‘นิด’เมินบี้ไขก๊อก ร้องฟันจริยธรรม

ปลาหมอตายเพราะปาก ช้ำหนัก! "เศรษฐา" โต้พัลวัน ไม่เคยก้าวก่ายแต่งตั้งผู้กำกับ ถ้าเรียกมาสอบก็ว่าไปตามขั้นตอน "อุ๊งอิ๊ง"​ ฝ่าวงสื่อเลี่ยงตอบปมตั๋วเพื่อไทย "โรม" ให้เวลาเตรียมตัว 2 สัปดาห์ เรียกแจง "กมธ.ความมั่นคงฯ" 7 ธ.ค.นี้ ตัวตึงก้าวไกลมันปากซัดแหลกจะเอายาไปทาสีข้าง ขู่โยงผู้กำกับใหม่กับ สส. ส่วนนักร้องหมายเลข 1 ร้อง ป.ป.ช.สอบผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมเชิญไปชี้แจงกรณีที่ได้พูดกับ สส.ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เรื่องการขอตำแหน่งผู้กำกับว่า ก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่าไม่ได้มีการก้าวก่าย ซึ่งถ้ามีการเรียกมาก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์   เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต ผบ.ตร. ระบุว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์เท่ากับเป็นใบเสร็จ และเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยนายกรัฐมนตรีนิ่งและยิ้ม ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนจะบอกว่า “ขอคำถามต่อไป”

ด้าน น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร​ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา​ ทวี​สิน​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​การคลัง​ เข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดคุณหญิงพจมาน   ​ ดามาพงศ์​ ครบ​ 66 ปี​ ว่านายกฯ แวะไปแป๊บเดียว เพียงแค่ 5 นาที

เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตีความอย่างไรถึงกรณีที่นายเศรษฐา​พูดกลางวงประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ถึงประเด็นการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในระดับผู้กำกับการ​ว่า​ "อ่อ​ ​นายกฯ ได้ออกมาพูดแล้วนี่​" ก่อนที่จะเดินขึ้นห้องประชุมที่ตึกบัญชาการในทันที

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องหลุดอะไรแต่อย่างไร เป็นดำริของนายกฯ ตั้งแต่ต้น ที่จะร่วมประชุมรับฟังปัญหาที่ประชาชนสะท้อนมายัง สส. เป็นการทำงานที่ใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลกับ สส. หลายเรื่องที่ประชาชนคาดหวังรอคอยก็จะถูกสะท้อนผ่าน สส. เช่น เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต และการแก้หนี้นอกระบบในระบบอย่างครบวงจร ที่รัฐบาลกำลังจะแถลง ซึ่งต้องทำงานร่วมกับฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมีการหยิบยกเรื่องนี้มาคุยกัน ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่ต้องการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ซึ่งต้องดูว่ามีรายได้มาจากไหน สส.เพียงฝากความหวังไว้กับรัฐบาลที่จะแก้ปัญหาของประชาชน

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงภายหลังการประชุม กมธ.ว่า ที่ประชุมได้มีมติเรื่องตั๋วตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่เพิ่งเกิดขึ้น และเนื่องจากคณะของเราเคยไปเยือนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และได้รับคำยืนยันจากที่ประชุม ตร.ว่าจะไม่มีเรื่องตั๋วต่างๆ เมื่อเกิดประเด็นออกมา โดยการชี้เบาะแสจากนายเศรษฐา อาจจะมีในเรื่องของตั๋วผู้กำกับ ซึ่งนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ. จึงได้เสนอในที่ประชุมว่า เราควรมีการพิจารณาเรื่องนี้ จึงได้มีการแลกเปลี่ยนหารือกันในที่ประชุม และมีมติว่า ในเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ธ.ค.นี้ สมควรมีการพิจารณาเรื่องของตั๋วตำรวจ โดยจะมีการเรียกนายกรัฐมนตรีให้มาชี้แจงในประเด็นดังกล่าว

 “กมธ.มีเวลา 2 สัปดาห์ในเรื่องการทำหนังสือ และให้เวลานายกรัฐมนตรีในการเตรียมตัวมาตอบข้อซักถามของ กมธ.ต่อไป หวังว่าจะได้รับความร่วมมือ และเป็นโอกาสอันดีที่นายกรัฐมนตรีจะได้ใช้พื้นที่ กมธ.ในการอธิบายถึงข้อห่วงใย ข้อกังวลของพวกเราว่าตกลงแล้วนายกรัฐมนตรี หรือ สส.ที่สังกัดในพรรคเดียวกันกับนายกรัฐมนตรี เข้าไปเกี่ยวข้องกับตั๋วตำรวจหรือไม่ และคงจะได้ติดตามกันต่อไป”

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้ส่งหนังสือถึงรัฐบาล เพื่อขอให้เตรียมรับมือในเรื่องสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา ที่อาจส่งผลให้เกิดคลื่นผู้อพยพจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 3 แสนคน ที่อาจอพยพเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อมในการรับมืออย่างเต็มที่

นายรังสิมันต์เปิดเผยด้วยว่า กมธ. จะเดินทางไปหารือในประเด็นความมั่นคงร่วมกับกองทัพบก ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้อีกด้วย

ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้กำกับจะหมายเป็นอย่างอื่นไม่ได้ จะเป็นผู้กำกับซีรีส์หรือภาพยนตร์ไม่ได้ ต้องเป็นผู้กำกับสถานีตำรวจอย่างเดียว และที่นายกฯ บอกว่ามีคนขอมาเยอะ ตกลงแล้วคนที่ขอเป็นคนหรือเป็นสัมภเวสี แล้วท่านพูดกับใคร ท่านพูดในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่

เมื่อถามว่า ในฐานะฝ่ายค้านจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า เมื่อเปิดสมัยประชุมมาก็ต้องตั้งกระทู้ถามในเรื่องนี้ว่า ที่นายกฯ บอกว่าที่คนขอมาเยอะเหลือเกินคือใคร เพราะท่านพูดอีกว่ามีคนผิดหวังมากกว่าสมหวัง แต่สมหวังก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย ก็แสดงว่ามีการฝากกันจริง ต้องยอมรับกันตรงๆ อย่าบิดพลิ้วเลย ท่านหลุดปากพูดแล้วอีกวันก็มาแก้ตัว

 “ท่านยอมรับสภาพเถอะ วันก่อนหน้าเป็นการสารภาพของคนเป็นนายกฯอยู่แล้ว แล้วที่ท่านเคยพูดก่อนหน้าหาเสียง ที่บอกว่าจะขจัดสังคมเส้นสาย พอหลังหาเสียงก็ลืมที่นายเศรษฐาเคยพูดเอาไว้เสียงเข้ม แต่ก็ลืมหมดแล้ว ตกลงเศรษฐาก่อนหน้าที่ประชุมพรรคเพื่อไทย กับเศรษฐาที่มาพูดอีกวันคือเศรษฐาคนเดียวกันหรือเปล่า" นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า ตอนนี้ก่อนที่จะเปิดสมัยประชุม ก็คงจะใช้การทำงานของคณะกรรมาธิการในการจัดการก่อน พอเปิดสมัยประชุมนายกฯ ก็ต้องมาชี้แจง ไม่ใช่อยู่ดีๆ พอวันรุ่งขึ้นมาบอกว่าไม่ได้หมายความแบบนั้น พูดถึงว่าความไม่ใช่คน ตนฟังแล้วจริงๆ แล้ววันนั้นอยากเอายาไปทาสีข้างให้ท่าน ท่านคงจะอักเสบพอสมควร ไหนๆ ท่านก็สารภาพมา 80% แล้ว อีก 20% ก็พูดมาเถอะว่า สส.ที่มาฝากผู้กำกับใหม่กับท่านคือใคร ฝากกี่คน จริงๆ ไม่ได้ยากเกินวิสัย เพราะผู้กำกับมีการโยกย้ายและมีผู้กำกับใหม่อยู่จำนวนหนึ่ง

เขาบอกว่า เดี๋ยวจะไปหาทางโยงว่าผู้กำกับที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจาก  พ.ต.ท. เป็น พ.ต.อ. และเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้กำกับใหม่ เป็นใคร อยู่ในจังหวัดไหน อยู่ในสถานีตำรวจใด และมีเครือข่ายความสัมพันธ์โยงใยเครือข่ายกับ สส.คนไหน แล้วเดี๋ยวค่อยไปถามนายกฯ เรียงคนว่าคนนี้อยู่ในบัญชีฝากหรือไม่ สมหวังหรือผิดหวัง

 “คนที่ชื่อเศรษฐา พูดตอนหาเสียงว่าจะขจัดเส้นสายให้หมดไป แล้ววันนี้เมื่อเป็นนายกฯ มาพูด จะมาบอกว่าถูกบังคับ หรือว่าโดนคุณไสยหรือโดนของ   เพราะพูดไปยิ้มไป และพูดด้วยตัวของตัวเอง เรื่องนี้ผมเข้าใจว่าท่านอยู่แวดวงอสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์บางรายก็จะรู้สึกว่าการติดสินบน การฝาก การใช้เส้นสาย เป็นเรื่องปกติ แต่ก็หวังว่านายกฯ ที่ยืนยันตัวเองว่าอยากยืนอยู่ในสังคมที่ถูกต้อง และทำธุรกิจมาอย่างถูกต้องตลอด จะไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้” นายวิโรจน์กล่าว

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคำให้สัมภาษณ์ ว่า เรื่องนี้ชัดเจนว่า ความหมายที่นายเศรษฐาพูดในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย สาระสำคัญหมายความว่าอย่างไร มีการวิ่งเต้นฝากในการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับผู้กำกับ (ผกก.) จริงหรือไม่ ทั้งภาพและเสียงจะเป็นคำตอบทั้งหมด ว่าใครตำแหน่งไหนเป็นคนฝาก การที่มาให้สัมภาษณ์แก้ตัวแบบมั่วๆ น้ำขุ่นๆ ประชาชนดูออกว่าตลบตะแลงแถลงแก้ตัวเพียงเท่านั้น

นายราเมศกล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ถือว่าเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีที่จะต้องไม่กระทำการละเมิดรัฐธรรมนูญ และมีประมวลจริยธรรมควบคุมอย่างเคร่งครัดอยู่ด้วย ที่ระบุให้กระทำการในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมในการแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ ต้องคำนึงถึงระบบคุณธรรม และต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ

ซึ่งนายกรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดว่า ห้ามไม่ให้มีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรม และมาตรา 186 ระบุไว้ชัดว่า รัฐมนตรีต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ก้าวก่ายแทรกแซงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือประโยชน์ของพรรคการเมือง

นายราเมศกล่าวต่อว่า เมื่อกระทำการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กรณีนี้ย่อมมีผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน นายกรัฐมนตรีควรตัดสินใจ ด้วยการรับผิดชอบในคำพูด รับผิดชอบในทางการเมือง อย่าตลบตะแลงชี้แจงกลับไปกลับมา ผู้นำกล้าพูดก็ต้องกล้ายอมรับ อย่าให้ใครมาตำหนินายกรัฐมนตรีได้ว่าตัวใหญ่แต่ใจเล็ก

นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้ไต่สวนและมีความเห็นการกล่าวหานายกรัฐมนตรีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ โดยจะเดินทางไปยื่นร้องเรียน ในวันศุกร์ที่ 24 พ.ย.66 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานใหญ่ จ.นนทบุรี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง