คนกรุงอยากเลือกผู้ว่าฯ ชัชชาติดึงพิจิตตร่วมทีม

โพล 2 สำนักระบุตรงกัน คนกรุงต้องการให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โดยเร็ว “สุชัชวีร์-ชัชชาติ” เบียดกันสูสีตัวเต็งว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. แต่ส่วนใหญ่ยังไม่มีใครในใจ ขณะที่ "ชัชชาติ" เปิดตัว "ดร.โจ" ร่วมทีม ปัดหวังดึงฐานเสียง ปชป. เร่งรัฐบาลจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก.พร้อมกัน ย้ำไม่ขัดแย้งเพื่อไทยหลังแยกตัวลงอิสระ

เมื่อวันอาทิตย์ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ที่มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จำนวนทั้งสิ้น 1,135 คน (สำรวจด้วยการเก็บข้อมูลภาคสนามและออนไลน์) ระหว่างวันที่ 13-16 ธันวาคม 2564 พบว่า คนกรุงเทพฯ คิดว่าถึงเวลาเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯ กทม.” แล้วร้อยละ 90.57 โดยการเลือกตั้งครั้งนี้น่าสนใจเพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง มีความสำคัญ ร้อยละ 54.55 เรื่องที่ควรพัฒนาอย่างเร่งด่วนคือการจราจร ระบบขนส่งสาธารณะ ร้อยละ 85.14 “ผู้ว่าฯ กทม.” ควรมีคุณสมบัติทำงานเร็ว แก้ปัญหาไว พร้อมที่จะทำงาน ร้อยละ 85.40 จะเลือกผู้ว่าฯ กทม.ที่สังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ก็ได้ ร้อยละ 65.72 ถ้าพรรคการเมืองส่งผู้สมัครก็จะเลือกผู้สมัครอิสระมากที่สุด ร้อยละ 38.65 รองลงมาคือ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 20.52, ก้าวไกล ร้อยละ 16.06, เพื่อไทย ร้อยละ 13.58

และว่าที่ผู้สมัครที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร้อยละ 56.72 รองลงมาคือ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ร้อยละ29.60, พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ร้อยละ10.62, น.ส.รสนา โตสิตระกูล ร้อยละ2.26

จากผลโพลครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าผู้สมัครอิสระครองใจคนกรุงเทพฯ ถึงแม้จะมีพรรคหรือไม่มีพรรคสังกัดก็ไม่มีผล เมื่อพิจารณาข้อมูลเชิงลึกยังพบว่า กลุ่มผู้ตอบอายุ 40 ปีขึ้นไป ชื่นชอบผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนกลุ่มอายุไม่เกิน 30 ปี ชื่นชอบผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล

ทางด้าน ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่องโพลเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. รอบ 1 (ชีวิตที่สัมผัสได้จริง) กรณีศึกษา 2 กลุ่มประชากรเป้าหมายผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และกลุ่มเครือข่ายผู้นำชุมชนคน กทม. ด้วยการสำรวจตัวอย่างประชาชนจากทั้ง 50 เขตของ กทม. จำนวน 29,595 ตัวอย่าง และสุ่มตัวอย่างเครือข่ายแกนนำชุมชนจาก 2,016 ชุมชน 498 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10-18 ธ.ค.2564 พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.5 ต้องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โดยเร็ว ในขณะที่ร้อยละ 10.5 ยังไม่ต้องการ

ที่น่าพิจารณาคือ ช่องว่างระหว่าง ความต้องการกับสิ่งที่เห็นจริงของ กทม. ในมิติต่างๆ ได้แก่ กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางนานาชาติด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ 78.8 แต่ที่เห็นจริงร้อยละ 33.3, เป็นเมืองแห่งสุขภาวะ สะอาด ร้อยละ 83.4 แต่ที่เห็นจริงร้อยละ 30.0, เป็นศูนย์กลางเรียนรู้การศึกษาของบุตรหลาน ที่ใช้ประโยชน์ต่อชุมชนที่พักอาศัยได้จริง ร้อยละ 82.0 แต่ที่เห็นจริง ร้อยละ 37.8, มีระบบการจราจร สะดวกสบาย ไม่ติดขัด ร้อยละ 81.7 แต่ที่เห็นจริง ร้อยละ 17.7 ในขณะที่ เป็นเมืองแห่งความปลอดภัย ร้อยละ 82.0 แต่ที่เห็นจริง ร้อยละ 24.6

ที่น่าสนใจคือ ภาพลักษณ์ด้านความเป็นนักบริหารรุ่นใหม่ เก่ง ทันสมัย นึกถึงใครอันดับแรก ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 31.7 ของแกนนำชุมชน กับร้อยละ 53.2 ของคน กทม. ระบุยังนึกไม่ออก ยังไม่มีใครในใจ อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มแกนนำชุมชน นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ได้ร้อยละ 27.1, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ร้อยละ 24.9 และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ได้ร้อยละ 10.6 และกลุ่มอื่นๆ เช่น น.ส.รสนา โตสิตระกูล และนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร เป็นต้น ได้ร้อยละ 5.7

ในกลุ่มตัวอย่างประชาชนคน กทม. เกินครึ่ง หรือร้อยละ 53.2 ยังนึกไม่ออก ยังไม่มีใครในใจ เมื่อพูดถึงภาพลักษณ์ด้านความเป็นนักบริหารรุ่นใหม่ ทันสมัย อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 21.2 ระบุเป็นนายสุชัชวีร์, ร้อยละ 18.7 ระบุนายชัชชาติ และร้อยละ 3.7 ของประชาชนคน กทม.ทั่วไป ระบุ พล.ต.อ.อัศวิน

ที่น่าสนใจคือภาพลักษณ์ด้านการเข้าถึงชุมชน พบว่า อันดับหนึ่งคือ ทั้งกลุ่มเครือข่ายแกนนำชุมชนร้อยละ 32.5 และประชาชนคน กทม.ทั่วไปร้อยละ 47.2 ยังนึกไม่ออก ยังไม่มีใครในใจ อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 28.7 ของกลุ่มแกนนำชุมชนระบุเป็นนายชัชชาติ, ร้อยละ 19.7 ระบุเป็น นายสุชัชชวีร์, ร้อยละ 13.3 ระบุ พล.ต.อ.อัศวิน และร้อยละ 5.8 ระบุอื่นๆ นอกจากนี้ ร้อยละ 38.6 ระบุเป็นนายชัชชาติ, ร้อยละ 10.0 ระบุเป็นนายสุชัชวีร์, ร้อยละ 2.6 ระบุ พล.ต.อ.อัศวิน และร้อยละ 1.6 ระบุอื่นๆ ตามลำดับ

เมื่อสอบถามถึงความตั้งใจจะเลือกใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. พบว่า ส่วนใหญ่ในกลุ่มประชาชนคน กทม.ทั่วไป หรือร้อยละ 43.8 และแกนนำชุมชนร้อยละ 29.7 ยังไม่มีใครในใจ ยังไม่รู้มีเลือกตั้งเมื่อไหร่เลย ยังไม่ตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม นายชัชชาติ ได้ร้อยละ 17.6 เพราะมีประสบการณ์ ติดดินลงพื้นที่ต่อเนื่อง ปฏิบัติงานจริง ไม่สร้างภาพ เข้าถึงชุมชน ประชาชนเข้าถึงได้ เป็นผู้สมัครอิสระไม่สังกัดพรรค เชื่อมั่นว่าทำงานกับทุกพรรคการเมืองได้ เป็นต้น, นายสุชัชวีร์ ได้ร้อยละ 14.2 เพราะเป็นคนรุ่นใหม่กับแนวคิดเปลี่ยนกรุงเทพฯ มีฐานสนับสนุนจากพรรค จะทำอะไรได้มากกว่าทำเพียงลำพังอิสระ และอยากลองคนใหม่ และ พล.ต.อ. อัศวิน ได้ร้อยละ 12.6 เพราะเป็นคนจริงจัง มีความกล้าหาญ ทำงานหนัก เป็นอดีตตำรวจ เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 11.8 ระบุอื่นๆ ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 28.1 ของเครือข่ายแกนนำชุมชน ระบุเป็นนายสุชัชวีร์ รองลงมาคือร้อยละ 22.5 ระบุเป็นนายชัชชาติ, ร้อยละ 9.2 ระบุเป็น พล.ต.อ.อัศวิน และร้อยละ 10.5 ระบุอื่นๆ ตามลำดับ

ที่บริเวณชุมชนรักษ์ทะเลเขตบางขุนเทียน นายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ ร่วมเดินสำรวจลงเรือคลองพิทยาลงกรณ์ พูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง และปัญหาขยะบริเวณชายทะเลเขตบางขุนเทียน โดยนายพิจิตตกล่าวว่า ยินดีที่ได้เข้ามาร่วมช่วยงานกับทีมของนายชัชชาติ ที่เป็นคนทำงานจริงจัง ทำให้กรุงเทพฯ ดีขึ้น โดยจะใช้ประสบการณ์จากความเป็นผู้ว่าฯ ในอดีต

ขณะที่นายชัชชาติได้ขอบคุณการสนับสนุนของนายพิจิตต ที่จะนำประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จมาสานต่อ และสิ่งที่ไม่สำเร็จมาเป็นบทเรียนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม และการต่อสู้กับภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่คุกคามชายฝั่งกรุงเทพมหานครในเขตบางขุนเทียน รวมถึงปริมณฑล ส่วนการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. รัฐบาลควรมีการจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด เพราะขนาดนี้ล่าช้ามากว่า 2 ปีแล้ว ควรจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ควรจัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไปพร้อมกับ ส.ก.ในคราวเดียวกัน เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณและจะทำให้ประชาชนตื่นตัว และจะทำให้ประชาชนตื่นตัวออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมากเนื่องจากเป็นการเลือกตั้ง 2 อย่าง

นายชัชชาติกล่าวอีกว่า การตัดสินใจลงเลือกตั้งในนามอิสระ เชื่อมั่นว่าจะทำงานได้ สามารถประสานการทำงานร่วมกับคนที่มีความรู้ความสามารถได้สะดวก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพรรคการเมือง ถ้าจะมีพรรคการเมืองใดมาสนับสนุนตนเองก็น่าจะเป็นเพราะนโยบายที่นำเสนอ

"ยืนยันว่าไม่ได้ขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทย เพราะอดีตก็เริ่มต้นมาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งทำให้รู้จักงานการเมือง และอดีตไม่มีทางก้าวผ่านได้ แต่อนาคตอยู่ที่เรากำหนดเอง" นายชัชชาติกล่าว

เมื่อถามถึงนายพิจิตตที่มาร่วมงานด้วย จะเป็นการดึงฐานเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ไม่อยากให้คิดเรื่องฐานเสียง แต่เห็นว่าเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ จึงอยากขอความรู้ สิ่งใดที่ทำมาแล้วดีก็สานต่อ แต่สิ่งใดไม่มีก็จะแก้ไขปรับปรุง ทั้งนี้ การที่มีการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ จำนวนมากถือเป็นเรื่องดี ทำให้ประชาชนมีตัวเลือกเยอะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง