"เศรษฐา" ร้อนใจค่าไฟ ถกบอร์ดพลังงาน สั่งดูแลให้เหมาะสม เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่กระทบเชื่อมั่น ย้ำต่ำกว่า 4.20 บาทต่อหน่วย กพช.ยกเลิกแถลงข่าว เหตุยังไร้ข้อสรุป โยน ครม.เคาะตัวเลข
ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม เวลา 08.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “SUSTAINABILITY FORUM 2024” เรื่อง Clean Energy for Thailand Economy through Sustainability ตอนหนึ่งว่า นักลงทุนหลายรายใหญ่ บริษัทใหญ่ๆ มีความต้องการพลังงานสะอาด หลายบริษัทตั้งเป้าหมาย เช่น คอร์บอนซีโรภายในปี 2030 พลังงานสะอาดจึงเป็นจุดที่เราต้องเดินไปข้างหน้า เป็นเรื่องที่ภาคธุรกิจและรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างสูงสุด ในอนาคตพลังงานสะอาดจะเป็นเรื่องที่แฝงอยู่ในมาตรการกีดกันทางการค้าผ่าน supply change แม้ต้นทุนการทำธุรกิจอาจจะสูงขึ้น แต่เป็นเรื่องที่เราต้องคำนึงถึงและอยู่มันไปให้ได้ ถือเป็นเรื่องที่ดี และเราต้องทำ เพื่อโลกของเราทั้งหมด
นายกฯ กล่าวว่า อีกประเด็นที่สำคัญในเรื่องของดึงดูดนักลงทุนคือเรื่องของค่าไฟฟ้า ซึ่งทุกคนเองก็มีความเดือดเนื้อร้อนใจอยู่พอสมควร รัฐบาลจึงต้องดึงค่าไฟลงมาในระดับสามารถแข่งขันได้ จึงได้พูดคุยกับหลายหน่วยงาน โดยเป้าหมายที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงานตั้งไว้ คืออยากให้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.10 บาทต่อหน่วย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่อยากให้กระทบกับหลายภาคส่วน ตรงนี้ต้องเห็นใจด้วย
ต่อมานายเศรษฐาร่วมงานเสวนาหัวข้อ “คนไทยถาม นายกฯ เศรษฐาตอบ” ในงานเดลินิวส์ ทอล์ก 2023 ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล โดยเมื่อถามว่า ชาวบ้านอยากให้รัฐบาลลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ค่าน้ำมัน ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าไฟฟ้า มากกว่าในปัจจุบันได้หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ในเรื่องราคาน้ำมันปรับตามราคาตลาดโลกอยู่แล้ว ส่วนเรื่องค่าไฟในเวลานี้กำลังดูแลด้านพลังงานให้ประชาชนอยู่ จะดูแลให้ค่าไฟต่ำกว่า 4.20 บาทต่อหน่วย เชื่อว่าภาคอุตสาหกรรมจะพอใจ และในระยะยาวต้องดูเรื่องโครงสร้างทั้งหมดและต้องบูรณาการร่วมกัน
จากนั้น เวลา 11.30 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 3/2566 โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการประชุมว่า นายกฯ กล่าวเปิดการประชุมเรื่องค่าไฟฟ้า เป็นเรื่องที่น่าจะมีผลกระทบกับพี่น้องประชาชนคนไทยมากพอสมควร เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายกฯ ได้ไปพูดในสองเวที มีคำถามในเรื่องนี้เข้ามา เป็นเรื่องที่ทุกคนหนักใจพอสมควร จากข่าวค่าไฟที่หน่วยละ 4.68 บาท ซึ่งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน บอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และได้พยายามที่จะช่วยดูแลหลายๆ มาตรการเพื่อให้ลดลงมาได้ โดยขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ทำข้อเสนอให้ค่าไฟต่ำลงกว่าหน่วยละ 4.20 บาทให้ได้ แต่ขอฝากให้ดูความเหมาะสม เพราะไม่อยากให้ผลกระทบเชิงลบเกิดขึ้นกับความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย สำหรับภาคธุรกิจตลาดทุน ภาคประชาชน นักลงทุนต่างชาติ
ซึ่งระหว่างนี้มีผู้ที่โทร.เข้ามาล็อบบี้หลายคน แต่เรายึดมั่น เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง สำหรับข้อเสนอที่จะช่วยเหลือบ้านที่ใช้ไฟน้อยกว่า 300 หน่วยต่อเดือน จำนวน 17 ล้านหลังนั้น นายพีระพันธุ์ได้ไปหาแนวทางทำให้เราสามารถยังคงค่าไฟได้ที่หน่วยละ 3.99 บาท เท่ากับปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นข้อสรุปที่ดีและเห็นควรที่จะทำอย่างยิ่ง โดยขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ช่วยกันทำงานตรงนี้ นอกจากนี้ ในเรื่องของการซื้อไฟฟ้า ขอฝากไว้ว่าคงจะต้องหยุดสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานฟอสซิล ขณะเดียวกันต้องลงทุนในพลังงานสะอาดที่เหมาะสม เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้พลังงานที่ราคาถูกลง
สำหรับผลการประชุม กพช. ทางฝ่ายเลขานุการ กพช.จะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการยกเลิกการแถลงข่าวการประชุม กพช.ว่า "ให้รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เป็นผู้พูด เพราะยังมีขั้นตอนเล็กๆ น้อยๆ ผ่าน ครม.อีก"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุม กพช. ได้มีการนัดสื่อมวลชนเข้าร่วมแถลงข่าวตามปกติ แต่ปรากฏว่าการประชุมที่กินเวลาจากเดิม 30 นาที และเพิ่มเป็นประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อแล้วเสร็จได้มีการยกเลิกแถลงข่าวท่ามกลางความสับสนของสื่อมวลชน โดยระบุว่า ยังไม่สามารถแถลงผลการประชุมได้ เนื่องจากมติที่ประชุมเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน และมติดังกล่าวจะต้องนำเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาก่อนประกาศเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ทั้งนี้ มีรายงานว่า การประชุมดังกล่าวมีวาระสำคัญๆ เพื่อการพิจารณา อาทิ การบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ การบริหารจัดการด้านพลังงานในสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงาน แนวทางการปรับลดชนิดน้ำมันดีเซล เป็นต้น ซึ่งไม่ได้มีการบรรจุวาระพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 แต่มีการเสนอเป็นวาระลับของกระทรวงพลังงาน
สาเหตุที่ไม่มีการแถลงข่าวดังกล่าว คาดว่ามาจากที่ประชุมไม่สามารถหาข้อสรุปเรื่องตัวเลขค่าไฟฟ้าในงวดเดือนม.ค.-เม.ย.2567 ได้ หลังจากที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศตัวเลขในอัตรา 4.68 บาทต่อหน่วย แต่นายพีระพันธุ์ต้องการให้ปรับลดมาอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย เท่ากับงวดเดือนก.ย.-ธ.ค. ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง 17 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ขณะที่นายกฯ ต้องการให้อยู่ที่ 4.20 บาทต่อหน่วย
ดังนั้นที่ประชุมจึงไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เพราะกระทรวงพลังงานยังไม่ได้มีการหารือร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จำหน่ายเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ขณะนี้ต้องแบกภาระรายจ่ายค่าเชื้อเพลิงแทนประชาชน 100,000 ล้านบาท ซึ่งยืนยันว่าไม่สามารถรับภาระต่อไปได้อีกแล้ว รวมท้ังยังไม่มีการหารือกับ กกพ. ในประเด็นที่กำหนดไว้ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย โดยเป็นอัตราที่คิดเผื่อสำหรับกันเงินส่วนหนึ่งไปคืนให้กับ กฟผ. ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติว่าให้กระทรวงพลังงานไปหาข้อสรุปทั้งหมดว่าจะสรุปที่ตัวเลขอัตราเท่าใด เพื่อเสนอให้ ครม.พิจารณาต่อไป โดยไม่ต้องนำเสนอให้ที่ประชุม กพช.พิจารณาตามวาระ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งเบิกงบลงทุน ขีดเส้นให้ได้80% กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกฯ อิ๊งค์นั่งหัวโต๊ะประชุมหัวหน้าส่วนราชการ บี้เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน 9.6 แสนล้าน
‘เวชระเบียน’หลอนทักษิณ โยนรพ.ตำรวจมอบให้ปปช.
นายกฯ พยักหน้ารับปม "ป.ป.ช." ทวงถามเวชระเบียนรักษาตัว
เพิ่มข้อหาแชร์ลูกโซ่18บอส จ่อหมายจับ‘ตั้ม’โกงเจ๊อ้อย
"ดีเอสไอ" แจ้งข้อหาเพิ่ม 18 บอสดิไอคอน คดีแชร์ลูกโซ่-ขายตรง
หึ่ง!เปลี่ยน‘พงษ์ภาณุ’แทน‘โต้ง’
“คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม” ลุกฮือ ยื่นหนังสือค้านคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
กอดMOUเจรจาเขมร ‘อิ๊งค์’หวั่นโดนฟ้องยันเดินหน้าแบ่งเค้ก/กต.แจงมีข้อดีกว่าเสีย
นายกฯ อิ๊งค์ลั่นเป็นคนไทย 100% ประเทศต้องมาก่อน ยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่
'อิ๊งค์' แค่พยักหน้า ปม รพ.ตร. ไม่ยอมส่งเวชระเบียน 'พ่อนายกฯ' ให้ ป.ป.ช.
'นายกฯอิ๊งค์' ปฏิเสธตอบคำถาม ปม รพ.ตำรวจ ไม่ส่งเวชระเบียนรักษาตัว 'ทักษิณ' หลัง ‘ป.ป.ช.’ ทวงแล้ว 3 ครั้ง ทำแค่พยักหน้ารับทราบ