‘ตั๋วเศรษฐา’พาซวย ฝ่ายค้านได้ทีขย้ำขัดรธน.ฝาก‘ผกก.’กมธ.สอบล้วงลูกตร.

"เศรษฐา" ปัดพัลวัน! ปม "ตั๋วผู้กำกับ" บอกไม่เคยแทรกแซงแต่งตั้งตำรวจ ยันไร้อำนาจโยกย้าย แถม "สส." ก็ไม่เคยขอ "กมธ.การตำรวจ" เชิญนายกฯ แจง 7 ธ.ค. "ชัยชนะ" ขู่หากขอตำแหน่งจริง "พท.-นายกฯ" เดือดร้อนแน่ "ก.ก.-ปชป." ตามขย่ม "โรม" ชี้เข้าข่ายผิด รธน.มาตรา185 และจริยธรรม "ราเมศ" ซัดคำพูดเชื่อถือไม่ได้ ปชช.สิ้นหวัง

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 22 พ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีพูดในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 พ.ย. เรื่องการวิ่งเต้นโยกย้ายนายตำรวจระดับผู้กำกับ (ผกก.) ว่า “โอ๊ย ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอกครับ ผมยืนยันว่าทางผมไม่มีอำนาจ และไม่เคยแทรกแซง ไม่เคยก้าวก่ายในการแต่งตั้งข้าราชการและข้าราชการตำรวจเลย เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะพิจารณาตามผลงาน”

นายเศรษฐากล่าวว่า อย่างที่ทราบประชาชน โดย สส. ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน มีการมาพูดคุยกันเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดที่เรื้อรังมา แล้วอาจจะมีความไม่สบายใจกับเจ้าหน้าที่ จึงได้มีการพูดคุยกันตน ยืนยันว่า สส.ไม่ได้มาขอ เราพูดเรื่องความ ไม่ได้พูดเรื่องคน ความคือมีปัญหาในพื้นที่ เราเองก็มาพูดกันถึงปัญหาในพื้นที่มากกว่า เอาเรื่องความเป็นหลัก ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้ไปก้าวก่ายหรือไปสั่งการกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการแต่งตั้งผู้กำกับ และความจริงแล้วไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจของตนด้วย

ถามว่านายกฯ เคยพูดเรื่องนโยบายว่าไม่อยากให้มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง รวมทั้งการใช้เส้นสาย ต้องกำชับ สส.ในพื้นที่อย่างไรหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า สส.ทราบหน้าที่ของตนเองดีอยู่แล้ว ไม่ได้มีประเด็นตรงนี้

ซักว่าที่นายกฯ บอกมีการขอมาเยอะ เนื่องจากมีทั้งคนผิดหวังและคนที่สมหวังหมายความว่าอย่างไร นายเศรษฐา ปฏิเสธทันทีว่า ไม่ใช่การขอมา คนสมหวังคนผิดหวัง หมายความว่ามีคนบอกว่าเจ้าหน้าที่อาจจะทำงานไม่ดีตรงนี้ ซึ่งตนก็ไม่สามารถบอกได้ว่า สมมุติถ้าเขาทำงานไม่ดี ตนก็ไม่สามารถไปสั่งย้ายได้อยู่ดี ก็ทำได้เพียงไปบอกว่าในพื้นที่ในส่วนนี้ในเขตนี้มีปัญหาเรื่องยาเสพติดเยอะช่วยดูแลด้วย และถ้าเกิดว่ามีการกำกับดูแลไปแล้ว และยังยืนยันว่าบุคคลที่อยู่ในพื้นที่เป็นบุคคลที่เหมาะสมอยู่ ก็ต้องทำงานต่อไป ขอย้ำว่าเราพูดเรื่องความ ไม่ใช่พูดเรื่องคน และยืนยันมาตลอด

เมื่อถามว่า ประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นทางพรรคก้าวไกลตีความว่าอาจจะผิดกฎหมายมาตรา 185 นายกฯ จะชี้แจงอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า “โอ้ว ยืนยันครับว่าผมไม่ได้ไปก้าวก่าย ไม่เคยไปสั่งการ และทาง สส.ก็ไม่เคยมาขอ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐาได้พูดในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ตอนหนึ่งว่า "ผู้กำกับใหม่ ซึ่งผมมั่นใจว่าคงมีผู้ผิดหวังมากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง แต่ก็เป็นผู้กำกับใหม่ ซึ่งเราจะต้องพูดคุยเรื่องนี้กันให้เข้าใจถึงถ่องแท้ และต้องกำจัดปัญหานี้ออกไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเราเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ"

กมธ.จ่อเชิญนายกฯ แจง

ขณะที่ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า กมธ.มีมติจะเชิญนายกรัฐมนตรีมาชี้แจงเรื่องนี้ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้  เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (3) กำหนดชัดเจนว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก หากมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องกับเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ และสิ่งที่นายกรัฐมนตรีระบุไว้ว่า มีการขอตำแหน่งผู้กำกับการมาเยอะ ซึ่งมีทั้งคนผิดหวังและคนสมหวัง ซึ่งในประเด็นดังกล่าวหากเป็นข้อเท็จจริงตามที่นายกฯ พูด ก็ต้องระบุว่า สส.คนไหนมีส่วนเกี่ยวข้อง หากขัดต่อรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การทำให้หลุดพ้นจากตำแหน่ง สส.

"ส่วนตัวมีความมั่นใจว่า สส.ทั้ง 500 คนในสภาผู้แทนราษฎรยึดหลักรัฐธรรมนูญ ไม่มีการแทรกแซงแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ขณะเดียวกันไม่สามารถที่จะวิจารณ์ได้ว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่อง ตั๋วตำรวจหรือไม่ แต่จะต้องเชิญนายกรัฐมนตรีมาชี้แจงตอบคำถามว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และมีเจตนาอะไร หากไปถามเรื่องมีการวิ่งเต้นแต่งตั้งโยกย้ายหรือไม่ จะเป็นการกล่าวหาต่อองค์กร จึงไม่ขอก้าวล่วง" ประธาน กมธ.การตำรวจระบุ 

ถามว่าเรื่องนี้เป็นธรรมเนียมปกติหรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่า ไม่เป็นปกติ เพราะห้าม สส.แทรกแซง การแต่งตั้งโยกย้าย เราไม่ใช่ผู้บริหารประเทศ เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ห้ามแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายอยู่แล้ว แต่สิ่งที่นายกฯ พูด หากเป็นจริงเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเดือดร้อนทั้งพรรค เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (3) ขอย้ำว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบฝ่ายบริหารอยู่แล้ว หากมีหลักฐานชัดเจนเชื่อว่าจะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์คลิปวิดีโอที่นายเศรษฐาพูดกับ สส.พรรคเพื่อไทยในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 21 พ.ย.2566 ในหัวข้อ “การที่ สส. มาขอตำแหน่งผู้กำกับกับนายกฯ นั้น เป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 ชัดเจน” เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า จากคลิปนี้ ซึ่งเป็นการพูดของท่านนายกฯ ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย โดยมีการระบุอย่างชัดเจนว่า มี สส. (คนที่อยู่ในห้องประชุม) ขอตำแหน่งผู้กำกับ โดยระบุว่ามีคนขอตำแหน่งมาเยอะเหลือเกิน แถมนายกฯ  ยังพูดในช่วงท้ายอีกด้วยว่า "... มีไม่น้อยที่สมหวัง" นั้น สะท้อนว่าน่าจะมี สส.เป็นจำนวนมากกระทำผิดในมาตรา 185 (3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ระบุเอาไว้

นายวิโรจน์โพสต์ตอนท้ายเรียกร้องว่าสิ่งที่นายกฯ ควรตอบคำถามของสังคมให้กระจ่างชัด ก็คือ 1."คนที่อยู่ในห้องประชุม" ที่มาฝากผู้กำกับกับนายกฯ ที่นายกฯ บอกว่ามีเยอะเหลือเกินนั้นมีใครบ้าง 2.นายกฯ จะดำเนินการอย่างไร กับบรรดา สส.ที่ยกโขยงมาขอตำแหน่งผู้กำกับใหม่ ในกรณีนี้หากนายกฯ เพิกเฉย ไม่ดำเนินการอะไร ก็ถือว่านายกฯ เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

"ครั้นนายกฯ จะมาแก้ตัวว่าที่พูดไปเป็นการพูดเล่น ผมก็เห็นว่าฟังไม่ขึ้น เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่คนระดับนายกฯ จะเอามาพูดเล่น หรือยกเมฆมาพูดโกหก เป็นเด็กเลี้ยงแกะ ผมยืนยันว่าเรื่องนี้สำคัญมาก นายกฯ จะเงียบเนียนไม่ได้ จำเป็นต้องมีคำตอบให้สังคมครับ" นายวิโรจน์กล่าว

ส่วนนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. กล่าวว่า ชัดเจนในเรื่องตั๋วยังมีอยู่ และเรื่องนี้มีปัญหาจริง ปกติตั๋วจะไม่มีใบเสร็จหรือหลักฐานที่เป็นเอกสารราชการในการยืนยันสิ่งเหล่านี้ เพราะส่วนมากจะเป็นเป็นการโทร.ฝากกัน แต่คนที่เป็นระดับนายกฯ พูดในที่ประชุม สส. ไม่สามารถมองเป็นอย่างอื่นได้ว่ามี สส.ของพรรค พท.มาขอนายเศรษฐา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายแน่นอน และไม่ใช่ผิดกฎหมายอย่างเดียว แต่ยังสะท้อนถึงระบบอุปถัมภ์ที่อยู่ภายใต้รัฐบาลนายเศรษฐา

ก.ก.-ปชป.ขย่มผิด รธน.ชัด

"ตอนหาเสียงประกาศว่าจะไม่ยอมรับ รวมถึงจัดการระบบเส้นสาย แต่กลับพูดออกมาได้อย่างหน้าชื่นตาบานว่ามีผู้กำกับบางคนที่ผิดหวัง บางคนก็สมหวัง ซึ่งฟังได้ว่ามี สส.ฝากมา สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เลวร้ายของตำรวจชั้นผู้น้อย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากไม่มีเส้นสายก็จะไม่สามารถเติบโตได้ ซึ่งผมกังวลว่าในประเด็นดังกล่าวอาจจะขยายผลไปถึงการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการในระดับอื่นๆ ด้วย" นายรังสิมันต์กล่าว

ถามว่ามองหรือไม่ว่าการพูดของนายกฯ ไม่ได้มีเจตนา แต่พูดดักทางไว้ก่อน นายรังสิมันต์กล่าวว่า ไม่มองเช่นนั้น เพราะท่าทีของนายกฯ ไม่ต้องการห้ามปราบ และจากที่ตนฟังคำพูดของนายกฯหลายรอบ มีการขอมาเยอะ ชัดเจนอย่างยิ่งว่าคือการขอมาโดย สส.เพื่อไทย เพราะพูดต่อที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าต้องมีตั๋วเพื่อไทยหรือไม่ เพื่อได้เป็นตำรวจในระดับที่สูงขึ้น ได้ตำแหน่งการงานที่ดีขึ้น

 “ผมฟังคำชี้แจงของนายกฯ ที่อธิบายในวันที่ 22 พ.ย.แล้ว แต่ไม่ได้ตอบตรงประเด็น และผมฟังแล้วเหมือนกับเป็นนายกฯ คนละคน เพราะหักล้างในสิ่งที่พูดไว้เมื่อ 21 พ.ย. ทั้งนี้ ความจริงของนายกฯ  ชัดเจนว่ามีเรื่องตั๋วจริง และนายกฯ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อีกทั้งผมมองว่าสิ่งที่นายกฯพูดนั้นทำลายศรัทธาของระบบราชการ และไม่คิดว่าจะเป็นการพูดที่ปกติหรือเป็นธรรมชาติ” นายรังสิมันต์กล่าว

ซักว่าจะมีการตรวจสอบเพื่อยื่นเอาผิดทางกฎหมายหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบในเชิงข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงประกอบด้วย  เบื้องต้นพบว่าคำพูดของนายกฯ นั้นเข้าข่ายผิดจริยธรรม, พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ และรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 ซึ่งขณะนี้พยายามรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยมีผู้เชี่ยวชาญทุกส่วนช่วยตรวจสอบ

เมื่อถามถึงกรณีที่ กมธ.การตำรวจของสภาฯ จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าว จะร่วมเข้าไปตรวจสอบด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องหารือในที่ประชุม กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศอีกครั้งในวันที่ 23 พ.ย. เพราะการตรวจสอบใดๆ ต้องเป็นเรื่องที่ กมธ.ต้องพิจารณาร่วมกัน

เช่นเดียวกับ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า เรื่องนี้สังคมทราบจากปากของนายเศรษฐา มีการฝากขอตำแหน่งกันได้ แต่ที่สำคัญของเรื่องนี้คือนายกฯ กำลังทำผิดรัฐธรรมนูญที่มีเจตนารมณ์ป้องกันไม่ให้ สส.ก้าวก่ายแทรกแซงในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 กรณีนี้นายกฯ เป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่  นายกฯ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้กระจ่างชัด

นายราเมศกล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ต้องยอมรับว่ามีปัญหามาโดยตลอด สังคมหวังว่าจะดีขึ้น ทั้งๆ ที่เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2566 นายเศรษฐาเคยกล่าวถึงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ จะต้องมีความเป็นธรรม เรื่องการซื้อขายตำแหน่งต้องไม่มี

"นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีที่เกิดเรื่องที่นครปฐม ที่มีการยิงนายตำรวจเสียชีวิต แต่วันนี้เราเห็นนายกฯ ประกาศอย่างภาคภูมิใจในที่ประชุมพรรค ยอมรับถึงการฝากฝังแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง คำพูดนายกฯ เชื่อถือไม่ได้อีกต่อไป เพราะหลายแฉก ประชาชนสิ้นหวัง ตำรวจน้ำดีหมดกำลังใจในการทำงาน อย่าไปหวังเรื่องการพัฒนาปฏิรูปตำรวจให้ดีขึ้น  เพราะแม้แต่เรื่องคุณธรรมในการแต่งตั้งจากผู้นำประเทศเป็นถึงนายกฯ ยังไม่มีเลย แล้วจะไปหวังอะไร” นายราเมศกล่าว

โฆษก ปชป.กล่าวว่า เรื่องนี้เชื่อว่าจะเป็นประเด็นสำคัญในทางการเมือง และ เชื่อว่า ป.ป.ช.จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้  และจะเห็นว่านายกฯ มีปัญหาในเรื่องการสื่อสาร วันหนึ่งพูดอย่าง อีกวันพูดอย่าง  การสื่อสารด้วยความรวดเร็วเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องเร็วบนพื้นฐานข้อมูลที่ยุติมั่นคงแล้ว โดยเฉพาะหลักคิดของนายกฯ  เพราะนายเศรษฐาเป็นผู้นำประเทศ ไม่ใช่ลูกจ้างครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง ไม่เช่นนั้นความเสียหายจะเกิดขึ้นตามมาได้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างการจัดทำบัญชีแต่งตั้งตำรวจระดับ รอง ผบก. ลงมาถึง สว. วาระประจำปี 2566 โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กำหนดให้หน่วยงานในสังกัด สง.ผบ.ตร. ให้ดำเนินการจัดส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่ง สูงขึ้น บัญชีข้อมูลผู้ไม่เหมาะสมที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ข้อมูลเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องไปยัง ตร. (ผ่าน ทพ.) ภายใน 20 พ.ย.66 และ บช.ที่มิได้สังกัด สง.ผบ.ตร. ให้ดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก. ลงมาถึง สว. ให้เสร็จสิ้น และมีคำสั่งแต่งตั้งพร้อมกันทุกหน่วยใน 29 พ.ย.66 โดยให้คำสั่งมีผลใช้บังคับ พร้อมกันใน 30 พ.ย.66.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์

นายใหญ่เมินห่วงปมเศรษฐา

“ทักษิณ” ไม่ห่วง “เศรษฐา”  ปมศาล รธน. มั่นใจพา พท.กลับมาผงาดได้ ไม่ขอแตะ “ลุงตู่” หลังมีกระแสคิดถึง