ฝุ่นตลบ! วิ่งโร่หาแนวร่วมนิรโทษกรรม “พุทธะอิสระ” ดึงสติ "ด้อมส้ม" แห่ถล่ม สวนกลับพวกนัก ปชต.อ้างแต่สิทธิไม่เคยเคารพคนเห็นต่าง เคาะกะโหลกอย่าอมสาก “น.ช.ทักษิณ” คดีคดโกงชาตินอนสบายอยู่บนชั้น 14 ขู่แฉหลักฐานเด็ดหลุดจากปาก "ชัยธวัช" ขณะที่ "จตุพร" ขอดเกล็ด "เพื่อไทย” ปลุกเกมแก้ รธน.ซื้อเวลาตั้งรับแรงเหวี่ยงหาก ก.ก.ถูกยุบพรรค ขีดเส้นนิรโทษทุกฝ่ายอย่าแค่ทักษิณได้ประโยชน์ เสี่ยงจุดชนวนพลังขัดแย้งคนรุ่นใหม่ที่ถูกข้อหา 112
เมื่อวันจันทร์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินสายขอเสียงสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ว่าเป็นเรื่องของ สส.ในสภา เขาไม่ได้ไปสนับสนุนหรอก เพียงแต่ตีฆ้องร้องป่าวว่ากระทำสิ่งโน้นสิ่งนี้ ก็เป็นเรื่องของการเมืองก็เป็นอย่างนี้
ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตอบโต้นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่าเดินสายคุยนิรโทษกรรมมีประโยชน์แอบแฝงว่า ในความเป็นจริงคนที่จะได้รับประโยชน์จากการนิรโทษกรรมไม่จำกัดอยู่แค่คนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนที่เข้าเงื่อนไขล้วนมีสิทธิ์ได้รับการนิรโทษกรรม แม้แต่คนของพรรคเพื่อไทยเองที่วันนี้หลายคนไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหมือนคนชั้น 14 หลายคนถูกดำเนินคดีกลั่นแกล้งทางการเมือง ซึ่งน่าเสียดายที่เรายังไม่เคยได้เห็นพรรคเพื่อไทยเองออกมาเคลื่อนไหวปกป้อง หรือเรียกร้องความเป็นธรรมให้คนเหล่านี้
“มีคนเดียวที่เหมือนจะได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด คือคนที่อยู่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ การนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลเป็นการเลือกปฏิบัติตรงไหน ผลของกฎหมายนี้ถ้าผลักดันสำเร็จ คือการคืนความเป็นธรรมให้คนรุ่นใหม่ คนเสื้อแดง ผู้ที่เรียกร้องประชาธิปไตยทั้งหมด ไม่เหมือนการเลือกปฏิบัติให้อดีตนายกรัฐมนตรี หรือการเป็นเครื่องต่อรองทางการเมืองเพื่อใครคนใดคนหนึ่งเสียหน่อย” นายรังสิมันต์กล่าว
วันเดียวกัน พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "หลังจากมีภาพและข่าวว่าหัวหน้าพรรคก้าวไกลและเลขาฯ รวมผู้ช่วย ตามมาขอพบเพื่อเจรจาการเมือง พวกด้อมส้มก็พากันดิ้น ออกมาคอมเมนต์ ตำหนิ ติด่าพุทธะอิสระและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ประมาณว่าหัวหน้าพรรคเปลี่ยนไป จะหันมาญาติดีกับพวกสลิ่มแล้วหรือ ทำอะไรได้ถามกรรมการบริหารพรรคหรือยัง ทำอะไรโดยพลการ ทำให้เสียภาพอุดมการณ์ของประชาธิปไตยอย่างพวกเราหมด"
"ฉันได้ฟัง ได้อ่านคอมเมนต์ของพวกด้อมส้มแล้ว คนพวกนี้ปากก็พร่ำบ่นเอาแต่คำว่าประชาธิปไตย อ้างแต่สิทธิ แต่ไม่เคยยอมรับหรือเคารพผู้เห็นต่างใดๆ เลย วิธีคิดแบบนี้ล่ะหรือที่เรียกตนเองว่านักประชาธิปไตย หากพวกคุณคิดว่าเป็นนักประชาธิปไตยกันมากนัก"
"พุทธะอิสระฝากถามกลับไปว่า นักโทษชายนายทักษิณได้นอนอยู่บนชั้น 14 อย่างสบาย ทั้งที่มีคดีคดโกงชาติ พวกคุณกลับเงียบกริบอย่างกับอมสากอยู่อย่างนี้น่ะ หรือ นี่คือหลักคิดของนักประชาธิปไตย พวกคุณเคยคิดถึงหัวอกของนักโทษคนอื่นๆ อีก 3 แสนกว่าคน ที่ต้องนอนเบียดกันอยู่ในคุกอย่างทุกข์ทรมานกันบ้างไหม นี่น่ะหรือนักประชาธิปไตย นักเรียกร้องสิทธิ์ หรือนักโทษเหล่านั้นเขาไม่มีสิทธิ์กระนั้นซิ ทุเรศสิ้นดี"
พุทธะอิสระระบุด้วยว่า เป็นเพราะคนพรรคก้าวไกลมีคดี 112 อยู่มากมายดังกล่าว เจ้าของพรรคและหัวหน้าพรรคเฉพาะกิจจึงร้อนรนอยากหาคนสนับสนุนให้ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม โดยเฉพาะมาตรา 112 ต้องนิรโทษให้ได้ เพราะกลัวเจ้าของพรรคและบริวารติดคุก จึงต้องบากหน้ามาหาพุทธะอิสระ
“ขอเตือนว่าหากยังทำปากกล้าขาสั่น เข้ามาคอมเมนต์ด่าพุทธะอิสระอยู่อีก จะนำหลักฐานเด็ดที่ออกมาจากปากหัวหน้าพรรคก้าวไกลเอง ไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำสั่งให้ไต่สวนพยานบุคคล ในวันที่ 25 ธันวาคม 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องพิจารณาคดีชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ขอย้ำว่าคนอย่างพุทธะอิสระพูดจริงทำจริงเสมอ” พุทธะอิสระระบุ
ด้านนายวันชัย สอนศิริ สว. ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงการเตรียมเสนอให้สภาฯ ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 กรณีให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า ตนมองว่าไม่มีความจำเป็น เนื่องจากที่ผ่านมา สว.เคยส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ และมีคำวินิจฉัยว่าหากจะแก้รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดย ส.ส.ร. หรือให้ ส.ส.ร.ทำหน้าที่รื้อรัฐธรรมนูญฉบับเดิมซึ่งมาจากอำนาจของประชาชน ต้องถามประชาชนก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า "การจุดประเด็นแก้ รธน.60 กับนิรโทษกรรมคดีการเมืองทุกฝ่าย เป็นเพียงการปั่นเกมยื้อเวลาของพรรคเพื่อไทยจะได้อยู่ในอำนาจได้นาน ถ้ามีความจริงใจต้องรีบลงมือทำให้สำเร็จทันที สิ่งสำคัญคือ วันนี้เพื่อไทยจะรีบแก้ รธน.ไปทำไม เพราะประเด็นหลักในการแก้ รธน.อยู่ที่เรื่องอำนาจ สว.เลือกนายกฯ ซึ่งจะหมดในวันที่ 11 พ.ค. 67 ส่วนประเด็นอื่นยังไม่มีความน่าสนใจ ดังนั้น การชูประเด็นแก้ รธน.จึงเป็นเรื่องที่นำมาปั่นชิงไหวชิงพริบกัน อีกอย่างหากเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจะแก้ รธน.กันจริง จะรอเวลาทำไม สามารถลงมือทำได้สำเร็จแล้ว เพราะมีเสียง สว.คอยหนุนอยู่ ส่วนฝ่ายค้านก็คงไม่ขวาง"
“เชื่อว่าทั้งการแก้ รธน. การกำหนดแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท และการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 67 ล้วนเอาปัญหาไปสุมอยู่ใน พ.ค. 67 ซึ่งเป็นช่วงที่ สว.หมดวาระ (แต่ยังรักษาการ) ดังนั้นเมื่อคลี่ปมเหล่านี้ออกมา จะเห็นเกมดึงเวลาของรัฐบาลเพื่อไทย และเป็นเกมที่ต้องการนำไปสู่การเปลี่ยนอำนาจใหม่ให้เกิดขึ้นในช่วงก่อน พ.ค. 67 สิ่งนี้จึงต้องเฝ้าดู” นายจตุพรระบุ
ทั้งนี้ นายจตุพรอ่านเกมการเมืองกรณีพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรค โดยเชื่อว่าถ้าถูกยุบพรรคจริงในขณะเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้ว พรรคเพื่อไทยจะเดือดร้อนมากที่สุด เพราะเสียงที่เลือกก้าวไกลส่วนมากมาจากฐานเสียงเก่าของเพื่อไทย ดังนั้นจึงต้องชั่งน้ำหนักกัน เพราะแรงเหวี่ยงจะเกิดขึ้นกับเพื่อไทย ด้วยเหตุนี้เพื่อไทยจึงต้องยื้อเวลาเป็นรัฐบาลให้นานที่สุด
ส่วนการนิรโทษกรรม นายจตุพรกล่าวว่า เป้าหมายสำคัญต้องการให้บ้านเมืองมีความสงบ มีสันติ แต่ความคิดในวันนี้แตกออกเป็นสองทาง คือจะนิรโทษกรรม 112 หรือไม่ กับการนิรโทษกรรมให้ฝ่ายของทักษิณได้ประโยชน์ฝ่ายเดียวหรือไม่ อีกอย่างสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไปมากตั้งแต่การยึดอำนาจปี 57 เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้มีความชัดเจนว่าฝ่ายก่อความขัดแย้งได้คืนดีกันหมดแล้ว ไม่มีฝ่ายเหลืองหรือแดง แต่เกิดพลังขัดแย้งใหม่ขึ้นในฝ่ายของคนรุ่นใหม่ที่ถูกข้อหา 112 ดังนั้นถ้าจะนิรโทษกรรมจึงต้องให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ทั่วหน้า ความสันติและสงบสุขจึงจะเกิดขึ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"