‘กกต.’ขยันฟัน‘ปลาซิว’ สนธิญาตามขยี้รักชนก

“กกต.” ฟันคดีปลาซิวอีกกรณี สั่งดำเนินคดีอาญา “พัฒนา สัพโส” หาเสียงทางอินเทอร์เน็ตเกินเวลา  เจ้าตัวมั่นใจเรื่องเล็กน้อย ไม่มีผลกระทบต่อสถานะ สส. “สนธิญา” ตามขยี้รักชนก ร้อง ป.ป.ช.ฟันจริยธรรมหลังศาลอาญาลงดาบคุก 6 ปี เตือน “ไอซ์”  ให้ระวังโพสต์หมิ่นเหม่อาจถูกร้องถอนประกัน

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 ธ.ค.2566 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.สั่งดำเนินคดีอาญาแก่นายพัฒนา สัพโส  สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย (พท.) ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.  พ.ศ.2561 มาตรา 70 และมาตรา 79 ประกอบมาตรา 156 (1) จากการหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการใด ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง นับตั้งแต่เวลา 18.00 น.   ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวันจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง

โดยข้อเท็จจริงการไต่สวนรับฟังได้ว่า  ข้อกล่าวอ้างของผู้ถูกร้องที่ให้ถ้อยคำว่าการเผยแพร่ข้อความและวิดีโอคลิปดังกล่าวอาจเกิดจากความพลั้งเผลอ และมิทราบว่ามีการเผยแพร่ได้อย่างไร เป็นการให้ถ้อยคำปฏิเสธที่ง่ายต่อการกล่าวอ้างและไม่มีพยานหลักฐานที่สนับสนุนให้น่าเชื่อว่าการกระทำของผู้ถูกร้องเกิดจากความพลั้งเผลอ ข้อกล่าวอ้างของผู้ถูกร้องไม่อาจรับฟังได้ กรณีจึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้องกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. พ.ศ.2561 มาตรา 70 และมาตรา 79 ตามคำร้อง

นายพัฒนากล่าวในเรื่องนี้ว่า ไม่ได้มีการตัดสินเกี่ยวกับใบเหลืองใบแดงอะไร แต่มีการดำเนินคดีอาญาฐานทำผิดกฎหมาย ซึ่งโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท ซึ่งจริงๆ ก็มีหลักฐานที่ควรจะยก เบื้องต้นจะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ เพราะมั่นใจว่าไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่จะมีผลต่อสถานะ สส. นายพัฒนากล่าวว่า ไม่มี เรามั่นใจ เพราะไม่ได้มีเจตนาอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังไม่ได้มีการโพสต์หาเสียง ไม่ได้โพสต์ชื่อหรือเบอร์ตัวเองด้วย เป็นการโพสต์เกี่ยวกับพรรค เพราะมือมันไปโดน ไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับทางพรรคบ้างแล้วหรือไม่ นายพัฒนากล่าวว่า เขารู้นานแล้ว เพราะเรื่องนี้มีมติออกมา 2-3 เดือนแล้ว เพียงแค่เพิ่งมีการปล่อยออกมาวันนี้เท่านั้น เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก และมั่นใจว่าจะไม่มีผลต่อสถานะของ สส.ด้วย

นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค พท. กล่าวว่า เชื่อว่าโทษจะไม่รุนแรงจนถึงขั้นต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเบื้องต้นคงจะต้องให้เจ้าตัวชี้แจงก่อนว่ามีความผิดพลาดอย่างไร ทั้งนี้ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายพัฒนา

วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.แบบเขต กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ให้ตรวจสอบเอาผิดจริยธรรมกรณีศาลอาญาพิพากษาให้จำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา และได้รับการประกันตัวไปแล้วนั้นในความผิดมาตรา 112 และ พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ว่าหลักฐานและคำพิพากษาแม้จะเป็นศาลชั้นต้น แต่การกระทำเหล่านั้นสำเร็จสมบูรณ์ไปแล้ว และไม่เหมาะสมมาทำหน้าที่ในสถาบันนิติบัญญัติอีกต่อไป จึงไปร้อง ป.ป.ช.ในประเด็นฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานจริยธรรมและความผิดร้ายแรง ตามข้อบังคับประมวลจริยธรรม สส.-สว.ปี 2563 และมาตรฐานทางจริยธรรมที่ร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 จึงร้อง ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายและประมวลจริยธรรมร้ายแรงต่อไป

นายสนธิญาระบุว่า เมื่อ น.ส.รักชนก เข้ามาทำหน้าที่เป็น สส. ก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ และกรอบจริยธรรม 2 ฉบับ คือประมวลจริยธรรมว่าด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ 2563 ซึ่ง น.ส.รักชนก กระทำการขัดและฝ่าฝืนต่อจริยธรรมร้ายแรงในหมวด 1 อุดมการณ์ ในข้อที่ 4, 6, 7, 18 และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม มาตรา 219 และรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับกับองค์กรอิสระ องค์ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งครอบคลุมถึง สส.-สว. ตามข้อที่ 3 (4) วรรค 2 ประกอบข้อที่ 5, 6 และข้อที่ 19 จึงมาใช้สิทธิที่ตามรัฐธรรมนูญยื่นต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบพิจารณาและวินิจฉัย น.ส.รักชนก กระทำการฝ่าฝืน ไม่ทำตามจริยธรรมตามที่ตนกล่าวหาหรือไม่ พร้อมหยิบยกคำวินิจฉัยของศาลอาญาที่ระบุว่า “จำเลยกระทำการผิดวิสัยของบุคคลทั่วไปในฐานะปวงชนชาวไทย ซึ่งต้องเคารพและไม่ละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญทุกฉบับ”

นายสนธิญากล่าวต่อว่า บุคคลที่โพสต์ข้อความหรือรีทวีตที่มีลักษณะเป็นการอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบัน เข้าข่ายผิดตามมาตรา 112 และเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อีกด้วย ก็จะโดนความผิดสองเด้ง และจากคำวินิจฉัยจากศาลอาญา ศาลให้ความเมตตาโดยลงโทษต่ำสุด ตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมขอเรียกร้องไปยัง น.ส.รักชนกให้ระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ผิดเงื่อนไขต่อศาล ในการใช้เป็นเงื่อนไขขอประกันตัวชั่วคราว และในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาได้ดูสื่อโซเชียลของ น.ส.รักชนก พบว่าค่อนข้างที่จะมีความหมิ่นเหม่ จึงขอให้ใช้ความระมัดระวัง เพราะหากกระทำการขัดต่อข้อตกลงกับศาล อาจมีคนไปร้องขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยและยกเลิกการประกันตัว แบบเดียวกับกรณีนายอานนท์ นำภา ที่ผิดเงื่อนไขต่อศาล ซึ่งตนเองได้ขอให้ยกเลิกการประกันตัวนายอานนท์ ที่ไปร่วมชุมนุมจนผิดเงื่อนไข

ถามว่า ทำไมเลือกใช้ช่องทางการยื่นจริยธรรมต่อ ป.ป.ช. มากกว่ายื่นให้กับสภาผู้แทนราษฎร นายสนธิญากล่าวว่า การดำเนินการของสภาค่อนข้างล่าช้า และค่อนข้างที่จะไม่มีผลกับทางกฎหมาย แต่กรณีของ ป.ป.ช. เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 ที่กำหนดว่า ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรม ป.ป.ช.สามารถส่งเรื่องต่อไปยังศาลฎีกา หาก ป.ป.ช.รับเรื่องภายใน 3 เดือน ป.ป.ช.ส่งเรื่องไปให้ศาลฎีกา เมื่อถึงศาลแล้ว น.ส.รักชนก หรือคนที่ถูกร้องก็จะถูกคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าจะมีความวินิจฉัย

“ผมยืนยันชัดเจนว่าคุณรักชนกไม่สมควรที่จะเข้าไปนั่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่นิติบัญญัติแล้ว ผมจึงมาร้องให้ ป.ป.ช.โปรดวินิจฉัยและจะเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ขณะนี้ สส.และ สว. หรือว่าใครก็ตาม กลัวมากที่สุด กลัวเรื่องจริยธรรม ซึ่งมีความแรงและเร็ว มี สส.หลายคนที่โดนจริยธรรม บางคนถึงขนาดถูกห้ามเล่นการเมืองตลอดชีวิตก็มี นี่คือตัวที่คอยกำกับการทำงานของ สส. เพราะที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าคุณจะทุจริตหรือทำอะไรก็ตาม กว่าจะจบคดีก็ปาเข้าไป 9-10 ปี แต่คดีนี้ผมเชื่อว่า ป.ป.ช.จะใช้เวลาพิจารณาไม่เกิน 4-5 เดือน เพราะไม่มีอะไรทับซ้อน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแสดงความคิดเห็น ศาลได้ตัดสินมาแล้ว หากเป็นคนทั่วไปก็ไม่มีปัญหา แต่นี่เขาเป็น สส.” นายสนธิญากล่าว

ขณะเดียวกัน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของพรรคในการทำงานเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงว่า พรรค รทสช.ทำการเมืองเน้นการทำการเมืองใหม่ แต่สิ่งที่พรรคต้องรักษาไว้คือสถาบันหลักของชาติ ซึ่งเป็นเสาหลักคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่ต้องยึดถือไว้  เป็นจุดยืนของพรรคที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรค โดยแนวทางที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรคได้บอกคือ พรรค รทสช.เป็นพรรคอนุรักษนิยมสมัยใหม่ หรืออนุรักษนิยมก้าวหน้า ต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันกับโลกทั้งเทคโนโลยี สังคมและสภาวะทางเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน เราต้องนำประเทศและพี่น้องประชาชนในการปรับตัวให้ทันและเข้ากับการเปลี่ยนแปลงให้ได้

นายอัครเดชกล่าวว่า จะเห็นได้ว่านโยบายของพรรคหลายๆ เรื่องได้สะท้อนจุดยืนของพรรคในการเป็นอนุรักษนิยมสมัยใหม่ เช่น การทำงานในกระทรวง หรือคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคได้รับมอบหมายให้ดูแล เช่น กระทรวงพลังงาน นายพีระพันธุ์ ในฐานะ รมว.พลังงาน ก็ยืนยันชัดเจนว่าจะมีการแก้กฎหมาย มีการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานในเชิงรุก หรือ กระทรวงอุตสาหกรรม น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ก็มีนโยบายพัฒนาเรื่องรถ EV รวมถึงคณะ กมธ.คณะต่างๆ ที่พรรคดูแล การทำงานก็เน้นย้ำในเรื่องการทำงานสมัยใหม่ ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคม ขอย้ำว่า สิ่งที่เราพูดไม่ใช่ว่าพูดอย่างเดียว แต่เราทำด้วย

 “พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคอนุรักษนิยมสมัยใหม่ ที่พร้อมจะรักษาสิ่งเดิมของประเทศที่ดีงามควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า แต่ไม่ใช่พรรคการเมืองแบบใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงแบบบ่อนทำลาย ล้มล้างทุกสิ่งที่เคยมีมาก่อน ดังนั้นเราพร้อมเปลี่ยนแปลง แต่ต้องอนุรักษ์สิ่งที่ดีงามของประเทศไว้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างโดยไม่ได้ดูรากเหง้าความเป็นมาของชาติบ้านเมือง วัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของไทย อะไรดีงามเราต้องรักษาไว้ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เท่านั้น เราจะเป็นพรรคการเมืองที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่มีแนวทางเหล่านี้ นี่คือสิ่งที่เป็นจุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติ” นายอัครเดชระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.จับตาศึก ‘อบจ.ราชบุรี’

ประธาน กกต.ยันจับตาเลือกตั้ง อบจ.ราชบุรีวันอาทิตย์นี้ เตือนอย่าทำอะไรผิดกฎหมาย “2 ผู้สมัคร” แห่หาเสียงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะเด็กค่าย ปชน.

ไปข้างหน้าเพื่อชาติ! อิ๊งค์วอนเสื้อแดงให้เข้าใจ ราชทัณฑ์ดิ้นโต้เสรีพิศุทธ์

"นายกฯ อิ๊งค์" เผย ครม.นิ่งแล้ว รอตรวจประวัติเสร็จทำงานได้ทันที แจงจับมือ "ประชาธิปัตย์" เพื่อเสถียรภาพรัฐบาล บอกเข้าใจหัวอกคนเสื้อแดง วอนก้าวไปข้างหน้าเพื่อชาติ

หมดเปลือก! 'ชาญ พวงเพ็ชร์' แจงปมโดนใบเหลือง เลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี

นายชาญ พวงเพ็ชร์ อดีตนายกอบจ.ปทุมธานี กล่าวเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า กราบสวัสดีพี่น้องชาวปทุมธานีทุกท่านครับ วันนี้ผมเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันที่ กกต.ให้ใบเหลืองเพราะเราไปแจกบัตรงานบวชลูกนายกเบี้ยว