คุก6ปี‘ไอซ์’คดีหมิ่นเบื้องสูง

ศาลอาญาสั่งจำคุก 6 ปี   "ไอซ์-รักชนก" โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันฯ ผิด 112 ไม่รอลงอาญา ศาลให้ประกัน 5 เเสน ห้ามกระทำลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหา เจ้าตัวปากกล้าขาสั่นไม่ได้กังวลตั้งแต่แรก ขอเป็นกระบอกเสียงให้  "อานนท์" ส่วน "ไบรท์ ชินวัตร" คอตกนอนคุก ประกันตัวไม่ทัน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบันฯ หมายเลขดำอ.683/2565 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.รักชนก ศรีนอก หรือไอซ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล เป็นจำเลย ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14

กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 18 ก.ค.-9 ส.ค. 64 จำเลยได้บังอาจดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายในหลวงรัชกาลที่ 10 ด้วยการใช้บัญชีทวิตเตอร์ ไอซ์ หรือ @nanaicez โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนพร้อมรูปภาพที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 อันเป็นความผิดตามกฎหมาย จำเลยให้การปฏิเสธ

โดยในวันนี้ น.ส.รักชนก จำเลยเดินทางมาศาล มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีม สส.พรรคก้าวไกลเดินทางมาที่ศาลอาญา

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะทนายความ เปิดเผยก่อนเข้ารับฟังคำพิพากษาว่า หากคำพิพากษาออกมาไม่เป็นผลดี ก็จะเข้าสู่กระบวนการประกันตัว ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา และที่ผ่านมาก็ได้มีการต่อสู้คดีมาอย่างเต็มที่

ขณะที่ น.ส.รักชนกเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการยื่นคำร้องเลื่อนฟังคำพิพากษา เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดสมัยประชุมสภา แต่ศาลไม่อนุญาต โดยตนมั่นใจในพยานหลักฐาน และคิดว่าหากเป็นไปตามข้อต่อสู้ก็มีโอกาสที่จะชนะคดี

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้าง แล้ว เห็นว่าฝ่ายโจทก์มีพนักงานสอบสวนและผู้ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ซึ่งเบิกความไปตามจริง ไม่เคยรู้จักจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุที่จะเบิกความกลั่นแกล้งใส่ร้ายจำเลยให้ต้องรับโทษ รวมทั้งพยานหลักฐานอื่นๆ  ก็ยืนยันจากข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์จริง พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ

ส่วนที่จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีมาโดยอ้างว่าไม่ได้กระทำผิด โดยไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของจำเลยเพื่อหาข้อเท็จจริง และที่จำเลยอ้างว่ามีความยึดถือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น มีข้อพิรุธและความขัดแย้งของตัวเอง ไม่ขวนขวายหาข้อเท็จจริงกับแนวทางข้อต่อสู้ของจำเลยมีน้ำหนักน้อย  ไม่น่าเชื่อถือ ผิดวิสัย ทั้งยังลงภาพและถ้อยคำ "แซะ" สถาบันด้วย เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมตามความผิด

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ให้ลงโทษตามมาตรา 112 อันเป็นบทหนักสุด รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา

ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา น.ส.รักชนกยังมีสีหน้ายิ้มเเย้มเเละถูกพาไปห้องควบคุมตัว

นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า จริงๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่ น.ส.รักชนกจะมาเป็น สส.พรรคก้าวไกล พรรคจึงไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องกับการต่อสู้คดีตั้งแต่ต้น เป็นเรื่องของทนายความ เบื้องต้นตามกระบวนการยุติธรรมไม่ว่าใครที่ถูกกล่าวหา ถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย  กรณีนี้ต้องรอถึง 2 ศาล และให้ น.ส.รักชนกใช้สิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ ส่วนกระบวนการของพรรคนั้น ต้องรอขั้นตอนการประกันตัว

ต่อมาเวลา 15.00 น.เศษ ศาลมีคำสั่งในคดีอาญาหมายเลขดำที่  อ.683/2565  หมายเลขแดงที่ อ.3739/2566 น.ส.รักชนก ศรีนอก ไอซ์ จำเลย ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว

โดยศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างอุทธรณ์ วงเงิน 500,000 บาท (เงินสด 300,000 บาทตำแหน่ง 200,000 บาท) กำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการหรือร่วมกิจกรรมลักษณะเดียวกันกับข้อหาตามคำฟ้อง และหรือมีพฤติการณ์ใดๆ ในลักษณะและข้อหาเดียวกัน

น.ส.รักชนกเผยว่า ส่วนตัวก็ไม่ได้กังวลตั้งแต่แรก และคิดว่าสิทธิการประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รองรับด้วยรัฐธรรมนูญ อยากเรียกร้องให้ศาลพิจารณาผู้ต้องหา หรือนักโทษคดี 112 คนอื่นได้รับสิทธิ์ปล่อยตัวเช่นเดียวกัน  อยากให้ศาลปฏิบัติกับผู้ต้องคดี 112 เช่นเดียวกับผู้ต้องหาคดีอื่นๆ จะมีการยื่นอุทธรณ์คดี แต่ขอคุยกับทนายก่อน เพราะทนายที่เคยสู้คดีนี้ให้คือนายอานนท์ นำภา ซึ่งตอนนี้อยู่ในเรือนจำ หลังจากนี้คงกลับไปคุยกับทนายเรื่องการยื่นอุทธรณ์ หากวันนี้ไม่ได้เป็น สส. ก็ยังสามารถทำหน้าที่ได้ การเป็น สส.หรือไม่นั้นไม่ได้สำคัญ เราเข้ามาทำงานตรงนี้เพื่อทำให้สังคมนี้เป็นสังคมที่ทุกคนสามารถเสมอภาค เท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย ทุกคนมีโอกาสทางการศึกษาที่ดีได้ ทุกคนสามารถมีโอกาสทางเศรษฐกิจได้ ในอนาคตจะเป็นยังไง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตนรู้สึกว่าใครจะมาเป็น สส.ในพรรคก้าวไกลนี้ ก็เพราะมีอุดมการณ์แนวทางเดียวกัน

เมื่อถามถึงเรื่องประกันตัวในคดี 112 แล้ว น.ส.รักชนกถือเป็นส่วนน้อยที่ได้ประกันนั้น น.ส.รักชนกตอบว่า เรื่องสถิติตนก็ไม่แน่ใจ แต่อยากให้ศาลใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับผู้ต้องหาทุกคนในคดี 112  ตนขอเป็นกระบอกให้จำเลยหรือผู้ต้องหาที่ไม่ได้รับการปล่อยตัว อย่างนายอานนท์,  เก็ท โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง อยากให้ทุกคนได้รับสิทธิอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม

จากนั้น น.ส.รักชนกและนายชัยธวัช ขอตัวไปประชุมสภาต่อ

ที่ห้องพิจารณา 914 ศาลอาญา วันเดียวกันนี้ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.2887/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ฟ้องนายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์, นายชินวัตร หรือไบรท์ จันทร์กระจ่าง, นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก, น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล, น.ส.จิรฐิตา ธรรมรักษ์ และนายคริษฐ์ อร่ามพิบูลกิจ (หลบหนี) แกนนำคณะราษฎร ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตาม กฎหมายอาญา มาตรา 112 ฐานร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนเป็นอุปสรรคต่อความสะดวกในการจราจร มาตรา 116ฯ

โดยในวันนี้ศาลอ่านคำพิพากษาเฉพาะในส่วนเฉพาะของนายชินวัตร ที่กลับคำให้การเป็นรับสารภาพเมื่อช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลตัดสินจำคุกรวม 6 ปี และปรับ 22,200 บาท รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งจำคุก 3 ปี ปรับ 11,100 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อหมดเวลาทำการแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีญาติของนายชินวัตร  จำเลย มายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดีแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายชินวัตรไปคุมขังตามคำพิพากษาต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อวยทักษิณชนะนายกอบจ.

"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา