ปัดการเมืองชีพจรลงเท้า‘นิด-อิ๊งค์’

“ภูมิธรรม” แจ้นแจงชีพจรลงเท้า “เศรษฐา” ไม่มีนัยการเมือง แต่เพราะนายกฯ ไม่รู้จักพื้นที่ดีพอ โดดป้องอุ๊งอิ๊งที่ตามติดเพราะต้องทำเรื่องซอฟต์ เพาเวอร์ไม่ใช่เรียนรู้งาน ชี้ยังมีเวลาอีก 3 ปีไม่รีบร้อน “อนุสรณ์” โผล่โต้นายหัวชวน  แก้ปัญหาในพรรคอย่ามาจุ้นเรื่องเสี่ยนิด  “เทพไท” ชี้ผู้นำอาจตายน้ำตื้นจากตั๋วตำรวจ

เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตลอด 2 สัปดาห์ว่า ไม่มีนัยทางการเมือง แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ดีที่ควรทำ เพราะนายกฯ ยังถือว่ารู้จักพื้นที่ไม่มากพอ จึงอยากมีโอกาสได้สัมผัสกับประชาชนด้วยตัวเอง ไปรับฟังความรู้สึก ปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ด้วยตัวเอง

เมื่อถามว่า การลงพื้นที่คู่ขนานกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นการปูทางเพื่อเป็นนายกฯ  คนต่อไปหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า  น.ส.แพทองธารลงพื้นที่พร้อมนายกฯ แค่บางครั้ง ซึ่งภารกิจของ น.ส.แพทองธารคือเน้นในเรื่องซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งหากจะทำได้ดีต้องลงพื้นที่ไปดูด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธารมีหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรค ดูแลเรื่องของพรรค และประกาศชัดเจนไปแล้วว่าจะพัฒนาพรรค  ปรับระบบพรรค และทำให้พรรคสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้มากที่สุด และจะเป็นสะพานเชื่อมในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน นำไปถ่ายทอดให้กับรัฐบาล

“รัฐบาลมีเวลาอีกนาน 3 ปีกว่า ยังไม่รีบร้อน และขณะนี้ น.ส.แพทองธารได้เข้ามาประชุมร่วมกับรัฐบาลในคณะต่างๆ ก็ได้รับรู้มีส่วนช่วยสนับสนุนมากอยู่แล้ว ซึ่งการได้มาทำงานโดยมีเป้าหมายในการทำงานให้กับประชาชน ถือเป็นการเรียนรู้ที่ดีอยู่แล้ว และที่ผ่านมา น.ส.แพทองธารได้ลงพื้นที่เกือบทุกที่ตอนหาเสียงเลือกตั้งอยู่แล้ว” นายภูมิธรรมกล่าว

ขณะที่ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในวันที่ 27 พ.ย.นายเศรษฐามีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ณ ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อสำรวจความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย และมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อผลักดันในประเด็นที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้หารือกันไว้

 นายชัยกล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซียครั้งนี้ของนายกฯ  สืบเนื่องมาจากการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ซึ่งผู้นำไทยและมาเลเซียเห็นพ้องในการผลักดันการค้าชายแดน การแก้ปัญหาความแออัดของด่านสะเดา รวมถึงการก่อสร้างเส้นทางเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย และประเด็นความร่วมมืออื่นๆ ให้มีผลคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือในทุกด้าน โดยเฉพาะการค้าการลงทุน และความสัมพันธ์ระดับประชาชน

วันเดียวกัน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธปัตย์ (ปชป.) ออกมาเตือนนายเศรษฐาเรื่องการเป็นนักการเมืองมือใหม่ต้องระมัดระวังคำพูด กรณีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการและผู้กำกับการใหม่ว่า นายกฯ ได้ชี้แจงชัดแล้วว่าไม่มีอำนาจในการแทรกแซง ไม่เคยก้าวก่ายกรณีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ข้อเท็จจริงที่ได้หารือกันในที่ประชุมพรรค พท.วันนั้น คือการสะท้อนปัญหาในพื้นที่  ทั้งเรื่องหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยโหด เรื่องยาเสพติด ที่อยากให้รัฐบาลเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน รวมถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่าเรื่องตั๋วไม่มีอยู่จริง นายกฯ หรือ  สส.คนไหนไม่เคยมาฝากอะไรทั้งนั้น

“ก่อนออกมาเสนอแนะนายกฯ นายชวนควรทำความเข้าใจกับประเด็นปัญหาให้ชัด ความจริงปัญหาในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีมากมาย ควรเอาเวลาไปแก้ไขปัญหาในพรรคก่อนจะดีกว่าหรือไม่ ทั้งนี้หากนายชวนจะได้นำเอาประสบการณ์ความรู้ความสามารถที่มี ไปแก้ปัญหาให้พรรคให้มีหัวหน้าพรรค มีกรรมการบริหารพรรคให้ได้โดยเร็วน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า” นายอนุสรณ์ตอบโต้

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า หลังจากนายเศรษฐาได้หลุดปากพูดถึงตั๋วผู้กำกับในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย แม้ว่าจะพยายามออกมาชี้แจง และปฏิเสธแบบข้างๆ คูๆ หรือเอาสีข้างเข้าถูก็ตาม แต่คนทั่วไปหรือแม้กระทั่งเด็ก ป.1 ก็ยังเข้าใจได้ว่า การที่นายเศรษฐาพูดนั้นคือการโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจในตำแหน่งผู้กำกับ ไม่ใช่เรื่องคำพูดเกี่ยวกับคนหรือความ ตามที่พยายามแก้ตัว ซึ่งเป็นการแก้ตัวที่หาเหตุผลมาอธิบายได้ยากมาก

“ช่วงนี้อาจมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาแก้ตัวแทนก็ตาม แต่เป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นจุดตายของนายเศรษฐามากกว่าเรื่องอื่นๆ  เพราะมีพยานหลักฐานชัดยิ่งกว่าใบเสร็จเสียอีก คำพูดที่ออกมาจากปากของนายกฯ เอง จะปฏิเสธบอกว่าพูดเล่นก็ไม่ได้ ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ จะยอมรับว่าพูดจริงก็ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 และกฎหมายอื่นๆ อีกอย่างน้อย 2 ฉบับ เรื่องนี้น่าจะเป็นกับดักที่อันตรายมากกว่าเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ที่หลายฝ่ายท้วงติงว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายวินัยการเงินการคลังบ้าง ก็เป็นเรื่องของการตีความและใช้ดุลพินิจ ซึ่งอาจจะหลุดพ้นได้ แต่การโยกย้ายตำรวจครั้งนี้ ที่นายเศรษฐาออกมายืนยันเอง น่าจะดิ้นยาก เป็นข้อหาที่ดิ้นไม่หลุด เพราะมีความชัดเจนแบบไม่ต้องตีความแต่อย่างใด ถ้าเรื่องทำให้นายเศรษฐาต้องหลุดจากเก้าอี้นายกฯ ก็เป็นการตายน้ำตื้นแบบน่าเสียดาย” นายเทพไทระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง