ฟุ้งผลงาน90วันผลิดอก โทษรบ.ก่อนทำศก.แย่

โฆษกรัฐบาลโหนกรมประชาสัมพันธ์ บอกสรุปผลงาน 90 วันรัฐนาวาเสี่ยนิดได้ดี อึ้ง! ประกาศแล้วขึ้นเงินเดือนข้าราชการปริญญาตรี 18,150 บาททั้งที่ยังไม่เข้า ครม. พร้อมจะขยับ 10% ใน 2 ปี พ่วงกู้มาแจกแม้เรื่องอยู่กฤษฎีกา “ชัย” โทษทันควันสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันมาจากผลงานเก่า 1-2 ปีที่แล้ว “พีระพันธุ์” ไม่ยืนยัน 19 ธ.ค.ชงเคาะค่าไฟ-น้ำมันหรือไม่แต่ก่อนสิ้นปีแน่ “อนุทิน” เปิดตัวชี้วัดแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ  “สว.วันชัย” ให้คะแนน “เศรษฐา” 4 เต็ม 10 บอกเก่งแต่ไหว้สวย จัดอีเวนต์ ไร้ผลงานจับต้องได้

เมื่อวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2566 นายชัย วัชรงค์  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมประชาสัมพันธ์ได้สรุปผลงานรัฐบาลในรอบ 90 วัน ลดรายจ่าย  เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ซึ่งรัฐบาลขอชื่นชมการจัดทำรายงานดังกล่าวที่สรุปผลงานของรัฐบาลได้อย่างดี มีความครบถ้วน ทำให้ประชาชนสามารถมองเห็นภาพรวมได้ทั้งหมด

นายชัยกล่าวว่า ในส่วนนโยบายลดรายจ่ายนั้น ประกอบด้วย 1.การลดรายจ่ายด้านพลังงานและการคมนาคม เช่น ปรับลดราคาค่าไฟฟ้าเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย 3 เดือน ปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลง 2.50 บาท/ลิตร  ลดราคารถไฟฟ้าสีม่วงและสีแดง 20 บาท ตลอดสาย 2.ครม.เห็นชอบจ่ายเงินช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท  4.68 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ 3.ช่วยชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด ลด PM2.5 120 บาท/ตัน 4.รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ 5.พักหนี้เกษตรกรที่มีหนี้ไม่เกิน 3 แสนบาท 6.บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ นำร่อง 4 จังหวัด (แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส)

สำหรับนโยบายเพิ่มรายได้ ประกอบด้วย 1.กระตุ้นการท่องเที่ยว วีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีน/คาซัคสถาน/อินเดีย/ไต้หวัน (ไม่เกิน 30 วัน) รัสเซีย (ไม่เกิน 90 วัน) 2.ขึ้นเงินเดือนข้าราชการปริญญาตรี 18,150 บาท โดยจะปรับขึ้นในอัตรา 10% เป็นเวลา 2 ปี ในปีงบประมาณ 2567-2568  การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ ทยอยปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิเพิ่มขึ้น (ทุกคุณวุฒิ) ในอัตรา 10% ภายใน 2 ปี 3.ผลักดันกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000  บาท โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 4.ขยาย OTOP สู่แพลตฟอร์มออนไลน์ 5.One Belt One Road เส้นทางสายไหม 6.ขยายเวลาปิดสถานบริการนำร่อง 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ และชลบุรี 7.ขยายเวลาการเปิดให้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่ 24 ชั่วโมง  และ 8.ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง

 “สิ่งที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้ทุ่มเททำลงไปจะเริ่มผลิดอกออกผลให้เห็นตั้งแต่กลางปี 2567 เป็นต้นไป ส่วนภาพเศรษฐกิจที่เห็นอยู่ในขณะนี้เป็นผลพวงของสิ่งที่ได้ถูกกระทำไปเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา” นายชัยระบุ    

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ  ครั้งที่ 1/2566 โดยกล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้มีภารกิจหน้าที่ครบทุกมิติทั้งในด้านการไกล่เกลี่ย การบังคับใช้กฎหมาย การรักษาความสงบ และการแก้ไขปัญหา โดยจะมีการกำหนดไทม์ไลน์และตัวชี้วัด (เคพีไอ) ชัดเจน ซึ่งนายกฯ ได้ให้นโยบายในวันที่คิกออฟโครงการไว้ว่า ขอให้ดำเนินเรื่องนี้ด้วยความรวดเร็ว เด็ดขาด และเข้มงวดในการใช้กฎหมาย

นายอนุทินยังระบุว่า ที่ประชุมได้มีมติดังนี้ เห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งมีปลัด มท.เป็นประธานอนุกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการช่วยเหลือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่

เปิดเป้าแก้หนี้นอกระบบ

นายอนุทินกล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ โดยกรมการปกครองเป็นเจ้าภาพหลัก ซึ่งตั้งแต่เริ่มเปิดลงทะเบียนจนถึง 18 ธ.ค. 2566 มีลูกหนี้มาลงทะเบียนแล้ว 99,484 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 5,926 ล้านบาท และขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 20 ราย 2.ด้านการบังคับใช้กฎหมาย มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ซึ่งได้ดำเนินคดีกับเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้กำลังประทุษร้ายลูกหนี้ไปแล้วบางส่วน รวมทั้งเรียกเจ้าหนี้มาทำความเข้าใจนโยบายของรัฐบาล และ 3.ด้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน จะมีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพในการปล่อยวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เงื่อนไขน้อย และอาจมีเวลาปลอดการชำระคืนเงินต้น

นายอนุทินยังกล่าวถึงตัวชี้วัดการดำเนินการทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วย ตัวชี้วัดการไกล่เกลี่ยของกรมการปกครอง กำหนดการเจรจาไกล่เกลี่ยได้อย่างน้อย 80%  ของลูกหนี้ในระบบและเจ้าหนี้ตามฐานข้อมูล รวมทั้งสามารถตกลงกันได้ไม่น้อยกว่า 50% ด้านการบังคับใช้กฎหมาย ตร.สามารถดำเนินคดีได้ทั้งหมด 70% ของเรื่องรับดำเนินการ โดยกรณีซับซ้อนไม่เกิน 3 เดือน ส่วนด้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ธนาคารออมสินและธ.ก.ส.มีเป้าหมายผู้ได้รับความช่วยเหลือที่ 70% ของผู้ลงทะเบียน โดยปล่อยวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำรายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ลูกหนี้เคยเสีย  ซึ่งวันนี้เราจะทำให้เหลืออยู่ไม่เกิน 1.5% ต่อเดือน

นายอนุทินยังกล่าวถึงกรณีลูกหนี้ขับรถชนเจ้าหนี้  เนื่องจากแค้นที่ถูกทวงหนี้ไม่เลิกทั้งที่จ่ายดอกเบี้ยเกินเงินต้นแล้วที่ จ.นนทบุรีว่า จะให้นายอำเภอและผู้กำกับไปไกล่เกลี่ย เรื่องนี้เป็นรายละเอียด เราจะดูภาพรวมให้ดีที่สุด ซึ่งกรณีที่ จ.นนทบุรี กำลังรอฝ่ายปฏิบัติรายงานขึ้นมาว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร โดยลูกหนี้และเจ้าหนี้จะมีบันทึกอยู่แล้วว่าจำนวนเงินที่ใช้คืนไปมีจำนวนเท่าไหร่ ถ้าจ่ายเกินไปมากแล้วก็ควรจะจบได้แล้ว ถ้าไม่จบ ดอกเบี้ยที่คิดเกินไป ภาษีไม่ได้จ่าย อาจจะโดนเบี้ยปรับมากกว่าเงินต้นหลายเท่า และมีความผิดทางอาญาด้วย

ขณะที่นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 19 ธ.ค. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน เตรียมเสนอปรับลดค่าไฟฟ้างวดใหม่ ม.ค.-เม.ย. 2567 โดยตัวเลขค่าไฟผันแปร (เอฟที) จะไม่เกินที่ 4.20 บาทต่อหน่วย ขณะนี้กำลังทำตัวเลขอยู่ว่าจะได้เท่าไหร่ ส่วนครัวเรือนที่เป็นกลุ่มเปราะบางที่เคยใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย ก็จะมีช่วยเหลืออยู่ที่ราคาเดิมคือ 3.99 บาท ซึ่งสามารถช่วยครัวเรือนได้ประมาณ 17 ล้านราย 

 “รมว.พลังงานอยากที่จะให้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.10 บาท แต่ต้องมีหลายส่วนที่ต้องดูให้สอดคล้องกัน ขอประชาชนไม่ต้องห่วง รัฐบาลและ รมว.พลังงานจะพยายามทำให้ดีที่สุด ทั้งเรื่องของพลังงานไฟฟ้า ราคาน้ำมัน โดยจะรื้อทั้งระบบที่เคยมีมากว่า 30 ปี ซึ่งจะไม่สร้างภาระให้ประชาชน และสิ่งใดที่สามารถทำได้จะทำทันที” นางรัดเกล้ากล่าว

ไม่รับปาก 19 ธ.ค.เคาะเอฟที

ส่วนนายพีระพันธุ์กล่าวตอบคำถามที่ว่า เรื่องนี้จะถูกเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 19 ธ.ค.หรือไม่ว่า ไม่ต้องการระบุอย่างแน่ชัด เผื่อว่าอาจมีเหตุให้ไม่สามารถนำเรื่องเข้าที่ประชุมได้ แต่จะพยายามทำให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปีเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ส่วนเรื่องตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ระดับ 29.94 บาทต่อลิตร หรือไม่เกิน 30 บาทนั้น ก็จะพยายามนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ก่อนสิ้นปีเช่นเดียวกัน

รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบันราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร ภายใต้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และการลดภาษีสรรพสามิตลง 2.50 บาท/ลิตร ซึ่งหากมาตรการลดภาษีสิ้นสุดลงวันที่ 31 ธ.ค.นี้ และไม่มีการต่ออายุมาตรการออกไปอีก กองทุนจะบริหารจัดการรักษาเสถียรภาพราคาดีเซล เพื่อตรึงราคาขายปลีกดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตรได้อีกเพียง 1 เดือนเท่านั้น ส่วนความคืบหน้าในการกู้ยืมเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องกองทุน ได้กู้เงินและใช้ไปแล้วรวม 65,000 ล้านบาท ยังเหลือเงินที่จะใช้ได้อีกประมาณ 40,000 ล้านบาท จากจำนวนเงินที่บรรจุเป็นหนี้สาธารณะไปแล้ว 110,000 ล้านบาท ภายใต้วงเงินทั้งสิ้น 150,000 ล้านบาท

ส่วนที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) สภาประชาชน 4 ภาค เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน  ปัญหาหนี้สิน และการฟื้นฟูอาชีพ หลัง ครม.มีมติเห็นชอบในการแก้ปัญหาตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. 2552 แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับการแก้ปัญหาให้ทั้งหมด

ด้านนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการทำงานของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.การคลัง  ว่าต้องยอมรับว่ารัฐบาลทำงานมาประมาณ 3 เดือนเศษ  ประชาชนก็คาดหวังว่าผลงานต้องออกมาตามสิ่งที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ แต่สิ่งที่ประชาชนคาดหวัง และรอจากรัฐบาลยังไม่ปรากฏเป็นรูปธรรมเลย เห็นแต่อีเวนต์ การประกาศ เห็นแต่นโยบาย การชี้แจง แต่เนื้องานที่ออกมาเป็นชิ้นเป็นอันยังไม่มี และหลายสิ่งหลายอย่างที่นายกฯ โพล่งออกมา ไม่ได้ดูกลไกหรือตัวกฎหมาย หรือระเบียบวิธีปฏิบัติของราชการ ฉะนั้นเมื่อประกาศออกมาก็สะดุด หยุดชะงักไปหมด ไม่ว่าเรื่องขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งทำให้ข้าราชการมีความหวัง แต่เมื่อถึงเวลากลับได้บางส่วน รวมถึงเรื่องการจ่ายเงินเดือน 2 ครั้ง การขึ้นค่าแรง แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต รวมทั้งการปราบปรามยาเสพติด รวมถึงเรื่องล่าสุดการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ

นายวันชัยกล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบมาการแก้หนี้นอกระบบเป็นการสั่งการที่กระจัดกระจาย ไม่สามารถมีใครปฏิบัติได้จริง ถ้าอยากจะพิสูจน์ที่เป็นรูปธรรมให้ดูสมัย  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อดีตรองนายกฯ ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.จัดการ นั่นที่เป็นรูปธรรม แต่ระบบที่สั่งและนั่งคุย ลงทะเบียน ลงบัญชี นี่คือปาหี่ทางการเมือง สิ่งที่พูดถือว่าพูดกันอย่างกัลยาณมิตร

ยก ‘บิ๊กตู่-แม้ว’ สอน ‘เสี่ยนิด’

 “สิ่งที่พูดออกไปเหมือนเป็นการเตือนนายกฯ ว่าต้องเปลี่ยนการบริหารการจัดการประเทศใหม่ ไม่ใช่เอาแต่ละพื้นที่ โชว์นั่นโชว์นี่ เราไม่ใช่ดารานักร้อง ระบบราชการมีเครื่องไม้เครื่องมือ มีอุปกรณ์ในการที่จะสนองนโยบายรัฐบาลอยู่แล้ว ประเทศไม่ใช่เป็นบริษัทเอกชน ที่เราเป็น CEO สูงสุดจะเอาอย่างไรก็ได้ มันมีตัวบทกฎหมาย มีกติกาของมันในการปฏิบัติ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ เพราะท่านอาจไม่มีประสบการณ์เหมือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ หรือไม่มีประสบการณ์เหมือนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ท่านมีแต่ความรู้และประสบความสำเร็จด้านธุรกิจเพียวๆ ฉะนั้น จึงเสียดายที่เราเลือกตั้งกันมา เราควรได้นายกฯ ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ แต่ปรากฏว่าคนคาดหวังแล้วผลงานยังไม่ออก ซึ่งผมในฐานะที่เป็น สว.จึงตะโกนบอกแล้ว หากยังไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ อาจต้องใช้กลไกวุฒิสภาที่มีอำนาจในการอภิปรายทั่วไป” นายวันชัยกล่าว

นายวันชัยกล่าวต่อว่า สิ่งที่ทำไปไม่ได้มีอคติใดๆ  เพียงแค่ทำในฐานะที่ต้องการให้มีผลงานออกมาและเป็นที่พึงพอใจของประชาชน ไม่ใช่มัวรำมวย รำไปรำมา 3-4 เดือน แค่นี้ ย้ำว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดเป็นสิ่งที่คนที่เลือกนายเศรษฐาเป็นนายกฯ และอยากให้มีผลงาน เพราะถ้าคะแนนเต็ม 10 ให้เพียง 4 คะแนน เนื่องจากได้แต่ภาพอีเวนต์ การลงพื้นที่ได้แต่ฉาบฉวย แต่ผลงานเป็นชิ้นเป็นอันที่จับต้องได้ยังไม่มี ขณะที่การประสานความร่วมมือของนายกฯ  เอง ทั้งภาคราชการและ ครม.น้อยเกินไป เพราะอาจชินกับการเป็นผู้บริหารบริษัทภาคเอกชน และยังไม่ทราบว่าการบริหารราชการแผ่นดินมีกลไกกฎหมาย ข้อบังคับ จะทำเหมือนบริษัทขายบ้านจัดสรรไม่ได้

 “เปรียบเหมือนมวยที่คนต่อยหนัก ต่อยตลอด แต่ต่อยไม่ตรงเป้า มันวืดไปหมด ผมมองว่านายกฯ รำมวยสวย  ไหว้คนสวยงาม ลงพื้นที่เก่ง แต่ชกไม่ตรงเป้า ไม่ได้คะแนน เสียดาย ส่วนเหตุผลที่พักร้อนเวลานี้ คงเพราะหัวร้อนมานานจึงอยากจะพักร้อนบ้าง”

นายวันชัยยังกล่าวถึงกระแสการเปลี่ยนตัวนายกฯ  จากนายเศรษฐาเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าถ้าไม่มีเหตุจำเป็นสุดวิสัยจริงๆ เชื่อว่าอย่างไรนายเศรษฐาก็ยังเป็นนายกฯ เพราะรู้ว่าจังหวะที่  น.ส.แพทองธารควรจะมาคือเมื่อไหร่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน แล้วไม่มีเหตุผลจะต้องมาตอนนี้ ถ้ามาได้เขามาตั้งแต่แรกแล้ว

เมื่อถามว่า แล้วจังหวะที่เหมาะสมสำหรับ น.ส.แพทองธารในการเป็นนายกฯ คือช่วงไหน นายวันชัยกล่าวว่า ให้ติดตามกันต่อไป แต่ไม่น่าจะใช่ช่วงนี้ คิดว่าอาจเป็นปลายๆ สมัยของรัฐบาล ใกล้เลือกตั้งอาจจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เอื้อที่จะเปลี่ยน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.จับตาศึก ‘อบจ.ราชบุรี’

ประธาน กกต.ยันจับตาเลือกตั้ง อบจ.ราชบุรีวันอาทิตย์นี้ เตือนอย่าทำอะไรผิดกฎหมาย “2 ผู้สมัคร” แห่หาเสียงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะเด็กค่าย ปชน.

ไปข้างหน้าเพื่อชาติ! อิ๊งค์วอนเสื้อแดงให้เข้าใจ ราชทัณฑ์ดิ้นโต้เสรีพิศุทธ์

"นายกฯ อิ๊งค์" เผย ครม.นิ่งแล้ว รอตรวจประวัติเสร็จทำงานได้ทันที แจงจับมือ "ประชาธิปัตย์" เพื่อเสถียรภาพรัฐบาล บอกเข้าใจหัวอกคนเสื้อแดง วอนก้าวไปข้างหน้าเพื่อชาติ