“เศรษฐา” แจ้งลาพักร้อน อยู่กับแม่-พาลูกเที่ยว บอกขอ พักผ่อนบ้าง แต่ยันทำงานตลอด 24 ชม. “พิธา” วิพากษ์ 100 วันรัฐบาล ไร้โรดแมป เหน็บคิดอย่างทำอย่าง คิดใหญ่แต่ทำเล็ก เผย “ก้าวไกล” จ่ออภิปราย ม.151 หากแจง พ.ร.บ.งบไม่เคลียร์
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ นร 0502/ว(ร) 543 เรื่อง นายกรัฐมนตรีลาพักผ่อน ลงวันที่ 12 ธ.ค.66 ถึงรัฐมนตรีต่างๆ ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ระบุว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 28 พ.ย.66 รับทราบกำหนดการลาพักผ่อนของนายกรัฐมนตรี ในระหว่างวันที่ 18-22 ธ.ค.66 นั้น นายกรัฐมนตรีได้เปลี่ยนแปลงกำหนดการลาพักผ่อนดังกล่าวข้างต้น จากเดิมระหว่างวันที่ 18-22 ธ.ค.66 เป็นระหว่างวันที่ 19 ธ.ค.66 เวลา 13.00 น. ถึงวันที่ 22 ธ.ค.66 เวลา 12.00 น. ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ.2555 ข้อ 41
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายเศรษฐา ยังอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเดินทางไปตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.และจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 18 ธ.ค. ขณะที่ในช่วงเช้าวันที่ 19 ธ.ค. นายกฯ ยังเป็นประธานการประชุม ครม.ตามปกติ
และหลังจากนายเศรษฐาลาพักร้อน จากนั้นวันที่ 25 ธ.ค. นายกฯ ประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 4 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และช่วงบ่ายนายกฯ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ครั้งที่ 1/2566 และสรุปผลการปฏิบัติงานและแถลงแผนการปฏิบัติงานประจำปีของ กอ.รมน. ที่ตึกสันติไมตรี
เวลา 16.30 น. วันที่ 15 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ที่โรงแรมอิมพีเรียลโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า หลายท่านจริงๆ ก็ทราบว่าคุณแม่ของตนอายุ 96 ปี ซึ่งท่านอายุมากแล้ว และลูกทั้งสองคนจะเดินทางกลับประเทศไทย ไม่ได้เจอกันมานาน ก็จะพาไปเที่ยวเท่านั้นเองไม่มีอะไร แต่อย่างไรก็ติดต่อตนได้ตลอด เพราะถึงแม้จะพักร้อนก็ยังทำงานตลอด ขอไปพักผ่อนบ้าง ถึงตนไม่ได้มอนิเตอร์งาน ทีมงานก็ตามตนเจออยู่ดีไม่ต้องห่วง โลกสมัยนี้หากมีมือถือสามารถทำงานได้ตลอด ทำงาน 24 ชม. ไม่มีวันหยุด ถือเป็นภาระของผู้นำประเทศที่ต้องแบกไว้ เพียงอาจต้องมีบางช่วงที่ต้องพักผ่อนบ้าง โดยขอให้สื่อมวลชนสบายใจ ไม่ได้หนีไปไหน หากมีประเด็นอะไรก็โทรศัพท์ติดต่อได้
นายเศรษฐายังกล่าวขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง หลังมองว่าตนทำงานหนักมากในช่วงนี้ แต่มันเป็นหน้าที่ ยืนยันว่าไม่เป็นอะไร มีเวลานอน 6-7 ชั่วโมง ออกกำลังกายบ้างนิดหน่อย มีทีมงานที่ดีเวลาทานข้าวก็หัวเราะกันได้บ้างไม่เป็นไร เรื่องเล็ก ไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ มียาดีอะไร ถึงได้มีร่างกายฟิตขนาดนี้ นายเศรษฐา หัวเราะพร้อมปฏิเสธว่าไม่มี แต่มาตรงนี้จึงเต็มที่ เพราะเสนอตัวเข้ามาแล้ว ต้องทำให้เต็มที่
เมื่อวันศุกร์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาวิเคราะห์การดำเนินงาน และการบริหารราชการแผ่นดินครบ 100 วันแรกของรัฐบาลว่า ยังประเมินเป็นเกรดไม่ได้ ทำได้อย่างมากแค่การวิเคราะห์ เพราะไม่มีโรดแมปออกมาว่ารัฐบาลจะทำอะไรที่ชัดเจน ถือว่าการทำงานของรัฐบาลผ่านบ้าง ไม่ผ่านบ้าง
นายพิธากล่าวว่า ในเชิงรัฐศาสตร์ 100 วันแรก เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก เพราะช่วงเวลาทางการเมืองไม่มีช่วงโหมโรง ไม่มีช่วงฮันนีมูน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ใน 100 วันแรก รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ ดังนี้ คือ 1.การแสดงถึงความมุ่งมั่นในการรักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้ก่อนที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลกับประชาชน 2.การมีโรดแมป หรือวาระ 100 วันแรกในการบริหาร ติดตาม และสั่งงานของรัฐบาล 3.การบริหารความคาดหวัง เชื่อมั่น ของทั้งพี่น้องประชาชน และนักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเข้าใจว่ามีข้อจำกัดทั้งด้านเวลาและงบประมาณแผ่นดิน แต่มีความจำเป็นที่จะต้องมีสิ่งต่างๆ ข้างต้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนได้ในช่วงเวลาที่ยากเย็น บ่งบอกได้ถึงวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่น เป้าหมาย และความคาดหวังในอนาคตต่อรัฐบาล
‘พิธา’ เหน็บคิดอย่างทำอย่าง
นายพิธาระบุว่า ในส่วนภาพใหญ่ เราวิเคราะห์การทำงานของรัฐบาลด้วย กรอบ 5 คิด’s เนื่องจากเป็นสิ่งที่มีผลกระทบกับการใช้ภาษี และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ได้แก่ 1.คิดดี ทำได้ จากโครงการวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (HPV) 1 ล้านโดส การบริหารจัดการหนี้สิน ทั้งในและนอกระบบ การให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล แต่สิ่งที่อยากจะฝากรัฐบาลที่ทำดีอยู่แล้วให้ทำต่อ คือการช่วยเหลือตัวประกันที่ยังอยู่กับกลุ่มฮามาส อีก 9 คน หวังว่ารัฐบาลจะไม่ลืมพวกเขา รวมถึงการส่งต่อเงินเยียวยาให้กับแรงงานไทยในอิสราเอลที่มีความยากลำบากทางสภาพคล่องทางการเงิน
อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า 2.คิดไป ทำไป ในการปรับเปลี่ยนไปมาของทั้งเงินเดือนข้าราชการ โครงการแลนด์บริดจ์ และที่สำคัญคือในเรื่องที่มาของเงินเทคโนโลยีที่ใช้และกลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เข้าใจว่าบางครั้งจำเป็นที่จะต้องยืดหยุ่นในการทำนโยบาย ซึ่งทำให้ไม่สามารถคิดได้ครบในครั้งเดียว แต่สิ่งสำคัญคือ การใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีประชาชน เราเห็นด้วยกับการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และการใช้เทคโนโลยีในการทำนโยบาย แต่งบประมาณจำนวนมากนี้ ไม่ควรกระทบพื้นที่ทางการคลังในการแก้ไขปัญหา
“การเปลี่ยนแปลงนโยบายถึง 4 ครั้ง ทำให้เห็นว่านโยบายนี้ เป็นการใช้งบประมาณที่เราและลูกหลานของเราต้องมาชดใช้ในอนาคต รวมถึงเป็นการเบียดบังงบประมาณที่สามารถใช้แก้ปัญหาเรื่องอื่นๆ ในระยะยาวต่อได้ ซึ่งการที่รัฐบาลไม่คิดอย่างรอบคอบ และเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทำให้เกิดความสับสนในสังคม รวมถึงกลุ่มตลาดทุนด้วย สิ่งที่คาดหวังจากรัฐบาลคือ ต้องมีแผนสอง หากจะเอานโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็ไม่ควรที่จะต้องปรับเปลี่ยนอีกแล้ว แต่หากจะไม่เอานโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็จะต้องมีความชัดเจน ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะกลาง และระยะยาว”นายพิธาระบุ
เขายังกล่าวอีกว่า 3.คิดสั้น (ยัง) ไม่คิดยาว ในเรื่องที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของประชาชน ทั้งค่าไฟ ค่าพลังงาน ค่าคมนาคม และโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่มีเพียงมาตรการระยะสั้น แต่ยังไม่เห็นมาตรการการแก้ปัญหาที่ต้นตอ 4.คิดใหญ่ ทำเล็ก ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทั้งซอฟต์พาวเวอร์ การบริหารการท่องเที่ยว ผ่าน visa free การลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งในส่วนที่ดินสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และค่าแรง จากการแสดงออกถึงความไม่พอใจของนายกฯ ที่ได้มีข้อสั่งการลงไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัวเลขที่ควรจะเป็น หรือตัวเลขที่ได้สัญญาไว้
นายพิธากล่าวต่อไปว่า 5.คิดอย่าง ทำอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ทั้งร่างรัฐธรรมนูญ, การทำประชามติ, ที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง, การปฏิรูปกองทัพ ที่มีความชัดเจนในการยื่นกฎหมายเข้ามาตั้งแต่สภาฯ ชุดที่แล้ว หรือการศึกษาในรัฐสภา ที่เราเห็นว่า พรรคเพื่อไทยมีความคิดไปในทิศทางที่สอดคล้องกับพรรคก้าวไกล แต่การกระทำตอนนี้ค่อนข้างจะตรงข้ามกับสิ่งที่คิดไว้
นายพิธายังกล่าวถึงความคาดหวังในการทำงานของรัฐบาลปีหน้าด้วยว่า รัฐบาลควรมีกลยุทธ์โรดแมปที่ชัดเจน เราต้องการเห็นแผนการทำงานของรัฐบาล 1 ปี ที่เป็นมืออาชีพมากกว่านี้ ซึ่งในฐานะรัฐบาลผสม ต้องทำงานให้มีเอกภาพมากกว่านี้ และควรศึกษารายละเอียดของโครงการที่จะทำให้ดีเสียก่อนที่จะประกาศออกไป ต้องเป็นแผนที่ประชาชน สื่อมวลชนสามารถติดตามกับการทำงานของรัฐบาลได้ และมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลยังกล่าวถึงโจทย์หินของรัฐบาลว่า คือเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจีดีพีที่ไม่แน่ใจว่าจะถึงร้อยละ 2 หรือไม่ เรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตที่อยู่ในกฤษฎีกา เรื่องของการท่องเที่ยวที่รายได้ไม่ถึง 4 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย แม้จะมีคนมาท่องเที่ยว 27 ล้านคนก็ตาม การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่คาดไว้ในระดับร้อยละ 60 ดังนั้น ฟรีวีซ่าตรงนี้ไม่เพียงพอ คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาล หากฟังประชาชนบ้าง เพื่อนนักการเมืองบ้างว่า มีความจำเป็นจะต้องทำงานแบบมีโรดแมป
จ่ออภิปรายแบบไม่ลงมติ
นายพิธาเปิดเผยด้วยว่า เรื่องการยื่นอภิปรายตามมาตรา 151 จะรอดูว่า หาก พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่มีรายละเอียด การยื่นอภิปรายไม่วางใจน่าจะเป็นเรื่องที่ผู้นำฝ่ายค้านคงจะยื่นในไตรมาสที่ 1 หรือไตรมาสที่ 2 ขึ้นอยู่กับผลการชี้แจงผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณที่เข้ามาก่อน โดยจะใช้โอกาสนั้น ในการชำแหละเรื่องของงบประมาณ า ตรงกับสิ่งที่เสนอไว้ในเรื่องวิสัยทัศน์หรือไม่ รวมถึงการชี้จงคำถามของทางฝ่ายค้าน หากทำได้ไม่ดี คงจะมีการยื่นอภิปรายไม่วางใจ ขณะเดียวกันยังติดตามเรื่องการทุจริตในการใช้งบประมาณ ซึ่งหากมีหลักฐานที่ชัดเจน อาจจะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาลในต้นปีหน้า
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการมองกันว่า ฝ่ายค้านมัวแต่แก้ปัญหาภายในพรรคไม่ได้ทำงาน นายพิธากล่าวว่า ในส่วนที่มีปัญหาต้องแก้กันไป แต่สิ่งสำคัญ จะต้องทำงานตามที่สัญญาไว้กับประชาชน โดยเป็นฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่จ้องแต่จะล้มรัฐบาลเพียงอย่างเดียว
ด้านนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าในการเสนอเลื่อนพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2567 ว่า ตนยังไม่ได้รับแจ้งกลับมาจากวิปรัฐบาล เราเข้าใจว่ารัฐบาลมีความจำเป็นต้องรีบใช้งบประมาณ ซึ่งจุดที่มีปัญหาคือ กรอบระยะเวลาพิจารณาจากที่เคยวางไว้เป็นวันที่ 3-4 ม.ค.67 แต่เอกสารจะมาถึงสภา 28 ธ.ค. โดยจะมีเวลาพิจาณาเตรียมเอกสารไม่ถึงสัปดาห์ อีกทั้งยังตรงกับช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ พรรคก้าวไกล จึงพยายามขอให้มีการเลื่อนการพิจารณาไปอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งจะไม่กระทบกับไทม์ไลน์เดิม เพื่อให้ สส.ฝ่ายค้าน และรัฐบาลมีเวลาในการเตรียมข้อมูลเพิ่มขึ้น
นายปกรณ์วุฒิกล่าวอีกว่า ส่วนใครในพรรคก้าวไกลจะเป็นผู้อภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณฯ นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการยื่นความจำนง โดยจะคัดหัวข้อคร่าวๆ ก่อน แต่ยังไม่มั่นใจว่า เมื่อหัวข้อผ่านแล้ว จะมีกี่คนที่ได้อภิปราย เนื่องจากยังต้องดูงบประมาณจริงตามเอกสารที่ออกมาก่อน แล้วค่อยมาคัดอีกรอบ
วันเดียวกัน นายเศรษฐาได้ออกมาตอบโต้นายพิธากรณีระบุว่ารัฐบาลไม่มีโรดแมปที่ชัดเจนว่า ตนคิดว่าที่ผ่านมาค่อนข้างชัดเจน ทั้งเรื่องลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟ ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร การท่องเที่ยวตนก็ทำทันที ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตนได้เดินทางไปประชุมระดับโลก รวมถึงพบผู้นำอาเซียนก็ไปมาเกือบหมดแล้ว อะไรที่ค้างคาใจก็ได้คุยกัน ดิจิทัลวอลเล็ตก็ส่งเรื่องไปยังสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เรื่องเอฟทีเอเราก็เดินหน้าต่อเนื่อง มั่นใจว่าหลายเรื่องเราชัดเจน กฎหมายเราก็ขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.อากาศสะอาด รวมถึงสมรสเท่าเทียม แม้จะมีการบิดคำพูดว่าจะไม่เข้าวันที่ 12 ธ.ค. แต่ความหมายคือการเปิดสภาสมัยปัจจุบัน ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ก็คงเข้า
“หากในสายตาท่าน อาจจะช้า ก็แค่ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเรามีโรดแมปที่ชัดเจน และคณะรัฐมนตรี รวมถึงคณะทำงานในที่นี้ ตั้งใจยกระดับชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น ผมพร้อมรับฟัง อะไรที่เป็นประโยชน์ อะไรที่ยังไม่ได้ทำ หรือเป็นที่ไม่พอใจฝ่ายค้านเรารับฟัง เพราะฝ่ายค้านคือตัวแทนประชาชน อะไรที่เป็นประโยชน์แล้วทำได้ หรืออะไรที่ยังไม่ได้ทำตนจะทำให้” นายเศรษฐา ระบุ
เมื่อถามว่า ประเมินการทำงานของรัฐบาลช่วง 3 เดือนนี้อย่างไร นายเศรษฐายืนยันว่า เราทำงานตลอด เรื่องนี้ให้ประชาชนตัดสินดีกว่า เมื่อถามย้ำว่าเหนื่อยหรือไม่ ที่คนออกมาติติงการทำงาน นายเศรษฐาปฏิเสธว่า ไม่ เป็นหน้าที่รัฐบาล แบกความหวังประชาชนไว้เกือบ 70 ล้านคนเป็นธรรมดา เพราะช่วงที่ประชาชนลำบากเป็นหน้าที่ของตนในฐานะนายกฯ ที่ต้องชี้แจง
ส่วนที่นายพิธาระบุว่าหากรัฐบาลชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่ชัดเจน จะยื่นอภิปรายรัฐบาลแบบไม่ลงมติ นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นหน้าที่และสิทธิของ สส.ทุกคนในการตรวจสอบรัฐบาล ฝ่ายบริหารก็ทำหน้าที่ให้กระจ่างในทุกข้อสงสัย ยืนยันเรื่องนี้เราให้ความสำคัญ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กกต.หายห่วง! ชูเลือกตั้งอบจ. รู้สึก ‘ปลอดภัย’
"แสวง" ปลุกเจ้าหน้าที่ กกต.! ยันไม่ได้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยหลังจากที่ได้ลงตรวจเยี่ยมการสมัครรับเลือกตั้งที่ปราจีนบุรี ไม่คิดว่าผู้สมัครนายก อบจ.คนไหนจะสร้างความรุนแรง
ประเดิม 10 วันอตร. ตาย 52
ประเดิม 10 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุ 322 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 318 คน ผู้เสียชีวิตแล้ว 52 ราย สาเหตุส่วนใหญ่ขับรถเร็ว
เปิดของขวัญปีใหม่ แพทองโพยแจกยับ
รัฐบาลคืนความสุขให้ประชาชน หลังเครียดกับเศรษฐกิจและการเมือง ขุดของเก่ารวมของใหม่ เหมารวมเป็นของขวัญปีใหม่แต่ละกระทรวง ลดแลกแจกแถมไม่อั้น
ไม่กลัวรัฐประหาร ‘ภูมิธรรม’ ลั่น! จัดการได้รัฐบาลอยู่ครบเทอมแน่
“ภูมิธรรม” โวยเอ็มโอยู 44 ถูกปลุกปั่นไปไกล แทบจะออกนอกอวกาศอยู่แล้ว ไม่กังวลใจกับคำถามที่ว่าในปี 2568 สถานการณ์การเมืองจะวุ่นวายและโดนรัฐประหาร
บิ๊กต่อแจงบ้านลอนดอน รมว.ดีอีดีดรับพ่อนายกฯ
ป.ป.ช.เปิดขุมทรัพย์ “บิ๊กต่อ” หลังพ้นเก้าอี้ ผบ.ตร. ทรัพย์สิน 209 ล้าน
ภท.เฮรอดคดียุบพรรค! อิ๊งค์ขอเริ่มทำงาน2ม.ค.
“ภท.” เฮ รอดยุบพรรค กกต.ยุติสอบ “วันนอร์” ไม่หวั่นถูกเลื่อยขาเก้าอี้