ค้นนครปฐมโยง‘หมูเถื่อน’ ยื่นหลักฐานมัดขรก.-รมต.

"ดีเอสไอ" ลุยค้น 3 จุดในนครปฐม ขยายผลคดีหมูเถื่อน พบเนื้อหมูแช่แข็ง 17 ตัน จ่อเรียกเจ้าของห้องเย็น 2 แห่งแจงสัปดาห์หน้า "รมช.กษ." ออกปากเรื่องหมูที่ไม่หมู ได้กลิ่นแปลกตั้งแต่แรก  ฮึ่มผิดจริงฟันไม่เลี้ยง "อัจฉริยะ" หอบหลักฐานยื่น กมธ.สภาฯ โวมัด ขรก.ระดับล่างถึง รมต.

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม เวลา 09.00 น.  พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนำเข้าหมูเถื่อน นำหมายค้นจากศาลอาญาเข้าตรวจค้นห้องเย็น 2 แห่ง และบ้านพัก 1 แห่ง ในจังหวัดนครปฐม หลังพบว่าเจ้าของเคยมีความเกี่ยวข้องกับ 2 ผู้ต้องหาคดีหมูเถื่อน คือนายวิรัชกับนายธนกฤต สองพ่อลูก กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด WEALTY & HEALTHY FOODS CO.,LTD. ซึ่งถูกออกหมายจับและเข้ามอบตัวก่อนหน้านี้ โดยจากการสืนสวนพบว่า เจ้าของห้องเย็นแห่งนี้มีการโอนเงินให้นายวิรัชและลูกชาย รวมแล้วกว่า 220 ล้านบาท โดยไม่พบการทำนิติกรรมระหว่างกัน ทางดีเอสไอจึงคาดว่าอาจเป็นหนึ่งในลูกค้าที่ซื้อหมูต่อจากบริษัทของนายวิรัช จึงนำมาสู่การเข้าตรวจค้นเพื่อหาพยานหลักฐานในวันนี้

โดยจุดแรกเข้าตรวจค้นภายในห้องเย็นแห่งหนึ่งภายใน ต.ทุ่งน้อย อ.เมืองนครปฐม หลังการตรวจค้นนานกว่า 40 นาที พบหมู 3 ชั้นแช่แข็ง น้ำหนักประมาณ 7 ตัน และมีเอกสารไม่ถูกต้องหลายจุด จึงประสานเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์เข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติม ส่วนจุดที่สองเป็นโรงงานซึ่งมีห้องเย็นขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง พบชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง จำนวน 10 ตัน ส่วนจุดที่สาม เป็นบ้านพักของเจ้าของบริษัทห้องเย็นทั้ง 2 แห่ง

ต่อมาเวลา 12.00 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการตรวจค้น 3 พื้นที่เป้าหมาย พ.ต.ต.ณฐพลเปิดเผยว่า ได้พบเอกสารสำคัญที่เกี่ยวกับความเชื่อมโยงในการซื้อขายชิ้นส่วนสุกร ซึ่งเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ทำการตรวจยึดไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนชิ้นส่วนสุกรที่พบ ทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อายัดไว้ตรวจสอบ พร้อมกับกล่าวโทษต่อผู้กระทำความผิดแล้ว โดยเนื้อหมูที่พบในห้องเย็นวันนี้ทราบว่ามีการสั่งจากพื้นที่ในจังหวัดนครปฐมและนอกตัวจังหวัดนครปฐม จากนั้นจะทำการบรรจุสินค้าคล้ายแพ็กเกจสำหรับส่งร้านชาบู และส่งจำหน่ายภายในประเทศไทย ไม่ได้จัดส่งต่างประเทศ และสำหรับพื้นที่เป้าหมายที่เป็นบ้านพัก ดีเอสไอได้เข้าตรวจค้นแล้วไม่พบเจ้าของบ้าน มีเพียงพนักงาน และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย เท่าที่ตรวจสอบหมูในห้องเย็นค่อนข้างพิสูจน์ได้ยากว่าเป็นหมูมาจากที่ไหน เพราะถูกหั่นเป็นชิ้นไว้ในถุงพลาสติก แต่ดีเอสไอจะขยายผลหาต้นตอต่อไป

พ.ต.ต.ณฐพลกล่าวว่า หลังจากนี้จะเชิญกรรมการของบริษัทห้องเย็นทั้ง 2 แห่ง จำนวน 2 ราย เข้าให้ปากคำชี้แจงรายละเอียดในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม จะตรวจสอบบริษัทที่ส่งเนื้อหมูมาที่ห้องเย็นทั้ง 2 แห่งด้วยว่านำเนื้อหมูมาจากที่ใด เพราะเราพบวัตถุเอกสารที่เป็นใบเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนสุกร ซึ่งมีรายชื่อของบริษัทต้นทางทั้งหมดที่นำมาขาย ส่วนสมุดบัญชีธนาคารยังไม่พบ ทั้งนี้ กรณีของแม็คโครยังไม่ได้มีการประสานมาว่าจะเข้ามอบเอกสารในวันเวลาใด แต่ได้ให้กรอบระยะเวลา 1 เดือน หรือ 30 วัน นับแต่วันที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้น

ทางด้านนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวถึงกรณีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม เนื่องจากถูกกลั่นแกล้งจากกรมปศุสัตว์ตามที่เป็นข่าวว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจและติดตามอย่างใกล้ชิดหลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ได้สั่งการให้นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ผู้ช่วยเลขาฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริง หากมีมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งผู้ร้องเรียนและผู้ถูกร้องเรียน         

"เรื่องหมูผมเคยพูดตั้งแต่ต้นว่ามันไม่หมู ตั้งแต่มาเป็น รมช.เกษตรฯ ได้ลงพื้นที่ไปปราบปรามหมูเถื่อน ได้กลิ่นแปลกๆ ตั้งแต่แรก เป็นขบวนการที่ไม่ธรรมดา เห็นถึงความไม่ชอบมาพากล จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นรัฐมนตรียังไม่ถึง 3 เดือน มูลค่าความเสียหายในคดีหมูเถื่อนมากมายมหาศาล กระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ กระทบต่อรายได้ของแผ่นดินในการจัดเก็บภาษี และกระทบต่อพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรแทบสิ้นเนื้อประดาตัว  เรื่องนี้นายกฯ สั่งกำชับให้ติดตามใกล้ชิด รัฐบาลจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ ถ้าเกี่ยวข้องกับทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการ จะดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด" รมช.เกษตรและสหกรณ์ระบุ             

ที่รัฐสภา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมามอบหลักฐานร้องเรียนต่อนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ตรวจสอบใน 3 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ได้แก่ 1.การลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน โดยมีข้าราชการระดับกรม 3 กรมเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะโยงไปถึงนักการเมืองบางคน 2.การสวมสิทธิ์ส่งออกตีนไก่ไปยังประเทศจีน ซึ่งเกี่ยวพันกับอดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ 3.การส่งออกน้ำมันไปยังเมียนมาและวนกลับมาจำหน่ายในประเทศไทย โดยขอคืนภาษีแบบผิดกฎหมาย 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทำมาแล้ว 6 ปี โดยเรื่องนี้กระทบต่อระบบเศรษฐกิจ รวมถึงผู้ประกอบการและเกษตรกร มูลค่าความเสียหายเป็นแสนล้านบาท

เมื่อถามว่า หลักฐานที่นำมาในวันนี้ สามารถเอาผิดอะไรได้บ้าง นายอัจฉริยะ กล่าวว่า สิ่งที่นำมามอบในวันนี้เป็นหลักฐานเบื้องต้น แต่หากวันที่กรรมาธิการเรียกชี้แจง จะมีตัวบุคคลที่รับเงินใต้โต๊ะตั้งแต่ระดับล่างจนถึงอธิบดี และเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรี ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งหลักฐานเรื่องหมูเถื่อนและตีนไก่

ด้านนายรังสิมันต์กล่าวว่า เราสามารถที่จะบรรจุเข้าพิจารณาของ กมธ.ได้ แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าจะเข้าในขอบเขตไหนบ้าง จึงขอไปพิจารณาและปรึกษากันใน กมธ.ก่อน อย่างไรก็ตาม แปลกใจว่าทำไมเรื่องหมูเถื่อนถึงยื้อกันนานขนาดนี้ หากเรื่องถึงระดับดีเอสไอควรจะจบได้แล้ว ถ้ามาถึงขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการจัดการกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ ระบบกฎหมายไทยจะมีใครเชื่อถือ คำถามคือวันนี้จะจบแบบไหน จบแบบตัดตอน หรือสุดท้ายเป็นการแก้ปัญหาจริงๆ ที่จะนำไปสู่การทำให้การบังคับใช้กฎหมายของเราไม่หย่อนยานแบบที่ผ่านมา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง