ทร.ยืดอกขอโทษ ปมเรือดำน้ำจีน ยังลุ้นอสส.ชี้ขาด

กองทัพเรือหลังชนฝา "ผบ.ทร.” ยืดอกขอโทษประชาชนพูดไม่ชัดเจน "เครื่องยนต์เรือดำน้ำ" ชี้เป็นอาวุธยุทธศาสตร์ พูดออกสื่อลำบากและต้องขออนุญาตจีน ก่อนแจงยิบส่ง อสส.ชี้ขาดใครมีอำนาจเปลี่ยนเครื่องยนต์ เผยหากถึงทางตันเล็งเปลี่ยนเป็นเรือผิวน้ำ ย้ำไม่ใช่เรือฟริเกต ไม่กังวลสัญญาสิ้นสุด 30 ธ.ค. ลั่นต้องจบในยุคตน ขอพึ่งบารมีเสด็จเตี่ยให้จบด้วยดี คืบหน้ากู้ ร.ล.สุโขทัย คาดช่วงมี.ค.-เม.ย. 67 นำขึ้นมาได้

เมื่อวันจันทร์ ที่พระราชวังเดิม ของบัญชาการกองทัพเรือ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเรื่องเรือดำน้ำว่า กองทัพเรือได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว อดีตผู้บังคับบัญชาทุกท่านได้นำยุทธศาสตร์กองทัพเรือที่เราจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ 4 ลำเดินหน้าเพื่อให้มีเรือดำน้ำให้ได้ การมีเรือดำน้ำคงไม่ใช่เพราะเขามี แต่เราจำเป็นต้องมีเพราะมิติใต้น้ำเรายังบกพร่อง เรือดำน้ำเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ พูดออกสื่อลำบาก

พล.ร.อ.อะดุงระบุว่า แต่เข้าใจว่าทุกคนคงเข้าใจว่าเรามีเรือดำน้ำไว้ทำอะไร อดีตผู้บังคับบัญชาก็เดินหน้าโครงการนี้มานานแล้วปี 2558 เราเริ่มลงนามกันปี 2560 ในช่วงที่มีการลงนามการกำหนดความต้องการตาม TOR ซึ่งกำหนดว่าเป็นเครื่องยนต์ โดยเขียนรวมๆ ว่าเราต้องการ Diesel  Generator Set ในขณะที่จีนเสนอ 16v399 (MTU 396) และตบท้ายด้วยว่า GB31L ซึ่งแปลว่าผลิตในจีน ซึ่งขณะนั้นจีนยังคงได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตจากเยอรมันในการใช้งานและการส่งออก จึงเซ็นสัญญากัน

 “ยืนยันว่า ณ วันนั้นไม่มีฝ่ายใดบกพร่อง ต้องกราบขอโทษประชาชนที่กองทัพเรือไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะหลังจากรับหน้าที่ได้ทำหนังสือถึงจีนขออนุญาตเปิดเผยข้อมูลในสัญญาบางส่วนได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไม่ได้มีการทำหนังสือจึงต้องขออนุญาตก่อน ถือเป็นมารยาทระหว่างประเทศ และจีนก็อนุญาตให้กองทัพเรือเปิดเผยได้ตามที่จำเป็น จนปี 2562 จีนได้ทำหนังสือถึงกองทัพเรือไทยแจ้งว่าเครื่องยนต์จะมีปัญหา เพราะทางเยอรมันไม่อนุญาตให้ทำได้ ซึ่งผู้แทนกองทัพเรือที่ประเทศจีนได้ทำหนังสือตอบโต้กลับอยู่หลายฉบับ เพื่อยืนยันตามความต้องการเดิมคือเครื่องยนต์เยอรมัน โดยได้ดำเนินการทุกวิถีทาง และอดีตผู้บังคับบัญชาทุกท่านได้เจรจากับเยอรมัน รวมถึงสถานทูตเจรจา" พล.ร.อ.อะดุงระบุ

พล.ร.อ.อะดุงกล่าวต่อว่า จนกระทั่งปี 2564 จีนมีหนังสือแจ้งมาว่าไม่น่าจะได้แล้ว ขอให้มาช่วยกันหาทางออก พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ อดีต ผบ.ทร.คนก่อน ได้ให้กรมอู่ทหารเรือเดินทางไปตรวจสอบเครื่องยนต์  CHD620 ที่จีนผลิต และได้ทดสอบทุกมิติ ทดลองเครื่องด้วยการวิ่ง 200 ชั่วโมงไม่มีการหยุด ทำทุกอย่างตามข้อตกลง ผลที่ออกมาจึงมีรายงานถึงอดีต ผบ.ทร.ว่าเครื่องยนต์น่าจะโอเค จนเป็นที่มาของการเซ็นหนังสือถึงกระทรวงกลาโหม เพื่อขออนุญาตเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ถือเป็นทางออกที่กองทัพเรือทำได้ดีที่สุด

"รัฐบาลให้เงินกองทัพเรือมาซื้อเรือดำน้ำ กองทัพเรือก็ทำหน้าที่ซื้อเรือดำน้ำให้ได้ เราไม่มีหน้าที่ที่จะมาบอกว่าเปลี่ยนเป็นเรืออื่น เพราะตามระเบียบการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ให้เงินมาซื้อเรือดำน้ำต้องได้เรือดำน้ำ เมื่อเรื่องมาถึงรัฐบาลใหม่ ซึ่งกองทัพเรือต้องกราบขอบคุณนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ช่วยเจรจากับเยอรมันและจีน ซึ่งก็ยังเป็นคำตอบเดิม จึงมาถึงขั้นตอนที่คิดว่าต้องทำอย่างไรดี"

ผบ.ทร.ระบุด้วยว่า ถ้าเรือดำน้ำมาถึงทางตันเราจะเสนอเรืออะไรดี ซึ่งตนได้ขอไปว่าขอให้เงินจำนวนนี้เป็นเงินของกองทัพเรือ ซื้ออาวุธให้กองทัพเรือ เรือที่น่าจะเหมาะสมคือเรือผิวน้ำ ขอย้ำว่าเรือผิวน้ำ อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรือฟริเกต หรือเรือ OPV หรืออะไรก็แล้วแต่ ตนจะขอรับผิดชอบคิดให้ การจะซื้อเรือลำหนึ่งมีปัจจัยเป็นองค์ประกอบมากมาย เพราะยังต้องเจรจาอีกหลายขั้นตอน

 “ขณะนี้กระทรวงกลาโหมได้ทำหนังสือถึงกรมพระธรรมนูญ โดยสอบถามไปว่าการจะแก้ไขสัญญาใครเป็นผู้อนุมัติ ครม.หรือสภา รวมถึงขั้นตอนต่างๆ เป็นอย่างไร ในขณะเดียวกันกองทัพเรือได้ทำหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุด สอบถามใน 3 ประเด็น คือ 1.การปรับแก้เครื่องยนต์เป็นสาระสำคัญหรือไม่ 2.การจะเปลี่ยนเรือดำน้ำมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ไม่ใช่อยู่เฉยๆ จะมาบอกว่าเปลี่ยนได้ 3.อนุมัติให้แก้ไขเครื่องยนต์ อำนาจอยู่ที่ใคร”

ผบ.ทร.ยังย้ำว่า อยากให้รอคำตอบจากอัยการสูงสุด (อสส.) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 วันหลังจากส่งหนังสือไป จากนั้นกระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือจะพิจารณาว่าจะเดินหน้าอย่างไร ขอให้ใจเย็น และยืนยันว่ากองทัพเรือจะใช้งบประมาณให้คุ้มค่า ตอบโจทย์ภาระหน้าที่การรับผิดชอบอธิปไตยให้แก่คนไทยอย่างดีที่สุด ส่วนสัญญาจะสิ้นสุด 30  ธ.ค. 66 ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอะไร ทุกอย่างยังเดินหน้าต่อไปได้ ก็คิดค่าปรับตามระเบียบพัสดุ แต่เมื่อมีเหตุผลรองรับการทำเรื่องขอลดหย่อนค่าปรับ สามารถอธิบายกันได้ตามเหตุผลและความจำเป็น

 “ยืนยันว่ากองทัพเรือจะทำตามระเบียบทุกขั้นตอน โดย 15 วันก่อนหมดสัญญา กองทัพเรือจะทำหนังสือแจ้งเตือน ยอมรับเป็นเรื่องยาก หากง่ายคงเสร็จไปแล้ว แต่จะต้องจบในยุคของผม เพราะจะสิ้นสุดสัญญาแล้ว ต้องทำอะไรให้ชัดเจน” ผบ.ทร.ระบุ

เมื่อถามว่า ทางจีนไม่รับการตอบสนองหากเปลี่ยนเป็นเรือผิวน้ำ ผบ.ทร.กล่าวว่า คงเป็นเหมือนทั่วไปเพราะเขาต่อมาครึ่งลำแล้ว การจะไปขอยกเลิกหรือเปลี่ยนอะไรไม่ใช่เรื่องง่าย และการจะเปลี่ยนเป็นเรือผิวน้ำก็เป็นอีกบริษัทหนึ่ง ถ้าเป็นบริษัทเดียวกันก็ยังพอเข้าใจกันได้ ขอให้รอเวลา

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับรัฐบาลและ รมว.กลาโหม ถึงความต้องการเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำ เราสู้ตรงนี้ได้หรือไม่ ผบ.ทร.กล่าวว่า การสู้ตรงนี้ก็คือการที่พลเรือเอกเชิงชายได้ทำหนังสืออธิบายว่า กองทัพเรือเดินหน้า แต่ผู้บริหารระดับบนมีในเรื่องของกฎหมาย ทางกองทัพเรือก็เข้าใจน้อมรับการตัดสินใจของรัฐบาลและกลาโหม

เมื่อถามว่า ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของการจะมีหรือไม่มีเรือดำน้ำในยุค ผบ.ทร.คนปัจจุบัน พล.ร.อ.อะดุงยอมรับว่า ใช่ ประวัติศาสตร์ไม่สำคัญ ขอให้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อและมีการตัดสินใจที่ถูกต้อง อีกทั้งได้อธิบายกับผู้บังคับบัญชาว่า เครื่องยนต์จีนพัฒนามาจากเครื่องยนต์เยอรมันที่ผลิตในจีน  ซึ่งมีไลเซนส์หรือใบอนุญาตอยู่ เพียงแต่ไม่ใช่ชื่อเครื่องยนต์  MTU เท่านั้นเอง โดยตามกฎหมายเข้าใจกันได้ แต่ตามลายลักษณ์อักษรมันไม่ง่าย

 “ผมเข้าใจคนที่จะเซ็นอนุมัติ เพราะความเป็นห่วง เราจะพยายามทำทุกอย่างให้มันผ่านไปด้วยดี คนเซ็นก็ไม่มีความกังวล ยอมรับว่าผมก็ใจร้อนเช่นกัน และขอให้อานุภาพกรมหลวงเสด็จเตี่ยช่วยดลบันดาลให้เรือลำนี้จบลงด้วยดี" ผบ.ทร.ระบุ

พล.ร.อ.อะดุงยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการกู้เรือหลวงสุโขทัยที่อับปางเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.65 ว่า เป็นขั้นตอนที่ยากมาก เพราะเรือจมที่ความลึก 50 เมตร ซึ่งการจะนำเรือรบที่จมในความลึกระดับ 50 เมตรขึ้นมาทั้งลำ และต้องอยู่ในสภาพที่สมบรูณ์ที่สุดไม่ใช่เรื่องง่าย กองทัพเรือต้องการนำเรือขึ้นมาในสภาพสมบูรณ์ที่สุด เพราะเป็นวัตถุพยานเพื่อนำมาปิดคดี ดังนั้นบริษัทต่างๆ ที่เข้าประมูลต้องมีใบอนุญาตต่างๆ มากมาย ซึ่งขณะนี้น่าจะได้คำตอบที่ดี

ผบ.ทร.กล่าวอีกว่า หากเป็นไปตามไทม์ไลน์คาดว่าจะเสนอให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอนุมัติจัดจ้าง บริษัทที่จะทำการกู้เรือในช่วงเดือนธันวาคมนี้ และจะได้เริ่มกระบวนการกู้เรือต่อไป หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงก็ขอให้เรือหลวงสุโขทัยขึ้นมาในช่วงต้นปีหน้า ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. 67 ทั้งนี้หลังจากนำเรือขึ้นมาแล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อนั้น กองทัพเรือจะพิจารณาในขั้นตอนต่อไป

เมื่อถามว่า มีความคืบหน้าขั้นตอนการประมูลของบริษัทที่จะมาดำเนินการกู้เรืออย่างไร ผบ.ทร.กล่าวว่า ใกล้เสร็จสิ้นแล้วเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้าย ถามว่าการสอบสวนคดีนี้จะสิ้นสุดในยุคที่ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารเรืออยู่หรือไม่

 “ขอยืนยันว่าจะต้องจบในยุคนี้ เพราะเสนาธิการทหารเรือคนก่อนทำสำนวนไว้แล้ว ว่าเรือหลวงสุโขทัยประสบอุบัติเหตุในจุดใดบ้างของเรือ เมื่อนำเรือขึ้นมาแล้วจะตอบโจทย์ตามข้อสันนิษฐานในสำนวนคดี ถ้าใช่ตรงตามนั้นก็เป็นอันว่าจบ และจะทราบว่าเรือจมเพราะอะไร” ผบ.ทร.ระบุ

เมื่อถามว่า สภาพของเรือหลวงสุโขทัยล่าสุดอยู่ในลักษณะใด ผู้บัญชาการทหารเรือกล่าวว่า เหมือนเป็นอภินิหาร เรือหลวงสุโขทัยยังคงตั้งตรง เหมือนลอยอยู่บนผิวน้ำ หัวเรือหันหน้าไปทางศาลกรมหลวงชุมพรฯ ที่จังหวัดชุมพร ตั้งแต่วันที่จมจนถึงปัจจุบันก็ยังอยู่ในสภาพนั้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง