"โฆษกรัฐบาล" โต้ "แบงก์ชาติ" ทุกเม็ด ปมค้านแจกชาวนาไร่ละ 1 พัน ข้องใจปีก่อนทำไมไม่ท้วงติง ไล่ดูแลเฉพาะการเงิน ให้หน่วยงานที่รู้ลึกซึ้งตัดสินใจดีกว่า นายกฯ สั่งเร่งเอาข้าวสายพันธุ์ดีในสต๊อกออกมา ทนไม่ไหวผลผลิตต่อไร่ไทยรั้งบ๊วยอาเซียน แรงงานจ่อเฮ! ชง ครม.ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 12 ธ.ค.
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันที่ 20 พ.ย. ได้หารือกับผู้ประกอบการค้าข้าวรายใหญ่ของประเทศไทย พบปัญหาข้าวไทยผลผลิตต่อไร่ของเราต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอยู่เยอะมาก หนึ่งในเหตุผลคือ ข้าวไทยที่มีการพัฒนาช้า ได้รับการรับรองพันธุ์ข้าวจากกรมการข้าวที่ล่าช้า ทำให้นำข้าวมาปลูกได้ช้า จึงได้สั่งการ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่ง รมว.เกษตรฯ ขานรับอย่างดีว่าจะไปดูแลในเรื่องขั้นตอนในการขอพันธุ์ข้าว เพื่อให้ไทยมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลข้าวที่ดีและสูงขึ้น ทัดเทียมกับเพื่อนบ้าน
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกฯ ได้มีข้อสั่งการในที่ประชุม ครม.ว่า เนื่องจากตัวเลขผลผลิตข้าวเปลือกของไทยเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ ในเอเชียและอาเซียนด้วยกันแทบจะบ๊วยรั้งท้าย ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัสรายงานว่า ได้เตรียมการแล้วว่าฤดูกาลหน้าจะมีข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่จะตอบสนองต่อการเพิ่มผลผลิตต่อไร่และคุณภาพข้าวมาแนะนำให้ชาวนาปลูกกัน
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีหนังสือให้ความเห็นกลับมายังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่าไม่จำเป็นต้องออกมาตรการจ่ายเงินชาวนาไร่ละ 1,000 บาทว่า เข้าใจว่าเป็นหนังสือจากสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีสอบถามความเห็นไปยัง ธปท. เกี่ยวกับกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 พ.ย. มีมาตรการช่วยเหลือชาวนาด้วยการแทรกแซงโดยการซื้อราคานำ และวันที่ 14 พ.ย. มีมาตรการช่วยเหลือชาวนาด้วยการให้เงินไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งหนังสือเปิดผนึกที่ ธปท. ให้ความเห็นมาว่าเนื่องจากราคาข้าวเปลือกในปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และต้นทุนการผลิตลดต่ำลง ธปท.จึงเห็นว่าการให้เงินช่วยเหลือสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพข้าวไร่ละ 1,000 บาทอาจไม่จำเป็นแล้ว ไม่เหมือนก่อนหน้านี้นั้น
ขอชี้แจงว่า หนังสือที่ ธปท.บอกว่าความจำเป็นน้อยลงแล้ว ความหมายนัยคือ เมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว ฤดูกาลผลิตข้าวนาปี 2565 ในส่วนราคาข้าวเปลือกจ้าว ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว รัฐบาลที่แล้วใช้เงินอุดหนุนช่วยเหลือชาวนาผ่านโครงการต่างๆ ทั้งหมดเกือบ 1.5 แสนล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวมีอยู่กว่า 8.6 หมื่นล้านบาท ใช้เพื่อประกันราคาข้าวเปลือก ซึ่งปีที่แล้วราคาไม่ดีเท่าไหร่ โดยรัฐบาลที่แล้วใช้การประกันราคา ซึ่งถ้าราคาต่ำให้มารับส่วนต่างจากรัฐบาล อีกทั้งยังมีการให้เงินสนับสนุนการบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพข้าวเช่นเดียวกับรัฐบาลนี้
ส่วนที่ ธปท.ระบุความจำเป็นน้อยเพราะปีนี้ข้าวราคาดีนั้น นายชัยกล่าวว่า เงินที่ชาวนาได้จากการขายข้าวเปลือกในปีนี้แม้จะสูงกว่าปีที่แล้ว แต่ปีที่แล้วชาวนาได้เงินอุดหนุนที่มาจากการประกันราคา ซึ่งเมื่อบวกเงินอุดหนุนจากการประกันราคาแล้ว เงินที่ชาวนาขายข้าวได้ ฤดูกาลผลิตปีที่แล้วกับฤดูกาลปีนี้พอๆ กัน แทบไม่ต่างกันเลย เพราะปีนี้ราคาข้าวเปลือกขึ้นรัฐบาลก็ไม่ได้ประกัน เงินที่ได้เพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับปีที่แล้วที่ขายแล้วได้น้อยหน่อย แต่รัฐบาลควักมากว่า 8.6 หมื่นล้านบาท ฉะนั้น รายได้ชาวนาจากการขายข้าว 2 ปีไม่ต่างกันเท่าไหร่ ขณะเดียวกันสิ่งที่แย่กว่าปีที่แล้วคือ ตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค. จนถึงต้นเดือน พ.ย. ที่รัฐบาลได้มีมติ ครม. 2 มาตรการออกมาช่วยเหลือชาวนา เป็นช่วงเวลาที่ข้าวเปลือกหอมมะลิกำลังจะออกตลาด และราคาข้าวเปลือกหอมมะลิแม้จะมีการประกาศราคาพอๆ กับปีที่แล้ว ตันละ 14,500-15,000 บาท แต่เวลารับซื้อจริง ราคาตันละ 14,500-15,000 บาท คือความชื้นที่ 15% แต่ในภาคปฏิบัติ เวลาเก็บข้าวมาแล้ว ความชื้นคือ 25% เวลาส่งไปขาย เขารับซื้อแค่ตันละ 10,800 บาท ทำให้ชาวนาขายได้น้อยลงกว่าเดิมและไม่มีเงินประกัน รอบนี้รัฐบาลจึงไม่จ่ายเงินประกันให้ เพราะราคาข้าวเปลือกอย่างอื่นดี เพียงแค่อุดหนุนในเรื่องของการบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพข้าวเท่าๆ กับปีที่แล้วคือ 5.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งใช้เงินอุดหนุนน้อยกว่าปีที่แล้วเกินกว่าครึ่ง และราคาข้าวเปลือกถึงแม้จะขึ้นบางตัว แต่ข้าวเปลือกหอมมะลิไม่ได้ขึ้น
นอกจากนี้ เรื่องต้นทุนการผลิตที่ ธปท.ระบุว่าไม่น่าจำเป็นเพราะต้นทุนต่ำนั้น ข้อเท็จจริงไม่ใช่ เพราะปุ๋ยที่ราคาลงมีตัวเดียว แต่อีก 3 ตัวแพงกว่าปีที่แล้ว ต้นทุนปีนี้เทียบกับปีที่แล้วไม่ได้ถูกลง แต่สูงขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นหนังสือแสดงความเห็นของ ธปท.ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง จึงขอเรียนว่าข้อมูลที่เกี่ยวกับเกษตรกร เกี่ยวกับชาวนา ข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรโดยตรง จะมีความละเอียดลึกซึ้งกว่าข้อมูลของ ธปท. เพราะ ธปท.จะดูรายงานกว้างๆ ไม่ได้เจาะลึกเหมือนกับหน่วยงานที่เขาดูโดยตรง
"ข้อเท็จจริงไม่ใช่ตามที่ ธปท.ชี้ ยิ่งไปกว่านั้นที่ผมแปลกใจมากๆ คือ เมื่อปีที่แล้วรัฐอุดหนุนช่วยชาวนาใช้เงินเกือบ 1.5 แสนล้านบาท และชาวนาได้เงินพอๆ กับปีนี้ และก็มีโครงการให้ไร่ละ 1 พันบาท เหมือนกับปีนี้ แต่ปีที่แล้ว ธปท.ไม่มีความเห็น ไม่ได้มีหนังสือเปิดผนึกโต้แย้งว่าไม่ควรทำ อันนี้เป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างแปลกใจ เรื่องแบบเดียวกัน ตัวหนังสือแทบจะลอกกันมา แต่ปีที่แล้วไม่ท้วงติง ไม่แสดงความเห็น ไม่ปรากฏในรายงานการประชุม แต่ปีนี้มีและเป็นข่าวด้วย" นายชัย ระบุ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นโยบายทางการคลัง เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ รายได้ทางเศรษฐกิจของชาวนา ส่วนความเห็นของ ธปท. เราพร้อมรับฟัง แต่บทบาทหน้าที่แบ่งกันทำ ธปท.ดูแลด้านการเงิน ถ้าจะมีหนังสือท้วงติงหรือแสดงความเห็น เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ควรคิดควรจะเป็นเท่าไหร่ ระยะเวลาคืนเงินต้นควรจะเป็นเท่าไหร่ หลักประกันเรื่องความเสี่ยงของการปล่อยสินเชื่อให้ชาวนาควรจะเป็นอย่างไร อย่างนี้เป็นบทบาทหน้าที่โดยตรงของ ธปท. แต่โครงการควรจะช่วยชาวนาหรือไม่ ช่วยในหลักเกณฑ์เท่าไหร่ อย่างไร ต้นทุนแพงขึ้นหรือถูกลง ราคาข้าวเปลือกเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่รัฐบาลมีรายละเอียดอยู่ในมือ พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ดังนั้นเรื่องอื่นนอกเหนือจากประเด็นทางการเงิน ขอให้หน่วยงานของภาครัฐที่มีความข้อมูลลึกซึ้งแม่นยำกว่าเป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจ น่าจะดีกว่า
นายชัยยังเปิดเผยด้วยว่า ในที่ประชุม ครม. นายกฯ ได้ขอว่า ภายใน 2 สัปดาห์จากนี้ ขอให้กระทรวงแรงงานนำเรื่องค่าแรงขั้นต่ำนำมาเสนอให้ ครม.พิจารณา
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ได้รายงานให้ที่ประชุม ครม.รับทราบความคืบหน้าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำหรือค่าจ้างขั้นต่ำของแรงงานทั่วประเทศ คาดว่าจะสรุปรายละเอียดเข้ามาเสนอให้ที่ประชุม ครม. ภายในวันที่ 12 ธ.ค.นี้
สำหรับไทม์ไลน์เบื้องต้นของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรอบใหม่นั้น นายพิพัฒน์ สรุประยะเวลาไว้ดังนี้ วันที่ 27 พ.ย. สรุปรายละเอียดอัตราค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานใน 77 จังหวัด ส่วนวันที่ 30 พ.ย. กระทรวงแรงงานหารือภายในถึงการพิจารณาอัตราค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานใน 77 จังหวัด ขณะที่วันที่ 8 ธ.ค. นัดประชุมคณะกรรมการค่าจ้างหรือคณะกรรมการไตรภาคี พิจารณาอัตราค่าแรงขั้นต่ำรอบใหม่ จากนั้นวันที่ 12 ธ.ค. กระทรวงแรงงานเสนอ ครม.พิจารณาอัตราค่าแรงขั้นต่ำรอบใหม่
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ยังไม่ได้พิจารณาโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ปีการผลิต 2565/2566 ซึ่งเป็นการจ่ายเงินชดเชยตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน ภายใต้กรอบวงเงิน 8,000 ล้านบาท โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอเข้ามาไม่ทัน เพราะต้องให้หน่วยงานต่างๆ พิจารณาก่อน ทั้งกระทรวงการคลัง สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เชื่อว่าจะเสนอทันการประชุม ครม.ครั้งหน้า.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
27ม.ค.โอนเงินหมื่นเฟส2 คลังยันคุยธปท.ดันศก.โต
นายกฯ สรุปทิศทางทำงบปี 69 ย้ำต้องตอบโจทย์พัฒนาประเทศ
สภา415เสียง แก้ไขข้อบังคับ คนนอกรื้อรธน.
“รัฐสภา” ถกแก้ข้อบังคับการประชุม "สว.-รทสช." รุมค้านเปิดทาง
เสด็จฯพระราชพิธีสมมงคล
"ในหลวง" เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี
พนันออนไลน์ถูกกม.! จบ1เดือนปาดหน้ากาสิโน/ผวาทุนเทา
“จุลพันธ์” อวยเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์สุดลิ่ม ปูดมีมากกว่า 1 จุดแน่ เพราะช่วยกระตุ้นจีดีพี รีบปัดมีการเกี้ยเซียะทุนใหญ่
เหนือ-อีสาน อุณหภูมิยังหนาวจัด กทม.16 องศา มีหมอกบาง
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและ
ขอแบ่งเค้ก‘กาสิโน’ แทบทุกหน่วยงานหนุน/รบ.ยกสิงคโปร์โมเดลทำรายได้พุ่ง
รัฐบาลอุ๊งอิ๊งทุบโต๊ะทำคลอด “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”