'อนุทิน'ขับเคลื่้อนปลูกสำนึกภูมิใจความเป็นไทย จับ4กระทรวงบูรณาการคัดข้าราชการ..ไม่ชังชาติ

เป็นที่ประจักษ์ว่า หัวใจของการสร้างชาติ คือ การสร้างคน ..เพราะไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลไปเพียงใด โลกจะเปลี่ยนผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย สิ่งที่สำคัญและไม่เคยหายไปกับกาลเวลา คือ "มนุษย์" เป็นผู้มีบทบาทในการขับเคลื่อนทุกภาคส่วน และการที่มนุษย์จะสามารถหรือมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงโลกหรือสังคมได้นั้น ก็ต้องมี "การศึกษา" เป็นเครื่องมือสำคัญ

จึงกล่าวได้ว่า การศึกษา เป็นอาวุธหรือเครื่องมือในการทำให้คนมีความเจริญงอกงาม ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาดี การศึกษาเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ในการพัฒนาสังคมและคนให้มีคุณภาพ มีคุณธรรม ให้คนมีความรู้ในการดำรงชีวิต สามารถประกอบอาชีพ และมีความอดทนในการต่อสู้กับอุปสรรคของชีวิต การศึกษาจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนทุกวัย และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก็เป็นการนำศักยภาพของแต่ละบุคคลมาใช้ ในการปฏิบัติงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสร้างให้แต่ละบุคคลเกิดทัศนคติที่ดีต่อองค์กร ตลอดจนเกิดความตระหนักในคุณค่าของตนเอง

จากแนวคิดดังกล่าวนี้เอง เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา เราจึงเห็นภาพของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำทัพผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  ตลอดจนสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เข้าร่วมประชุมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ  ในหัวข้อ “การสร้างทรัพยากรมนุษย์ของชาติ เป็นคนที่มีจิตสำนึกรักชาติ ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติไทย และยึดมั่นสถาบันสำคัญของชาติ” พร้อมกับทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง “แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทย สร้างจิตสำนึกความเป็นไทย”

"วันนี้เป็นวันแรกที่ 4 กระทรวงภายใต้การกำกับดูแลของผมในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ได้มาพร้อมหน้าพร้อมตากัน อยากให้มีเป้าหมายและภารกิจในแนวทางเดียวกันคือ 'การพัฒนาคน พัฒนาชาติ' โดยเฉพาะทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุดคือทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งมีความจำเป็นต้องบูรณาการกำกับดูแลร่วมกันเป็นแบบ cluster ถึงแม้ในการดำเนินการจะเริ่มจากการเมือง แต่เมื่อได้กำกับดูแลเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของประชาชน การศึกษา และความมั่นคงของประชาชน จึงมีความมุ่งหวังให้ทั้ง 4 กระทรวงดำเนินนโยบายสอดประสานและส่งเสริมซึ่งกันและกัน

เริ่มจากกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีหน้าที่ในการพัฒนาประชากรตั้งแต่วัยแรกเริ่ม ปลูกฝังค่านิยมที่ดี และสร้างวิวัฒนาการที่ทันสมัย ส่งไปยังกระทรวงการอุดมศึกษา  วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ถือเป็นมันสมองของประเทศ เน้นพัฒนาองค์ความรู้ ส่งเสริมศักยภาพของคน  ศักยภาพทางการศึกษา เทคโนโลยีและนวัตกรรมในระดับอุดมศึกษา จากนั้นส่งไม้ต่อให้กระทรวงแรงงานรับหน้าที่สร้างโอกาสการทำงาน โดยมีสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ช่วยออกใบประกอบคุณวุฒิวิชาชีพ ให้การรับรองความสามารถเฉพาะทาง เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานของประชาชนตามความสามารถ

ส่วนกระทรวงมหาดไทย มีภารกิจต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนและประเทศชาติ ตามแนวทาง 'ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที' เพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพครบวงจร โดยเน้นย้ำในการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการ เพื่อที่จะได้ข้าราชการที่เป็นแบบอย่างที่ดี มาสืบทอดจิตสำนึกในการรักชาติ ปฏิบัติหน้าที่โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม"

"ผมขอมอบนโยบายใหม่ ที่อยากขอให้กระทรวงแรงงานและสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ที่ต้องเกิดขึ้นให้ได้ เพราะบางคนอาจจะไม่โชคดีในการได้รับการศึกษา ได้รับปริญญา แต่ถ้าเขามีความสามารถเชี่ยวชาญในทักษะส่วนตัว มีพรสวรรค์ที่เขาสามารถสร้างอาชีพได้ เราอยากให้ทางสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และกระทรวงแรงงาน หรือแม้แต่กระทรวงศึกษาธิการ และ อว.ให้การรับรองความสามารถเฉพาะทางของพวกเขา แทนใบปริญญาบัตร ซึ่งเขาสามารถนำการรับรองนี้ไปสมัครงานประกอบอาชีพที่สุจริตได้"

โดยภาพใหญ่เรามีกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชนและชุมชนเข้มแข็ง แข่งขันได้เต็มศักยภาพ ด้วยการทำงานที่ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที ทั้งหมดนี้เป็นภารกิจการพัฒนาคน พัฒนาชาติร่วมกัน

"วันนี้จะเป็นการตอกย้ำร่วมกันว่า ความมีคุณภาพของคน ไม่ใช่เพียงความรู้ความสามารถ มีรายได้เท่านั้น แต่จะต้องมีคุณภาพครบวงจรคือ สุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี มีจริยธรรม มีจิตสำนึกรักชาติ ภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ" รองนายกฯ อนุทินกล่าวพร้อมอรรถาธิบายว่า

"เป้าหมายคือ การสร้างคนที่มีคุณภาพและเป็นคนดีของสังคม เหตุที่ทั้ง 4 กระทรวงลงนามข้อตกลงร่วมกัน เพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคมและประชาชน ผมในฐานะที่กำกับดูแลได้มอบนโยบายว่า ในการพิจารณาคนเข้ารับราชการ ขอให้ทั้ง 4 กระทรวงเพิ่มหลักเกณฑ์การสัมภาษณ์ โดยพิจารณาเรื่องจิตสำนึกเรื่องการรักชาติ รักประเทศ รักประชาชน มีจริยธรรม และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเชื่อว่าหากขาดสิ่งเหล่านี้ ข้าราชการของประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่คนในสังคมไม่ได้”

สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เจ้ากระทรวงตอบรับทันที โดยตอกย้ำว่าการประชุมครั้งนี้ เป็นเวทีที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางปฏิบัติร่วมกัน ในการปลูกฝังคุณธรรม  จริยธรรม เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในประวัติศาสตร์ชาติไทย เข้าใจความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ สามารถดำรงตนเป็นพลเมืองที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม อีกทั้งการร่วมมือกันระหว่าง 4 กระทรวง จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของรัฐบาล เพื่อร่วมกันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีคุณภาพ มีทักษะความพร้อม สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะภาคราชการ ซึ่งผู้ที่จะเข้ารับราชการนอกจากจะต้องมีความรู้ความสามารถในสาขาต่างๆ แล้ว ต้องมีทัศนคติที่ดีในการดำรงตนเป็นข้าราชการที่ดี ภาคภูมิใจและเข้าใจในความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ

ความเคลื่อนไหวใน 4 กระทรวงหลัก ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคภูมิใจดังกล่าว จึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง เพราะการมีคุณภาพของคน ไม่ใช่เพียงความรู้ความสามารถ มีรายได้เท่านั้น แต่จะต้องมีคุณภาพครบวงจรคือ สุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี มีจริยธรรม มีจิตสำนึกรักชาติ ภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ สำคัญเหนืออื่นใด การพัฒนาคนไทยให้เป็นพลเมืองดี มีคุณลักษณะทักษะและสมรรถนะนั้น ถือเป็นพันธกิจสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ เพื่อพัฒนาคนพัฒนาชาติ  ลดความเหลื่อมล้ำ นำประเทศไทยก้าวข้ามกับดักอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง