นายกฯบินญี่ปุ่นถกบิ๊กธุรกิจ หวังไทยเป็นฮับบริษัทชั้นนำ

"เศรษฐา" นำทีมบินไปโตเกียวประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น   ถกบิ๊กธุรกิจค่ายรถยนต์ ก่อนพบหารือนายกฯ ญี่ปุ่น และเข้าเฝ้าฯ “สมเด็จพระจักรพรรดิ-สมเด็จพระจักรพรรดินี” ด้าน "เลขาฯ บีโอไอ" ตั้งเป้าไทยเป็นฮับสำนักงานใหญ่ในภูมิภาคของบริษัทชั้นนำโลก  จับเข่า 40 นักธุรกิจญี่ปุ่น ชวนลงทุนโปรเจกต์แลนด์บริดจ์

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังในการปฏิบัติภารกิจที่ญี่ปุ่นในครั้งนี้ว่า   เป็นการเยือนญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก มีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันเยอะ และจะมีการพบปะกับฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา   เจ้าชายอับดุล มาทีน มกุฎราชกุมารลำดับที่ 4 ของราชวงศ์บรูไน ที่จะอภิเษกสมรสในเดือนหน้านี้ การเดินทางเป็นการไปล่วงหน้าก่อน 2 วัน ไปเจรจาเรื่องการค้าญี่ปุ่น ส่วนมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับยานยนต์ที่จะมีการพูดคุยกัน จะเจอรายใหญ่หลายราย เช่น พานาโซนิค และมีอีกหลายนัด และพยายามให้บริษัทยานยนต์ของญี่ปุ่นมาพบมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯ  ระบุว่าการเดินทางไปต่างประเทศจะชักชวนนักธุรกิจไทยไปด้วย เพื่อพูดคุยถึงการลงทุนที่จะดึงต่างประเทศเข้ามาในไทย รอบนี้มีนักธุรกิจกลุ่มไหนบ้างที่ไปด้วย นายเศรษฐาตอบว่า คราวนี้มี แต่เขาเดินทางไปเอง นายพรวุฒิ สารสิน ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจะไปช่วยเจรจาให้ และนายกลินท์ สารสิน ประธานบริษัท โตโยต้าฯ ที่จะเดินทางไปด้วย และยังมีอีกหลายท่านที่จะไปช่วยเจรจาเพื่อนำผลประโยชน์กลับมาสู่ประเทศ

เมื่อถามว่า จะทำให้เกิดความมั่นใจทางด้านเศรษฐกิจและมีแสงสว่างมากขึ้นใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า อย่างไรแสงสว่างก็มีอยู่แล้ว แต่เรื่องความหนักใจ การแบกความหวังเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชน 68 ล้านคน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำต่อไป คงจะไม่เพียงพอ ต้องทำต่อไปเรื่อยๆ  

ต่อมา เวลา 17.10 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) นายเศรษฐาพร้อมคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว (ฮานาดะ) โดยมีนายโคมูระ มาซาฮิโร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น, นางปรางทิพย์ กาญจนหัตถกิจ อุปทูตรักษาการชั่วคราวสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว และข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ร่วมให้การต้อนรับด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของนายเศรษฐา ซึ่งเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนญี่ปุ่นสมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียนญี่ปุ่นของนายเศรษฐา ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมีรัฐมนตรีร่วมเดินทางไปด้วยประกอบด้วย นายนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เป็นต้น

โดยนายเศรษฐาพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น พร้อมกล่าวปาฐกถาในงาน Thailand-Japan Investment Forum จากนั้นนายกฯ พบหารือบริษัทเอกชนรายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น 8 บริษัท อาทิ บริษัท Toyota Motor Corporation, บริษัท Honda Motor  จำกัด, บริษัท Suzuki, บริษัท Nissan, บริษัท Mitsubishi, บริษัท Mitsui, บริษัท Isuzu และบริษัท Kubota เป็นต้น

ขณะที่วันที่ 16 ธ.ค. นายกฯ พบหารือกับประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ก่อนที่ช่วงค่ำ  นายกฯ เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ โดยนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและภริยาเป็นเจ้าภาพ ต่อมาวันที่ 17 ธ.ค. นายกฯ พบหารือทวิภาคีกับนายกฯ ญี่ปุ่น จากนั้นในช่วงเย็น นายกฯ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50  ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น (The Commemorative Summit for

the 50th Year of ASEAN-Japan Friendship and Cooperation) โดยนายกฯ จะกล่าวถ้อยแถลงและร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม และจะร่วมประชุมหารือโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างทะเลอ่าวไทยและอันดามัน ในวันที่ 18 ธ.ค.

ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายวันที่ 18 ธ.ค. นายกฯ มีกำหนดการเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ที่พระราชวังอิมพีเรียล ก่อนเดินทางกลับช่วงดึกคืนวันที่ 18 ธ.ค.นี้

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายเศรษฐา  ว่า การไปญี่ปุ่นครั้งนี้ บีโอไอเตรียม 3 ภารกิจหลักให้นายกฯ คือการร่วมสัมมนากับภาคการค้าการลงทุนและภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เป็นงานใหญ่ที่สุดหลังมีโควิด-19 มีนักธุรกิจญี่ปุ่นเข้าร่วมกว่า 500 คน นายเศรษฐา จะกล่าวถึงทิศทางและมาตรการด้านเศรษฐกิจ จะสื่อสารให้เห็นถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทย ว่ามุ่งเน้นใน 5 สาขาหลัก คืออุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้นน้ำ อุตสาหกรรมดิจิทัลสร้างสรรค์ และการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นที่ตั้งของสำนักงานภูมิภาคของบริษัทต่างๆ  เพราะญี่ปุ่นลงทุนในไทยมานาน 40-50 ปี มีฐานการผลิตในประเทศไทย

แต่สิ่งที่เราอยากเชิญชวนให้มาลงทุนมากกว่าการเป็นฐานการผลิตนั้น   คือการวิจัยและพัฒนา และการตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทย โดยช่วง 4 ปีจากนี้ตั้งเป้าว่าจะมีบริษัทชั้นนำของโลกกว่า 100 บริษัทให้เขามาตั้งสำนักงานใหญ่ในภูมิภาคในไทย เพื่อสร้างแรงงานทักษะสูงไม่ต่ำกว่า 10,000 อัตรา และต่อยอดไปสู่ธุรกิจต่างๆ ต่อไป ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ก็จะพูดเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์และรับฟังความคิดเห็นของนักลงทุน

นายนฤตม์กล่าวต่อว่า นายกฯ จะพบปะกับ 7 บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ส่วนนี้จะพูดคุยถึงแผนการลงทุนและสื่อสารมาตรการในการสนับสนุนของรัฐบาลไทย เพื่อยืนยันว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับบริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่น ซึ่งเขาอยากให้เราสนับสนุนการทำรถยนต์อีวี รถไฮบริด และอีโคคาร์ เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะมาในอนาคต ทั้งเรื่องพลังงานสะอาด และการประหยัดพลังงาน การใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมกันนี้ยังจะพบกับภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เช่น พานาโซนิค ที่เป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีและแบตเตอรี่ระดับโลก รวมถึงคูโบต้า ผู้ผลิตเครื่องมือการเกษตรรายใหญ่ในประเทศไทย และบริษัท มิตซุย ที่มีความสนใจเรื่องของพลังงานและเคมี ซึ่งการพบบริษัทพานาโซนิค ที่ลงทุนในไทยมายาวนาน และปัจจุบันมีโครงงานในไทยกว่า 10 แห่งนั้น เขาเพิ่มการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์อีวี และระบบกักเก็บพลังงานรายใหญ่ของโลก เราก็อยากเชิญชวนให้มาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวพานาโซนิคจะย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทยไปประเทศอื่น นายนฤตม์ กล่าวว่า เป็นเพียงการปิดโรงงานลักษณะเดียวกันขนาดเล็กๆ เพื่อรวมเป็นโรงงานใหญ่ ในประเทศไทยพานาโซนิคมีทั้งหมด 11 โรงงาน เป็นโรงงานขนาดใหญ่ 4 โรงงาน ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น อุปกรณ์อัตโนมัติในรถยนต์ และเทคโนโลยีที่ซับซ้อนในรถยนต์ ส่วนอุตสาหกรรมอื่นที่ไม่ได้ซับซ้อนก็ไปรวมกับประเทศอื่น ทั้งนี้ 4 โรงงานมียอดถึง 80% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ส่วนที่ 3 นายเศรษฐา นายสุริยะ และบีโอไอ จะนำเสนอโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐาภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างทะเลอ่าวไทยและอันดามัน หรือแลนด์บริดจ์ ต่อบริษัทเอกชนรายใหญ่ของญี่ปุ่น ที่ลงชื่อเข้าร่วมแล้วกว่า 40 คน อาทิ บริษัทที่เกี่ยวกับการสร้างท่าเรือ การเดินเรือ การประกันภัย การธนาคาร เป็นต้น โดยจะร่วมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการ การพูดคุยกับบรรดาบริษัทเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการร่างทีโออาร์ในอนาคตด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสด็จฯพระราชพิธีสมมงคล

"ในหลวง" เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี