ผีเน่าโลงผุ‘พท.-กก.’อัดยับ

ไทยโพสต์ ๐ ซัดกันนัวเนีย เพื่อไทยเปิดศึกน้ำลายก้าวไกล "พายัพ" เหน็บ "พิธา" หน้ามือเป็นหลังมือ ตอนอ้อนขอให้ร่วมรัฐบาลอ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาดีเรียบร้อย แต่ตอนนี้ตำหนิติเตียนรัฐบาล สารพัดว่าไม่ดีไม่เหมาะสม ระวังต้องเป็นฝ่ายค้าน 8 ปี “อนุสรณ์” ดึงสติ “ก้าวไกล” ไหนบอกสภาล่ม 1 ครั้งสูญเสีย 8.2 ล้าน แล้วทำสภาล่มทำไม เจอสวนเพราะ สส.รัฐบาลขาดประชุม

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2566 นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผลงานรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า ตอนพรรคก้าวไกลอยากเป็นรัฐบาล  มากราบอ้อนวอนให้พรรคเพื่อไทยร่วมรัฐบาล แตกต่างกับตอนนี้มากชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนั้นอ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาดีเรียบร้อย ให้สัมภาษณ์ชมว่าพรรคเพื่อไทยดี มีผลงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชนได้ผล นำพาประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง พรรคก้าวไกลจึงมาเชิญพรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาลตามเจตจำนงของประชาชน แต่พอพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาลและต้องไปเป็นฝ่ายค้าน ก็ออกมาตำหนิติเตียนรัฐบาลเศรษฐาสารพัดว่าไม่ดีไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้

"รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลผสม มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ไม่ใช่เป็นรัฐบาลพรรคเดียว การจะทำอะไรตามนโยบายของเพื่อไทยทั้งหมดจึงไม่ได้ และจำเป็นจะต้องฟังพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ด้วย"

นายพายัพกล่าวว่า ปัญหาที่สะสมจากรัฐบาลชุดที่แล้ว 8-9 ปีก็มีอยู่มาก  ทั้งหนี้สิน ทั้งเงินกู้ต่างประเทศ ปัญหาการส่งออกและการแข่งขันกับต่างประเทศ ปัญหาเรื่องของคดีเหมืองทอง  ปัญหาการซื้อเรือดำน้ำ ยังไม่รวมกลไกการบริหารราชการแผ่นดินที่ถูกวางไว้แน่นหนาทั้งระบบ รัฐบาลต้องทำความเข้าใจปัญหาทุกอย่างทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ซึ่งเพิ่งผ่านมาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น แต่รัฐบาลก็แก้ไขปัญหาหลายอย่างไปมากแล้ว

เขากล่าวว่า นายกรัฐมนตรีก็ออกเดินสายทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อรับทราบปัญหาและหาทางแก้ไข  โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน รัฐบาลมุ่งลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสให้ประชาชน พยายามแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งระบบ เร่งปราบยาเสพติดอย่างเด็ดขาด แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อให้ทุกอย่างลงตัวกว่านี้ เชื่อว่ารัฐบาลจะนำนโยบายต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนออกมาขับเคลื่อนได้มากขึ้น ส่วนโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ขณะนี้ก็คืบหน้าไปมาก รัฐบาลได้ส่งเรื่องถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาแล้ว คาดว่าในเดือน พ.ค.ปี 2567 ก็คงเริ่มโครงการได้

“รัฐบาลเพิ่งทำงานมาได้เพียงแค่ 3 เดือน คุณพิธาควรใจเย็น และขอให้เชื่อว่าคนไทยทุกฝ่ายล้วนแต่เป็นห่วงประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนกันทั้งนั้น รัฐบาลกำลังเร่งทำงานในทุกด้าน  อย่าพยายามวิพากษ์วิจารณ์เพียงเพราะหวังประโยชน์ทางการเมืองฝ่ายเดียวมากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นพรรคก้าวไกลอาจต้องเป็นฝ่ายค้านไป 8 ปี” นายพายัพกล่าว

กูสั่งให้มึงแสดงตน

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์สภาล่มเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.  ระหว่างการลงมติพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จนต้องสั่งปิดประชุมโดยมีผู้ลงมติ 228 คน ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ ว่า สมาชิกพรรคก้าวไกลเคยกล่าวไว้เองว่าสภาล่ม 1 ครั้ง มูลค่าความเสียหายประมาณ 8,291,945 บาท ทำประเทศชาติเสียหาย ทำประชาชนเสียโอกาส เหตุการณ์สภาล่มเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.นั้น ในขั้นตอนการแสดงตนเป็นองค์ประชุมก่อนลงมติร่างข้อบังคับดังกล่าว มี สส.พรรคก้าวไกลแสดงตน 92 คน ไม่แสดงตน 56 คน แต่พอถึงขั้นตอนการลงมติที่ห่างจากขั้นตอนแสดงตนเป็นองค์ประชุมแค่ 2 นาที พบว่าเหลือ สส.พรรคก้าวไกลลงมติแค่ 2 คน จาก 92 คนที่แสดงตน

"คำถามคือ ถ้าเป็น สส.พรรคอื่น อยู่ในห้องประชุมสภาแล้วไม่แสดงตน หรืออยู่แสดงตนในห้องประชุมสภาแต่ไม่ลงมติ คงโดนสารพัดแฮชแท็กปั่นขึ้นมาจากกองเชียร์บางฝ่ายว่า กูสั่งให้มึงแสดงตน กูสั่งให้มึงลงมติ ไม่อยากลงมติลาออกไป แต่พอเป็นพรรคก้าวไกลทำ คนกลุ่มนี้กลับยกย่อง"

นายอนุสรณ์กล่าวว่า การขอนับองค์ประชุมพร่ำเพรื่อ การอยู่ในห้องประชุมสภาแต่ไม่แสดงตน หรืออยู่แสดงตนแต่ไม่ลงมติ เจตนาชัดว่าต้องการทำให้สภาล่มหรือไม่ ตกลงที่เคยบอกว่า สภาล่ม 1 ครั้ง สูญเงิน 8,291,945 บาท ถ้าฝ่ายตัวเองเป็นคนทำสภาล่มเสียเองไม่เป็นไรแล้วหรือ เสียหายเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไรหรือ   ตนเชื่อว่าจากนี้ สส.รัฐบาลต้องการ์ดสูง ตั้งตนอยู่ในความพร้อมขั้นสูงสุดตลอดเวลา

“การทำสภาล่มอาจเป็นเรื่องสะใจของบางคน บางพรรค ที่ทำให้สภาล่มได้  แต่ถ้าเราดึงสติแล้วถอยกลับออกมา ยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ไม่มีใครได้ประโยชน์ มีแต่เสียโอกาส” นายอนุสรณ์ กล่าว

ด้าน น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ตอบโต้ว่า   นายอนุสรณ์มีโจทย์คณิตศาสตร์ง่ายๆ ที่เด็กประถมปลายน่าจะตอบได้ คือกึ่งหนึ่งขององค์ประชุมสภา 500 คนที่ทำให้สภาไม่ล่มเท่ากับ 250 พรรคก้าวไกลมี สส.ทั้งสภาประมาณ 150 คน มีจำนวน สส.จากพรรคซีกรัฐบาลเกิน 300 คน หากสภาล่ม ต้องถามกลับไปยังรัฐบาลว่า ตกลงแล้วที่สภาล่มเป็นเพราะ สส.ก้าวไกลล่มสภา หรือเพราะ สส.ฝ่ายรัฐบาลขาดประชุมกันแน่

โต้สภาล่มเพราะ สส.รัฐบาล

น.ส.ภคมนกล่าวว่า แน่นอนว่าหน้าที่ในการเข้าประชุมสภาเป็นหน้าที่ของ  สส.ทุกคน และพรรคก้าวไกลก็ได้ทำหน้าที่นั้นอย่างไม่ขาดตกบกพร่องมาโดยตลอด ในวันที่ 13 ธ.ค.ที่เกิดเหตุการณ์สภาล่มนั้น เกิดขึ้นในการลงมติรับหลักการร่างข้อบังคับสภาก้าวหน้าที่พรรคก้าวไกลเสนอ เพื่อผลักดันประเด็นที่ก้าวหน้าหลายประการ อาทิ ตัดกลไกที่ทำให้การพิจารณากฎหมายล่าช้าโดยไม่จำเป็น, เพิ่มกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี, ให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการโดยเปิดเผย ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นการผลักดันความก้าวหน้าของรัฐสภาในภาพรวม ไม่ใช่เป็นแค่ประเด็นของพรรคก้าวไกล

นอกจากนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นน่าเสียดายว่า ในวันนั้น ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค กลับมุ่งสกัดสิ่งที่เราเสนอ พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ไม่แสดงตนในขั้นลงมติรับหลักการ ทำให้เห็นว่าแม้จะเป็นวันพุธแรกที่เปิดสมัยประชุมสภา แต่จำนวน สส.รัฐบาลก็ยังไม่เพียงพอที่จะรักษาองค์ประชุมได้

น.ส.ภคมนกล่าวต่อว่า วาระการพิจารณาร่างข้อบังคับดังกล่าว เป็นวาระพิจารณาเรื่องสุดท้ายของวัน แม้จะเป็นตราบาปของวิปรัฐบาลว่าไม่สามารถควบคุมองค์ประชุมจนสภาล่มตั้งแต่วันแรก แต่ก็ไม่กระทบวาระพิจารณาเรื่องอื่นๆ ที่ยังไม่มีต่อคิวพิจารณาในวันนั้น อีกทั้งในวันพฤหัสฯ ที่ 14 ธ.ค. ที่มีการพิจารณาร่างกฎหมายของประชาชน  พรรคก้าวไกลให้ความร่วมมืออยู่ตลอดการประชุม ถึงแม้ว่าลำพังจำนวนองค์ประชุมของ สส. รัฐบาลจะไม่เพียงพอให้สภาไม่ล่มก็ตาม

“ไม่รู้ว่าดิฉันจำแม่นเกินไป หรือใครบางคนความจำเสื่อมก่อนเวลาก็ไม่ทราบ แต่ในชุดสภาที่แล้ว ในสมัยที่พรรคแกนนำรัฐบาลตอนนี้ยังเป็นฝ่ายค้านอยู่ ท่านชอบพูดอยู่เสมอว่าหน้าที่ในการรักษาองค์ประชุมเป็นของรัฐบาล  แต่ไฉนผ่านมาไม่ถึงปี หน้าที่รักษาองค์ประชุมกลายเป็นของพรรคฝ่าย

น.ส.​ภคมนกล่าวว่า พรรคก้าวไกลเรายืนยันว่า ถ้าสิ่งที่พิจารณาในสภาเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และ สส.ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว เราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้สภาล่ม และถ้า สส.รัฐบาลมาประชุมโดยพร้อมเพรียงกันตามหน้าที่ที่ สส.พึงกระทำ  ลำพังพรรคก้าวไกล 150 เสียง ไม่สามารถทำสภาล่มได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โธ่!บุคคลสาธารณะ 'ชูศักดิ์-เพื่อไทย' จ่อฟ้อง 'ธีรยุทธ'

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เตรียมฟ้องกลับนายธีรยุทธ