‘บิ๊กทิน’ โต้ลิ้นพัน เปล่าอวยกองทัพ

กลาโหม ๐ "บิ๊กสุทิน" ยันไม่อวยทหาร-ไม่ต้องบลัฟ แต่ตัดสินใจบนประโยชน์ที่ทหารรับได้ ส่วนเรือดำน้ำ ถ้าสเปกไม่ได้ก็ต้องเอาอย่างอื่นแทน ดีกว่าเสียเงินเปล่า   เผยหลังปีใหม่ออกระบบจัดซื้ออาวุธใหม่   ขออย่ามองรัฐมนตรีใจร้ายกับกองทัพ แค่เปลี่ยนรัฐบาล กองทัพพัฒนาพรวดพราด   "จิรายุ" ฟุ้งพัฒนาความมั่นคงไปพร้อมกับความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจได้

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2566 นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเปิดใจว่า การมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม อาจถูกมองว่าอวยทหารมากจนเกินไป ซึ่งยืนยันว่าทำตามเนื้องาน ตนเป็นผู้บังคับบัญชาที่ตัดสินใจบนประโยชน์ หากสถานการณ์เข้มก็ต้องเข้ม ถ้าสถานการณ์ไม่เข้มก็ไม่จำเป็นต้องทำ แต่ถึงเวลาที่ตัดสินใจเรื่องสำคัญก็ต้องตัดสินใจ และไม่หนักใจ เพราะทหารมีวินัยอยู่แล้ว ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา หากตัดสินใจเรื่องใดที่เป็นประโยชน์ต่อกองทัพทหารก็เห็นด้วยอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องบลัฟ หรือขึงขังใส่ทหาร เพราะไม่จำเป็นต้องทำก็ไม่ต้องทำ ถ้าเปรียบแล้วก็คือเป็นนักมวย ต่อยตามแผน ไม่ใช่ต่อยตามเสียงเชียร์

“ผมก็ไม่ได้ใจดีกับทหาร บางครั้งก็ขัดใจเขา อย่างเช่นเรือดำน้ำก็ไม่ได้เอากับเขา อย่างนี้เรื่องใหญ่ด้วย ซึ่งก็มีอีกหลายเรื่องที่มันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่ถ้ามันใช่แล้วไปบอกว่าไม่ใช่ หวังไปโชว์ฟอร์มเฉยๆ ไม่มีประโยชน์” นายสุทินกล่าว

ทั้งนี้ ยอมรับว่าหลายภาคส่วนต้องการเรือดำน้ำ ซึ่งตนก็เห็นความจำเป็น ไม่ใช่ว่าไม่ให้ แต่พอดีมีปัญหา เราก็กลัวเสียดายเงินทิ้งเปล่า เอาอะไรมาแทนดีกว่าเอาเงินไปทิ้งเปล่า ซึ่งถ้าอัยการตีความออกมาว่ายังเอาเรือดำน้ำได้ เราก็เอาให้เขา แต่ถ้าไม่ได้โดยกฎหมาย สเปกไม่ได้ คุณภาพไม่ดี เราก็อาจเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น และทดแทนให้เขา

สำหรับงบจัดซื้ออาวุธปี 2567 นั้น นายสุทินกล่าวว่า การจัดซื้ออาวุธทุกรายการ ได้มีการพูดคุยกับเหล่าทัพแล้วว่าต้องเสนอเข้าสู่คณะกรรมการคุณธรรม ซึ่งจะดูว่าซื้อตามความจำเป็นหรือไม่ ใช้ประโยชน์คุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะดูตั้งแต่ต้นจนจบ สังคมจะได้สบายใจว่าการซื้อจำเป็นและคุ้มค่าหรือไม่ใช้ได้จริงหรือไม่ มีการผูกขาดหรือล็อกสเปกหรือไม่ ซึ่งเหล่าทัพก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะกองทัพอากาศที่มีการจัดซื้อหลายรายการ ก็ยินดีทำตามกฎ ซึ่งหลังปีใหม่จะมีระบบในการจัดซื้อจัดหาอาวุธออกมารองรับ ซึ่งสังคมฟังแล้วจะสบายใจ  แต่อย่าบอกว่ามาตรการที่ออกมารัฐมนตรีใจร้ายกับกองทัพ ส่วนมาตรการจะเป็นอะไรให้รอฟังหลังปีใหม่ แทนที่ต่างคนต่างซื้อ ก็อาจจะซื้อเป็นแพ็กเกจทั้ง 4 เหล่าทัพ ซึ่งต้องไปหารือในสภากลาโหมก่อน

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมฝ่ายการเมือง กล่าวถึงการลงพื้นที่ภาคตะวันออก ในพื้นที่ของกองทัพเรือภาค 1 ที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ของนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่านอกจากการตรวจเยี่ยมการฝึกยุทธวิธีของกองทัพเรือแล้ว  รัฐมนตรียังได้ติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาในอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ EEC เพื่อรองรับต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังเติบโตในอนาคตอันใกล้นี้

โดย พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการปรับปรุงสนามบินอู่ตะเภา ได้รายงานว่า เพื่อให้สนามบินแห่งนี้มีความทันสมัยในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนมากที่เข้ามาท่องเที่ยวในชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก และรองรับกับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในโครงการ พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก  หรือ EEC ซึ่งจะมีทั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ๆ และระบบคมนาคม ทั้งทางอากาศ ทางน้ำและทางบก รวมทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือมี 2 โครงการ คือการพัฒนาและปรับปรุงทั้งอาคารผู้โดยสาร และรันเวย์ที่ 2 เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ในปริมาณที่มากขึ้น

โดยล่าสุดมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก โดยงานจ้างที่ปรึกษาโครงการดำเนินการไปถึงขั้นตอนการประกาศเชิญชวนแล้ว คาดว่าจะมีการอนุมัติในสัปดาห์หน้านี้

ส่วนงานจ้างก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 จะนำเข้าพิจารณากับคณะกรรมการของกองทัพเรือ เพื่อขอความเห็นชอบในร่าง TOR  ไม่เกินวันที่ 26 ธันวาคมปีนี้ เพื่อให้ทันแถลงผลการประชุมคณะกรรมการ EEC ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันดังกล่าว โดยคาดว่าในปีหน้าโครงการนี้จะมีความคืบหน้าในการรองรับภาวะเศรษฐกิจที่จะเติบโตได้

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า ในส่วนของกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้กำชับหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ให้ดำเนินการตอบสนองตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในเรื่องแนวนโยบายพัฒนากองทัพควบคู่ไปกับการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ โดยใช้ทรัพยากรของกองทัพในการสนับสนุน  เนื่องจากโลกยุคใหม่ต้องเดินควบคู่ไปพร้อมกันระหว่างความมั่นคงทางการทหารและความมั่นคงของเศรษฐกิจ  เพราะเมื่อเศรษฐกิจมั่งคั่ง ความมั่นคงของประเทศไทยก็จะมั่นคงตามไปด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง