ขรก.เฮ!ชงครม.ขึ้นเงินเดือน

“จุลพันธ์” แจงอยู่ระหว่างร่างคำถามเตรียมส่งกฤษฎีกาตีความออกกฎหมายกู้เงินอุ้ม Digital Wallet 5 แสนล้านบาทว่าทำได้หรือไม่ ยืนยันต้องดำเนินการตามกฎระเบียบ ขั้นตอน ยันชงร่าง พ.ร.บ.กู้เงินเข้า ครม.ภายในปีนี้ ขรก. รอเฮ! “ปานปรีย์” ได้ข้อสรุปขึ้นเงินเดือน  ชงเคาะ 28 พ.ย.

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน นายจุลพันธ์  อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet กล่าวถึงความคืบหน้าการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 5 แสนล้านบาทว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการดำเนินการร่างคำถามเพื่อเตรียมส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อเดินหน้าเงินดิจิทัลว่าสามารถทำได้หรือไม่

ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตามกฎระเบียบ ขั้นตอน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยหลากหลายหน่วยงานรับรองการประชุมก่อน จากนั้นต้องรอดูภาพรวมภาวะทางเศรษฐกิจล่าสุด จากการแถลงของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ก่อนจะร่างคำถามสอบถามให้ครบถ้วน ก่อนส่งไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความต่อไป

 “ยืนยันว่าไม่ได้ยื้อเรื่องนี้ รอเขาส่งที่ปรับอยู่เหมือนกัน ขั้นตอนมันต้องรอเวียนรับรองการประชุมคณะกรรมการฯ และพอมีแถลงภาวะเศรษฐกิจของสภาพัฒน์ก็ต้องมาปรับใหม่อีก จากนั้นจะสามารถร่างคำถามให้ครบถ้วนได้ โดยคาดว่าจะยื่นคำถามให้กฤษฎีกาตีความได้ในเร็วๆ  นี้” นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า กระบวนการการยกร่างกฎหมายใช้เวลาไม่มาก ส่วนกฤษฎีกาจะใช้ระยะเวลาตีความแล้วส่งกลับมายังกระทรวงการคลังได้เมื่อไรนั้น  ไม่กล้าตอบ แต่กระทรวงการคลังยังคงตั้งเป้าหมายตามเดิมว่าจะสามารถยกร่างพ.ร.บ.กู้เงินฉบับดังกล่าว และสามารถนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในปีนี้

ทั้งนี้ ล่าสุด เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ระบุไว้ชัดเจนว่า มติกฤษฎีกาสามารถตอบคำถามกระทรวงการคลังได้เพียงว่า รัฐบาลสามารถกู้เงินได้หรือไม่ แต่ไม่ได้ไปถึงขั้นตอนการยกร่างกฎหมาย และจะไม่มีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมาแต่อย่างใด หากเข้าเงื่อนไข รัฐบาลก็สามารถทำได้ หากไม่เข้าเงื่อนไขก็ทำไม่ได้ คำตอบมีเพียงเท่านี้ ส่วนจะให้แนะนำว่าสามารถใช้ช่องทางอื่นใดแทนได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่กฤษฎีกาไม่สามารถแนะนำได้ และจะให้ตีความว่าเศรษฐกิจวิกฤตหรือไม่วิกฤต ก็ไม่ใช่หน้าที่ของกฤษฎีกา แต่เป็นหน้าที่ของ ครม. ที่จะต้องหาข้อมูลมาสนับสนุน

นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง) ออกมาโต้ตอบตนในกรณีที่กล่าวว่านายกรัฐมนตรีตระบัดสัตย์ต่อโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีการกู้เหตุใดถึงไม่คัดค้านนั้นว่า เข้าใจว่าขณะนั้นนายพร้อมพงศ์อยู่ในคุก จึงไม่เข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทย ณ ขณะนั้นประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ประเทศเกิดการล็อกดาวน์ สิ่งที่ต้องทำในขณะนั้นคือดูแลพี่น้องประชาชนให้ดี ดังนั้นเหตุผลในการกู้เงินของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กับวันนี้คนละเรื่องกัน

ส่วนที่นายพร้อมพงศ์ระบุว่า ตอนที่พรรคประชาธิปัตย์กู้ใช้หนี้คืนได้หรือไม่  นายชัยชนะกล่าวว่า ขอฝากไปยังนายพร้อมพงศ์ว่า เอาหูสองหูฟังให้ดี ประชาธิปัตย์กู้เงินครั้งแรกตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง กู้มา 5.8 พันล้านบาท ตอนนั้นจีดีพีที่ติดลบ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ เติบโต 2% กว่า และในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่กู้มา 4  แสนล้านบาท ก็เอามาทำโครงการไทยเข้มแข็ง ทำให้จีดีพีจากติดลบก็โตขึ้น นี้คือการกู้อย่างมีหลักการด้วยการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ขึ้นมา และในยุค IMF รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ก็เป็นคนแก้ปัญหา ตอนนั้นประเทศไทยจีดีพีติดลบ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ก็ทำให้จีดีพีโตขึ้น

 “จึงขอฝากเด็จพี่ผู้ที่ผมชื่นชมในการแสดงละครจักรๆ วงศ์ๆ เข้าใจดีว่าตอนนี้อายุเยอะแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากฝากไฟฉายให้กับเด็จพี่ 1 กระบอก เพื่อไม่ต้องหิวแสงเยอะ ไม่ต้องหาแสงเยอะ เอาไฟฉายไว้จะได้มีแสงในตัวเอง ไม่ต้องหาแสงกับคนอื่น” นายชัยชนะกล่าว

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า  ขอสนับสนุนที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล เตรียมแถลงประกาศแก้หนี้สินให้กับประชาชน ทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ เพราะเห็นว่าเรื่องหนี้สินเป็นเรื่องสำคัญมากกับชีวิตความเป็นอยู่โดยตรงของพี่น้องประชาชน  ขอให้นายกฯ และรัฐบาลทำอย่างจริงจังแบบครบวงจร พร้อมยกให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดและต่อเนื่องจนเห็นผลเป็นรูปธรรม

ซึ่งการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ส่วนใหญ่มาจากเงินที่อยู่นอกระบบสถาบันการเงิน ต้องมีกฎหมายควบคุมการคิดดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด หากการให้กู้ยืมเงินนอกระบบต้องไม่คิดดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี หากคิดดอกเบี้ยโหด สูงกว่านั้น ถือว่าผิดกฎหมาย นอกจากนั้นรัฐบาลโดยฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจควรลงไปตรวจสอบผู้ที่เป็นเจ้าหนี้ที่มักจะปล่อยเงินกู้จำนวนมากๆ ว่ามีแหล่งเงินมาจากไหนมาจากเงินสีเทา ธุรกิจผิดกฎหมาย การพนัน และยาเสพติดด้วยหรือไม่ เป็นการฟอกเงินผ่านการให้กู้ยืมอีกทอดหนึ่งหรือไม่ 

 “ผมจึงขอให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ดำเนินการกวาดล้างมาเฟียผู้มีอิทธิพลในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ที่อาจใช้ช่องทางนี้นำเงินสีเทาผิดกฎหมายมาฟอกผ่านการปล่อยกู้ให้แก่ประชาชน และมีทีมทวงหนี้โหดไปทำร้ายร่างกายลูกหนี้ที่ผิดนัดจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตตามที่เป็นข่าวมาจำนวนมากแล้ว” นายธนกรระบุ

เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาหนี้สินจะช่วยประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระยะยาวได้อย่างไร นายธนกรกล่าวว่า  คนเป็นหนี้ก็ต้องใช้ แต่จะทำอย่างไรหากไม่มีรายได้ที่เพียงพอใช้หนี้ สุดท้ายแล้วก็อาจจะกลับมาเป็นหนี้ใหม่อีก ตนจึงมองว่ารัฐบาลควรส่งเสริมให้มีการฝึกทักษะอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชน ต้องทำควบคู่ไปกับการช่วยปลดลดหนี้สิน จะเป็นทางออกช่วยให้พี่น้องประชาชนสามารถยืนด้วยตัวเองอย่างมั่นคง และจะเป็นการแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชนแบบยั่งยืน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาแนวทางปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ว่า ใกล้แล้ว อีก 1-2 วันน่าจะเสร็จ และคาดว่าจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในวันอังคารที่ 28 พ.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นคำตอบให้ครม.ได้พิจารณาว่าจะตัดสินใจขึ้นเงินเดือนเลยหรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า ต้องนำให้ ครม.ได้ตัดสินใจ

ขณะที่ นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวถึงการพิจารณาแนวทางปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการว่า  ตอนนี้ยังไม่นิ่ง ขอประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อน

เมื่อถามว่า ในการประชุมการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการ ครั้งที่ 2/2566 วันที่ 23 พ.ย. จะชัดเจนเรื่องหลักเกณฑ์การปรับฐานเงินเดือนเลยหรือไม่ นายปิยวัฒน์กล่าวว่า ในวันที่ 23 พ.ย. จะมีการคุยเรื่องหลักเกณฑ์และแนวทางต่างๆ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลกระทบต่างๆ ด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 23 พ.ย. เวลา 13.30 น. นายปานปรีย์จะเป็นประธานการประชุมการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการ ครั้งที่ 2/2566 ที่กระทรวงการต่างประเทศ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!

"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย

‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา

กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ

เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่

"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน

‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’

ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ