รัฐบาลยันถามกฤษฎีกาคำถามเดียวปม กม.เงินกู้ 5 แสนล้าน ด้าน "ก้าวไกล" กัดไม่ปล่อย ย้ำไม่เห็นความจำเป็นเร่งด่วนวิกฤต ชี้แก้หนี้นอกระบบส่อเค้าล้มเหลว คนลงทะเบียนน้อย เสนอนิรโทษกรรมเจ้าหนี้นอกระบบที่ให้ความร่วมมือและสามารถเจรจาหนี้โดยผ่านกลไกของรัฐ ขณะที่ ตร.จับคนร้ายแก๊งทวงหนี้ทำลายร้านส้มตำในชัยนาท เหตุไม่พอใจลูกหนี้ไปลงทะเบียนไกล่เกลี่ยกับรัฐ
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เปิดเผยถึงความคืบหน้า พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทว่า ได้ตรวจร่างคำถามที่จะเสนอให้กับคณะกรรมการกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังได้ส่งไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีนายวิษณุ เครืองาม กรรมการกฤษฎีกาและอดีตรองนายกรัฐมนตรี มีคำแนะนำให้ส่งคำถามเป็น 2 ช่วงนั้น ตนมองว่าเป็นการสอบถามเฉพาะเรื่องกฎหมายและเพียงคำถาม 1 ข้อเท่านั้น ทั้งนี้ ไม่ได้ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเรื่องสถานการณ์ เพราะกฤษฎีกาไม่ได้มีหน้าที่ดังกล่าว
"หากกฤษฎีกาตอบมาว่าออกร่างกฎหมายกู้เงินได้ ก็ค่อยส่งร่างกฎหมายไปรอบที่ 2 ไป ไม่ใช่อยู่ดีๆ ส่งร่างกฎหมายกู้เงินไปเลย เพราะถ้าทำเช่นนี้ก็จะตรวจสอบได้เฉพาะว่าร่างกฎหมายนี้ถูกต้องตามกฎหมายวินัยการเงินกันคลังหรือไม่ และถ้อยคำถูกต้องหรือไม่ ซึ่งจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการ และวันหนึ่งจะมีคดีไปถึงศาลอีกอยู่ดี ดังนั้นจึงควรถาม 2 รอบ หากถามเร็วก็ตอบเร็ว เชื่อว่าทันเดือน พ.ค.67 อย่างแน่นอน" นายจุลพันธ์ กล่าว
ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาในการให้ความเห็นทางกฎหมาย ตอบคำถามของกระทรวงการคลังในการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งตามปฏิทินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่สำนักงบประมาณได้จัดทำและ ครม.ได้อนุมัติก่อนหน้านี้ ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเวลาที่สำนักงบประมาณรับฟังความคิดเห็นจนถึงวันที่ 12 ธ.ค. และขั้นตอนต่อไปคือการจัดพิมพ์ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณและเสนอต่อ ครม. เพื่อให้ความเห็นชอบในวันที่ 26 ธ.ค.2566 และจะเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวให้สภาพิจารณาในวันที่ 3-4 ม.ค.2567
นายจุลพงศ์กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง แถลงเรื่องโครงการดิจิทัลวอลล็อต ไปจนถึงวันที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย 2567 จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวาระแรก รัฐบาลมีเวลาที่จะนำเงินกู้ 5 แสนล้านบาทเข้าไปใส่ไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2567 ได้ทัน โดยเงื่อนไขตามมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 2561 มีเงื่อนไขสำคัญคือความจำเป็นเร่งด่วน เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ และไม่สามารถตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน ต้องครบองค์ประกอบทั้ง 2 ข้อนี้จึงจะเป็นการกู้เงินตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง
"ดังนั้นการเสนอ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทที่แยกต่างหากจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี จึงไม่เข้าเงื่อนไขตามมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ทั้งนี้ไม่เห็นความจำเป็นเร่งด่วนวิกฤตของเศรษฐกิจ แต่เห็นด้วยกับเลขาธิการกฤษฎีกาที่ตอบว่าไม่มีหน้าที่บอกรัฐบาลว่าจำเป็นต้องกู้เงิน 5แสนล้านบาทหรือไม่"
นายจุลพงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องโครงการแก้หนี้นอกระบบที่นายเศรษฐาได้ประกาศไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขอแสดงความชื่นชมในความตั้งใจของรัฐบาล โดยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจเป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ย แต่การให้ลงทะเบียนลูกหนี้โดยเปิดเผยเจ้าหนี้ในทางปฏิบัติไม่เกิดผลสำเร็จได้แน่ เพราะหนี้นอกระบบทั้งหมดจะคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งผิดกฎหมายอาญา และมีโทษจำคุกถึง 2 ปี หากเจ้าหนี้นอกระบบเปิดเผยตนเองเท่ากับยอมรับผิด ลูกหนี้จะกลายเป็นผู้เสียหาย และเจ้าหนี้ก็จะเป็นจำเลย ไม่รวมถึงอิทธิพลของเจ้าหนี้ในพื้นที่ จึงคิดว่าการลงทะเบียนจะไม่ได้ผล
นายจุลพงศ์กล่าวว่า จากการติดตามข่าวทราบมีการลงทะเบียนรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,300 ล้านบาท แต่จากตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติ หนี้ครัวเรือนมีมากกว่า 3 ล้านล้านบาท เพราะฉะนั้นใน 7 วันที่ผ่านมาถือว่าเป็นการลงทะเบียนที่น้อยมาก หากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจในท้องที่เป็นลูกหนี้ หรือเจ้าหนี้นอกระบบเสียเอง ก็จะเกิดการขัดกันของผลประโยชน์ รัฐบาลว่าจะแก้อย่างไร ซึ่งขอเสนอให้รัฐบาลทำควบคู่ไปกับการลงทะเบียนคือการไกล่เกลี่ยหนี้ รวมถึงการพิจารณานิรโทษกรรมเจ้าหนี้นอกระบบที่ให้ความร่วมมือและสามารถเจรจาหนี้โดยผ่านกลไกของรัฐ โดยการนิรโทษกรรมนี้ทำเฉพาะเจ้าหนี้นอกระบบที่ให้ความร่วมมือเท่านั้น
"ในส่วนเรื่องการลงทะเบียนหนี้นอกระบบที่รัฐบาลกำหนดระยะเวลาไว้ 3 เดือน จากวันที่ 1 ธ.ค.นั้น ลูกหนี้นอกระบบยังต้องแบกรับดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 เดือน ยังไม่รวมถึงขั้นตอนทางราชการ และยังไม่ทราบว่าจะสามารถไกล่เกลี่ยหนี้ได้เมื่อไร แน่นอนว่าในระยะ 3 เดือนดอกเบี้ยของหนี้นอกระบบจะมากกว่าเงินต้น ขอเสนอการแก้ไขหนี้นอกระบบในภาพรวมอย่างยั่งยืน คือรัฐบาลควรต้องใช้กลไกธนาคารของรัฐ หรือกองทุนกำหนดดอกเบี้ยต่ำ โดยประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนรายย่อยง่ายขึ้น และรัฐบาลต้องเข้ามาค้ำประกันหนี้ให้ และรัฐบาลต้องสร้างช่องทางการหารายได้ที่เพิ่มขึ้นให้กับประชาชน" นายจุลพงศ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ “ลูกหนี้ผวาถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบบุกพังร้านกลางดึกหลังลงทะเบียนแก้หนี้” เหตุเกิดที่ร้านส้มตำครกแตก ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ของเช้ามืดวันที่ 6 ธ.ค.2566 เวลาประมาณ 04.30 น. พื้นที่ สภ.สรรคบุรี หลังเกิดเหตุ ผบ.ตร.ได้สั่งการไปยัง พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 ให้จัดชุดสืบสวนลงตรวจสอบจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ตำรวจได้สืบสวนจนพบว่าสาเหตุเกิดจาก น.ส.ปิยธิดาได้กู้ยืมเงินจากนายธีระศักดิ์ หรือแมว จำนวน 30,000 บาท โดยนายธีระศักดิ์คิดดอกเบี้ยแบบลอย คือชำระดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ จนกว่าจะนำเงินต้นทั้งหมดมาคืน ซึ่ง น.ส.ปิยธิดาต้องชำระดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวนวันละ 850 บาท ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และได้ชำระมาแล้ว 18 วัน
ต่อมา น.ส.ปิยธิดาได้ไปยื่นคำร้องเพื่อขอไกล่เกลี่ยที่อำเภอสรรคบุรี จนเจ้าหนี้ไม่พอใจ ทำให้นายไตรภพ หรืออ้น และนายนิรุต หรือแน็ต ได้มาที่ร้านและทำลายทรัพย์สินภายในร้านได้รับความเสียหาย ตำรวจ สภ.สรรคบุรีจึงได้รวบรวมหลักฐานออกหมายจับและติดตามจับกุมทั้ง 2 ราย ในผิดฐาน “ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีและใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิด และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์” ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายได้มาเก็บดอกเบี้ยเงินกู้จริง นอกจากนี้ ผบ.ตร.ได้สั่งการขยายผลไปยังนายธีระศักดิ์ เป็นนายทุนเงินกู้ รวมทั้งผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่นๆ
พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เดินทางไปที่ สภ.สรรคบุรี เพื่อติดตามคดี และแถลงข่าวการจับกุมนายธีระศักดิ์ หรือแมว วีระนนท์ อายุ 37 ปี นายทุนเงินกู้ และลูกน้อง 2 คนคือ นายไตรภพ หรืออ้น กาฬภักดี อายุ 28 ปี และนายนิรุต หรือแบ็ต เอี่ยมศรี อายุ 24 ปี เบื้องต้นนายไตรภพและ นายนิรุต สองผู้ต้องหาที่ก่อเหตุเข้าไปพังร้านผู้เสียหายให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ตำรวจจึงแจ้ง 3 ข้อหาคือ ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีและใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิด และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูศักดิ์ยอมนิกร พรบ.ประชามติ ไม่ใช่กม.การเงิน
“ชูศักดิ์” ลั่นเพื่อไทยเอาแน่ ค้าความปิดปากเอาคืน “ธีรยุทธ” แต่ไม่รู้เมื่อไหร่
ไฟเขียวไร่ละ1พัน10ไร่ ตรึงค่าไฟฟ้าราคาน้ำมัน
ชาวนาเฮ! นบข.ไฟเขียวช่วยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่อชงเข้า ครม.สัญจรเชียงใหม่ 29 พ.ย.นี้
อวยทักษิณชนะนายกอบจ.
"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา
กรมที่ดินท้ารฟท.พิสูจน์เขากระโดง
กรมที่ดินยืนยัน ไม่เพิกถอนโฉนดเขากระโดง ยึดตาม กก.สอบสวน มาตรา 61
ตร.เชียงรายรวบ‘สามารถ’ ‘เมีย-ลูก’หมอบุญนอนคุก
"ผบ.ตร." นั่งไม่ติดตั้ง "พล.ต.อ.ธนา" คุมสอบสวนคดี "หมอบุญ"
ม็อบเสื้อเหลืองคืนชีพ ‘สนธิ’นัดบุกทำเนียบฯ2ธค. ‘อ้วน’หวั่นซํ้ารอยปิดเมือง
"ภูมิธรรม" ไม่กังวล "สนธิ" ปลุกม็อบลงถนน เป็นสิทธิตาม รธน.