พธม.หนุนนิรโทษเห็นแย้งคดีม.112

อดีตแกนนำพันธมิตรฯ เห็นด้วยนิรโทษกรรมคดีการเมือง แต่เห็นแย้ง  หน.ก้าวไกล ยันต้องคุยหลายฝ่าย-วางมาตรการกับฝ่ายความมั่นคง ชี้คดี ม.112  ถ้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์-ถูกยัดข้อหา ถ้าสำนึกก็โอเค แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะเกิดสำนึกไม่ทำอีก "ภูมิธรรม" ปัดไม่รู้ "ธนาธร" คุย "ทักษิณ" อ้างนายใหญ่ป่วยอยู่ "สว.วันชัย" ไม่เห็นด้วยแก้ พ.ร.บ.ประชามติ เหตุไม่เป็นอุปสรรคขวางแก้ รธน. ยันต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งจึงจะได้รับการยอมรับ

เมื่อวันอังคาร มีความต่อเนื่องจากกรณีนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ “พุทธะอิสระ” อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย   จังหวัดนครปฐม และอดีตแนวร่วมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมผู้ติดตามส่วนหนึ่งได้เดินทางมาพบตน เพื่อขอหารือและสอบถามความเห็น รวมถึงขอเสียงสนับสนุนในการที่พรรคก้าวไกลได้เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดอันเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง (พ.ร.บ.นิรโทษกรรม  ฉบับก้าวไกล) ที่ตอนนี้อยู่ระหว่างที่สภาผู้แทนราษฎรกำลังรับฟังความคิดเห็นประชาชน

โดยนายศิริชัย ไม้งาม อดีตสมาชิกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งเป็นผู้อยู่ในวงสนทนาดังกล่าวเปิดเผยว่า ตนไปแทนนายสุริยะใส กตะศิลา หนึ่งในแกนนำและผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งทราบเพียงว่าจะมีวงสนทนานี้ แต่ตนก็ไปในฐานะผู้สังเกตการณ์ และเนื้อหาการสนทนาก็เป็นไปตามที่พุทธะอิสระได้ให้สัมภาษณ์ไปว่า ได้บอกให้ทางพรรคก้าวไกลกลับไปคุยกันเอง ไปพูดคุยกับหลายฝ่ายๆ รวมถึงพรรคการเมืองอื่นให้เรียบร้อยก่อน ส่วนในกรณีผู้ถูกกล่าวหาและมีคดีที่เข้าข่ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น  โดยส่วนใหญ่เป็นการพูดคุยกันวงทนายความ แต่ในกลุ่มคนหนุ่มสาวที่เป็นผู้ต้องหายังไม่ได้มีการพูดคุยกัน

นายศิริชัยกล่าวถึงความเห็นส่วนตัวในกรณีนี้ว่า เรื่องนิรโทษกรรมทำกันมานาน แต่วันนี้มีเรื่อง ม.112 เข้ามาโยง ซึ่งก็ต้องคุยกันว่าในกลุ่มของบุคคลที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เอาข้อความต่างๆ ไปโพสต์ในสื่อโซเชียลมีเดีย ถ้าไม่ได้แสดงออกอะไร เป็นเพียงความผิดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจโดนยัดข้อหา ก็ควรที่จะได้รับการนิรโทษกรรม

 “แต่ประเด็นคือ คนที่โดนคดีแล้ว และได้รับการนิรโทษกรรม คุณจะมีความมั่นใจยังไงว่าคุณจะทำผิดอีกหรือไม่ คุณจะยังด่าอยู่หรือเปล่า ยังแสดงความคิดเห็นเรื่อง 112 อยู่อย่างเข้มข้นขึ้นหรือเปล่า ถ้าเกิดสำนึกแล้วและไม่ทำแล้ว มันก็โอเค” นายศิริชัยกล่าว

อดีตสมาชิกกลุ่ม พธม.กล่าวต่อว่า ในกรณีนี้เป็นเวทีการคุยกันในรายละเอียด ที่พุทธะอิสระบอกให้พรรคก้าวไกลไปคุยกัน และให้ความมั่นใจกับฝ่ายความมั่นคงที่เขาดูแลเรื่องนี้อยู่ว่าจะมีมาตรการอย่างไร ต่อคนที่ได้รับการนิรโทษกรรม ซึ่งนายชัยธวัชก็ได้บอกแล้วว่าจะไม่มีการพูดคุยกัน

"ผมอยู่ในกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาอยู่แล้ว เป็นคนที่มีส่วนได้เสียอยู่แล้ว ก็ปล่อยให้เดินไปตามกระบวนการ วันนี้เรื่องราวต่างๆ และความคดีความก็เยอะมาก ผ่านมาเป็นสิบๆ ปี ถ้าได้รับการดูแลทุกกลุ่มก็โอเค แต่เรื่อง ม.112 ก็หาทางคุยกันว่าจะสามารถยอมกันได้หรือไม่ ตอนที่เข่นฆ่ากันเป็นพันๆ ศพ ยังเคยนิรโทษกรรมให้กันเลย แต่นี่เป็นเพียงคำพูด การแสดงออกต่างๆ ที่อาจพูดถึงเรื่องอารมณ์ และความรู้สึก” นายศิริชัยกล่าวทิ้งท้าย

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า ยอมรับว่าได้ไปพบพูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ฮ่องกง ซึ่งอาจถูกมองว่าครอบงำ ว่าไม่ทราบ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ 2 คนที่ปรากฏเป็นข่าว ต้องถามจากนายธนาธรและนายทักษิณที่ตอนนี้กำลังป่วยอยู่ คนอื่นจึงไม่สามารถรู้ข้อเท็จจริงได้ ไม่สามารถอธิบายได้

 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.)  กล่าวถึงการลงพื้นที่ภาคเหนือของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. ที่มีการพบปะกับนักการเมืองบ้านใหญ่ที่ถูกมองว่าอาจเป็นการเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรีว่า น.ส.แพทองธารเป็นหัวหน้าพรรค พท. ต้องรู้จักพื้นที่ในทุกจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะภาคเหนือ และประกอบกับการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ก็ลงพื้นที่หาเสียง ก็อยากที่จะไปเยี่ยมเยียนพื้นที่ตรงนั้นด้วยในฐานะได้รับตำแหน่งใหม่ ขณะที่จังหวัดอุตรดิตถ์ มีการเปิดสาขาพรรคเพื่อไทย ก็ถือว่าเหมาะสมที่จะพบปะกับประชาชน ถือเป็นความตั้งใจของพรรคการเมืองที่ได้มากว่า 20 ล้านเสียง ซึ่งถือเป็นงานหนักพอสมควรที่จะต้องช่วยกันเดิน ยืนยันว่าไม่มีอะไรมากกว่าการพบปะประชาชนและการสร้างงาน

"การที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่วันนี้  ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งพอสมควร  เพราะวันนี้เรามีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ทำงานดีอยู่แล้ว และต้องทำงานต่อไปอีกยาวๆ ไม่ใช่แค่วันนี้หรือพรุ่งนี้ ขออย่าไปแซว ไปพูดหรือไปคุยในเรื่องเหล่านี้ คิดว่าไม่ใช่เรื่องสร้างสรรค์" นายสมศักดิ์กล่าว

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายนิกร จำนง ในฐานะประธานอนุกรรมการรับฟังความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เตรียมเสนอกรรมการประชามติชุดใหญ่ วันที่ 24 พ.ย. เพื่อเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 13 ว่าด้วยหลักเกณฑ์ผ่านประชามติว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ เพราะหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา 13 นั้นถูกพิจารณาด้วยความรอบคอบ

"หลักเกณฑ์ที่ใช้เป็นกติกาให้การทำประชามติผ่าน ทั้งประเด็นต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ และเกณฑ์ผ่านประชามติที่ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธินั้น จะทำให้การทำประชามติเรื่องใดๆ นั้นได้รับการยอมรับ เช่น กรณีที่มีการทำประชามติสอบถามถึงการเปิดบ่อนกาสิโนในประเทศ จำเป็นต้องได้รับเสียงเห็นชอบที่ได้รับการยอมรับ จึงจะถือว่าชอบธรรม"

เมื่อถามว่า หากไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไข กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ จะทำหนังสือหรือความเห็นแย้งไปยังกรรมการประชามติหรือไม่ นายวันชัยกล่าวว่า ต้องรอหารือในที่ประชุม กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ ที่คาดว่าจะมีการนัดประชุมสัปดาห์หน้า แต่หากระหว่างนี้มีการสอบถามความเห็น จะนำเสนอประเด็นตอบกลับไป ตนมองไม่เห็นว่าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 13 จะเป็นเดดล็อกที่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน เพราะหากมีการรณรงค์ให้กว้างขวาง เชื่อว่าจะทำให้คนออกมาใช้สิทธิ์ได้ตามเกณฑ์ อย่างไรก็ดี หากคิดจะแก้ พ.ร.บ.ประชามติ เกรงว่าเป็นการคิดประเด็นปลีกย่อย ที่อาจทำให้การทำประชามติไม่เกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญด้วย หากต้นทางใช้วิธีพิจารณาตามกระบวนการของกฎหมายปฏิรูปประเทศ ดังนั้นการแก้ไขควรเป็นไปตามกระบวนการเดิม คือใช้ กมธ.ร่วมกันของรัฐสภาพิจารณา.