‘แป้ง นาโหนด’ ขย่มอัยการ‘ บ.’ ลั่นจะมอบตัวหากเชือดยกแก๊ง

ไทยโพสต์ ๐ "แป้ง นาโหนด" ออกคลิป 2 ซัดอัยการ "บ." แฉมีการสร้างสถานการณ์ขึ้นเพื่อนำไปสู่การวิสามัญฆาตกรรม ลั่นหากดำเนินคดีกับอัยการ   "บ." ก็จะเข้ามอบตัว ขณะที่อัยการสูงสุด สั่งตรวจสอบด่วนว่าเป็นการสั่งฟ้องที่ถูกต้องหรือไม่ ด้าน "ทวี" ยันหากพบพยานหลักฐานใหม่ สามารถขอรื้อฟื้นคดีได้-ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 เข้าสู่วันที่ 34 ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับตัวนายเชาวลิต ทองด้วง  หรือแป้ง นาโหนด ที่หลบหนีการคุมขังได้ แต่นายแป้งได้เผยแพร่คลิปที่ 2 ความยาวประมาณ 5 นาที เมื่อช่วงสาย   ซึ่งคลิปดังกล่าวถือเป็นการเปิดคลิป 2 วันติดของนายแป้ง โดยยังคงสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่หมวกแก๊ป เหมือนคลิปที่เผยแพร่ออกมาเมื่อเย็นวันที่ 24 พ.ย. แต่ฉากหลังเปลี่ยนจากสวนปาล์มเป็นภายในห้องพักที่ไม่สามารถระบุสถานที่ได้

เนื้อหาในคลิปยังคงย้ำสาเหตุการหลบหนีของตัวเองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม นายแป้งอ้างถึง "อัยการอักษรย่อ  บ." กับพวก ที่ร่วมกันก่อเหตุชิงตัวผู้ต้องหาเมื่อปี 2562 แต่มีเพียงตนคนเดียวที่ไม่ได้รับการประกันตัว และเล่าเหตุการณ์ครั้งนั้น

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีจดหมายข่มขู่เอาชีวิตที่ส่งถึงสำนักงานอัยการศาลแขวงสงขลา จนนำไปสู่การแจ้งความร้องทุกข์ว่า นายแป้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และสงสัยว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้นเพื่อนำไปสู่การวิสามัญฆาตกรรม พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดไม่มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและไม่มีความคืบหน้าทางคดี

ช่วงท้ายยังขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี "อัยการคนดังกล่าว" กับพวก แล้วตนจึงจะเข้ามอบตัว แต่หากไม่มีการดำเนินการตนก็ไม่ไป

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตระหนักดีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ที่บอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอให้เข้ามอบตัว เพราะหากถูกจับกุมจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น และจะเดือดร้อนทุกฝ่าย 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การปล่อยคลิปมาเช่นนี้เหมือนเป็นการเย้ยตำรวจ นายเศรษฐากล่าวว่า เชื่อว่า ผบ.ตร.ตระหนักในเรื่องนี้ดี และเชื่อว่าพยายามทำงานเต็มที่ รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจภาคก็เข้าใจถึงปัญหา ซึ่งอยากให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจะดีกว่า 

นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ทางผู้บริหารของอัยการสูงสุดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบสั่งการให้ทางอธิบดีภาค 9 สั่งตรวจสอบสำนวนคดี และพบว่ามีสำนวนคดีหนึ่งที่มี "อัยการที่ถูกพาดพิง" เข้าไปเกี่ยวข้องจริง โดยคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 โดยนายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง เป็นผู้ต้องหาที่ 1 และอัยการดังกล่าวเป็นผู้ต้องหาที่ 2 รวมมีผู้ต้องหา 7 คน ถูกตั้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ฯ, ข่มขืนใจผู้อื่นฯ, มีอาวุธฯ, พาอาวุธไปที่สาธารณะฯ ต่อมาเมื่อถึงชั้นอัยการได้มีการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 2-6 คน สั่งฟ้องนายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้งคนเดียว ซึ่งเมื่ออัยการได้มีคำสั่งดังกล่าว ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ไม่ได้ส่งความเห็นแย้ง คดีจึงสิ้นสุดไปในส่วนของผู้ที่ไม่ถูกสั่งฟ้อง ต่อมาศาลสั่งลงโทษจำคุกนายเชาวลิต จนนำไปสู่การหลบหนีออกจากโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตาม นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ได้สั่งการให้อธิบดีอัยการภาค 9 เร่งส่งสำนวนคดีดังกล่าวมาให้ทางสำนักงานวิชาการ  วิเคราะห์ว่าเป็นการสั่งฟ้องที่ถูกต้องหรือไม่ หรือควรมีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือไม่อย่างไร คาดการดำเนินการในการส่งสำนวนมาและการวิเคราะห์จะมีผลออกมาภายในสัปดาห์หน้า เนื่องจากทราบว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนและอยู่ในความสนใจของประชาชน ทางสำนักงานอัยการสูงสุดและผู้บริหารไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้แจ้งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการทำงาน หากมีความคืบหน้าอย่างไร ทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดจะแจ้งความคืบหน้าต่อสื่อมวลชนต่อไป

ตรวจสอบคลิปใช่ตัวจริงหรือไม่

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ไปสนับสนุนกำลังติดตามในพื้นที่ จ.พัทลุง ก็ยังอยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวนายเชาวลิตต่อเนื่อง ขณะนี้ได้สั่งให้นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้ตรวจสอบไปยังบุคคลใกล้ชิดของนายเชาวลิต ซึ่งจะต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวที่เผยแพร่ออกมาใช่เจ้าตัวหรือไม่ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลที่ปฏิเสธได้ว่าไม่ใช่ หรือใช่ ซึ่งกำลังตรวจสอบ และจะให้ญาติพี่น้องของเขาช่วยดูด้วย อีกทั้งคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ออกมา มันได้แสดงให้เห็นว่าตัวเขายังอยู่ หวังว่าเจ้าตัวจะเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม และเราก็มีหน้าที่จะต้องติดตามจับกุม นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้มีการหารือกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ซึ่งท่านได้ให้ความสำคัญ และมอบหมายในการดำเนินคดีติดตามจับกุมตัว

พ.ต.อ.ทวีกล่าวอีกว่า ส่วนในประการที่สอง เรื่องของข้อมูลที่นายเชาวลิตได้ออกมาสื่อสารคล้ายลักษณะกล่าวว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยระบุว่าในคดีที่ถูกศาลตัดสินจำคุก ได้มีผู้ร่วมกระทำผิดหลายราย แต่เหตุใดผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยจึงไม่ถูกฟ้องร้องหรือดำเนินคดีเช่นเดียวกัน ซึ่งในเรื่องนี้ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ตนได้มอบหมายให้นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม และรองปลัดกระทรวงยุติธรรม รวมถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเลขาธิการ ป.ป.ส. ดำเนินการตรวจสอบ เพราะฐานคดีเดิมมันเป็นการที่นายเชาวลิตไปชิงตัวบุคคลที่ถูกจับกุมเรื่องยาเสพติด ตนจึงให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งในคดีดังกล่าวจะเป็นไปตามที่เจ้าตัวร้องหรือไม่นั้น

จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า เป็นเหตุการณ์ชิงตัวผู้ต้องหาคนหนึ่งที่ถูกตำรวจจับเรื่องยาเสพติด และพอนายเชาวลิตและพวกสามารถชิงตัวบุคคลนั้นออกมาได้ ก็มีการทำร้ายตำรวจ จึงถูกดำเนินคดีร่วมกันปล้นทรัพย์กับพวกรวม 7 คน โดยในจำนวนนี้พบว่านายเชาวลิตกับพวกทั้ง 7 คนถูกตำรวจสั่งฟ้องทั้งหมด ส่วนในชั้นอัยการ ตนยังไม่ได้รับสำนวนมาตรวจสอบ แต่พบว่าในคำพิพากษาจากกระบวนการที่เกี่ยวข้อง มีชื่อนายเชาวลิตเป็นจำเลยของศาลจังหวัดพัทลุง ซึ่งอัยการจั่วหัวว่าเหตุเกิดวันที่ 2 ก.ค.2562 ในเวลาหลังเที่ยงคืน จำเลยกับพวกประมาณ 20 คนที่หลบหนียังไม่ได้นำตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนกล M16 เป็นต้น ไปชิงตัวบุคคลที่ถูกตำรวจจับกุมมา จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจนายเชาวลิตได้ว่า เนื่องจากมีผู้ร่วมกันตั้งเยอะ แต่ทำไมไม่ถูกดำเนินคดีด้วย

'แป้ง นาโหนด' ยังมีอีกหลายคดี

พ.ต.อ.ทวีกล่าวต่อว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เราจึงจะตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบว่าในคดีเดิม สามารถมีพยานหลักฐานใหม่อันสำคัญต่อคดีเพื่อที่จะรื้อฟื้นคดีได้หรือไม่ โดยจะหารือใกล้ชิดกับ ผบ.ตร. ว่าถ้ามันรื้อฟื้นคดีใหม่ จะให้เป็นคดีที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหากเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ จะให้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งจะดำเนินการโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ก็ได้ เพราะว่าในคดีดังกล่าวทราบว่ามีการฟ้องไป 7 ราย หรืออาจจะมากกว่านั้น แต่เท่าที่ไปตรวจสอบจากคำพิพากษาในคดีเกี่ยวเนื่องกับตัวบุคคล เช่น บุคคลที่อ้างชื่อว่านายสิทธิเดช หรือจรวด ก็มีคดีที่ศาลตัดสินลงโทษเหมือนกัน ซึ่งศาลตัดสินในเดือน ธ.ค.65 ในคดีพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเหตุการณ์ก็เกิดวันที่ 2 ก.ค.62 เช่นเดียวกัน อัยการอาจจะแยกฟ้องก็ได้

พ.ต.อ.ทวีกล่าวด้วยว่า ส่วนของนายเชาวลิต ทราบว่ามีคดีอื่นที่อาจจะเป็นคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานที่เป็นข่าวดังๆ ที่ร้านเติมสุข จ.พัทลุง ได้ร่วมกับพวกจำนวนมาก ทราบว่ามีการฟ้องร้อง ซึ่งตนคิดว่าในเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องสะเทือนขวัญ เป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ ตนก็ได้ให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมและคณะฯ ประสานกับ ผบ.ตร.อย่างใกล้ชิด เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เพราะว่าในความรู้สึกของนายเชาวลิตที่เขาได้ระบายถึงกระบวนการยุติธรรมและความยุติธรรมนั้น เราก็ไม่ได้ต้องเชื่อเขา แต่จะต้องนำข้อมูลที่เขาระบุ รวมถึงคำพิพากษาของศาลว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องถึงประมาณ 20 รายดังกล่าว จะต้องไปสอบสวนเพิ่มเติมพร้อมกับหลักฐานต่างๆ อาจจะต้องมีการตรวจเส้นทางการเงิน เป็นต้น ก็เป็นเรื่องที่จะต้องทำให้เร็วในส่วนของกระทรวงยุติธรรม

พ.ต.อ.ทวีกล่าวอีกว่า การจะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่นั้น ตามหลักประมวลวิธีพิจารณาความอาญา คดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องจนถึงที่สุด จะต้องมีพยานหลักฐานใหม่ แต่คำพูดของนายเชาวลิตในคลิปวิดีโอยังไม่ใช่หลักฐานใหม่ แต่บุคคลที่นายเชาวลิตระบุถึงในจดหมายร้องเรียน หรือบุคคลที่ไม่ได้ถูกสอบปากคำเป็นพยาน รวมถึงเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ถ้าหากรวบรวมได้ เราถือว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ และตนทราบว่าอัยการสูงสุดท่านปัจจุบันเป็นคนตรงไปตรงมา ก็คงจะต้องไปประสานกับท่านว่ามีบุคคลใดในวงการที่ไปเกี่ยวข้องบ้าง ยอมรับว่าสะเทือนไปหมดทั้งกระบวนการยุติธรรม

พ.ต.อ.ทวีกล่าวทิ้งท้ายถึงนายเชาวลิตว่า อยากจะเรียนว่า ในกระบวนการยุติธรรม เราไม่มีใครตั้งธงว่าจะต้องให้เขาเป็นศพ เพราะเราอยากได้ตัวเขากลับเข้ามา ส่วนในคดีที่เขาร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่ติดคุก แต่คนที่ควรจะติดคุกมากกว่าเขานั้นมีอยู่ เราก็รับว่าจะมาทำให้ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีเมื่อมีเรื่องต่างๆ รัฐบาลประกาศว่าต้องมีหลักนิติธรรม โดยหลักนิติธรรมนั้น พยานหลักฐานและกฎหมายต้องเป็นใหญ่ ไม่ใช่คนเป็นใหญ่กว่ากฎหมายในกระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่าเราจะตรวจสอบความจริงให้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง