นี่คือความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดของการแก้หนี้นอกระบบ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบอยู่ แล้ว ยังลังเลใจว่าจะเข้ามาแจ้งดีไหม ขอท่านได้โปรดตัดสินใจเข้ามาสู่กระบวนการที่ภาครัฐเตรียมพร้อมจะช่วยท่านอย่างเต็มที่อยู่ในขณะนี้ การแก้หนี้นอกระบบ หากได้รับความร่วมจากทุกฝ่าย จะสามารถดึงเม็ดเงินที่หลุดออกไปจากมือประชาชนไหลเข้าไปอยู่ในมือนายทุนปีละไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท เม็ดเงินมหาศาลจำนวนนี้สมควรจะถูกบริหารจัดการให้กลับคืนสู่มือพี่น้องประชาชนเพื่อการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะช่วยส่งผลให้เศรษฐกิจภายในของประเทศกลับมาฟื้นตัวได้อย่างมีพลังอีกครั้งครับ” นายชัย กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ ไม่ได้จ้องแต่จะกู้เงินมาแจกอย่างที่คนมองโลกในแง่ลบพยายามที่จะหาช่องโจมตีทุกรูปแบบ แต่เรามีนวัตกรรมในการคิดค้นนโยบายและโครงการที่จะต้องใช้งบประมาณน้อยมากหรือแทบไม่ต้องใช้เลยเพื่อเติมเงินใหม่กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของไทย ที่กำลังตกอยู่ในสภาพเสมือนร่างกายที่มีเลือดหล่อเลี้ยงในระบบเหลืออยู่น้อยมากๆ จนกำลังจะก่อให้เกิดวิกฤตร้ายแรงได้ วิธีแก้วิกฤตให้ดีที่สุดคือการลงมือดักหน้าก่อนที่วิกฤตนั้นจะเกิดขึ้นแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.จับตาศึก ‘อบจ.ราชบุรี’

ประธาน กกต.ยันจับตาเลือกตั้ง อบจ.ราชบุรีวันอาทิตย์นี้ เตือนอย่าทำอะไรผิดกฎหมาย “2 ผู้สมัคร” แห่หาเสียงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะเด็กค่าย ปชน.

ไปข้างหน้าเพื่อชาติ! อิ๊งค์วอนเสื้อแดงให้เข้าใจ ราชทัณฑ์ดิ้นโต้เสรีพิศุทธ์

"นายกฯ อิ๊งค์" เผย ครม.นิ่งแล้ว รอตรวจประวัติเสร็จทำงานได้ทันที แจงจับมือ "ประชาธิปัตย์" เพื่อเสถียรภาพรัฐบาล บอกเข้าใจหัวอกคนเสื้อแดง วอนก้าวไปข้างหน้าเพื่อชาติ