แกนนำ 3 นิ้ว จำเลยคดี ม.112 บุกทำเนียบฯ เปลือยความคิด การตั้งคำถามประชามติในการร่างรัฐรัฐธรรมนูญ ไม่ควรมีข้อจำกัดหมวด 1 หมวด 2 เกรงการแก้ รธน.ไม่สามารถเดินหน้าได้ ส่วน "ภูมิธรรม" ยืนยันรัฐบาลไม่แตะหมวด 1 และ 2 แน่นอน กลัวขัดแย้งไม่จบสิ้น เผยชงแนวทางทำประชามติให้ ครม.หลังปีใหม่
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กล่าวภายหลังรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชน ว่า การรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่กรุงเทพมหานครเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในวันที่ 20 พ.ย. จะเดินทางไปรับฟังความเห็นในพื้นที่ภาคอีสาน วันที่ 23 พ.ย. จะรับฟังในพื้นที่ภาคตะวันออก ในวันที่ 28 พ.ย. จะเดินทางไปรับฟังในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และวันที่ 7 ธ.ค. จะเดินทางไปจ.สงขลา
โดยการรับฟังความคิดเห็นในวันนี้มีกลุ่มตัวแทนสลัมสี่ภาค กลุ่มพีมูฟ กลุ่มหลากหลายทางเพศ กลุ่มสมัชชาคนจน กลุ่มไอลอว์ เป็นต้น ซึ่งเราได้ยืนยันหลักการว่ารัฐบาลแน่วแน่ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และออกกฎหมายลูกให้เสร็จสิ้นภายใน 4 ปีตามอายุรัฐบาลและเลือกตั้งใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลไม่ได้เข้าร่วมถือเป็นสิทธิ แต่เราอยากให้การพิจารณาครบถ้วน แม้ไม่เข้าร่วม แต่เราก็มีกระบวนการเข้าไปหารือ และคณะอนุกรรมการฯ ได้ไปรับฟังความเห็นของพรรคก้าวไกลมาแล้ว และได้เจอนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะ กรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ และได้ทำแบบสอบถามของ สส.และ สว. โดยจะมีความชัดเจนเมื่อเปิดสภาเพื่อนำข้อเสนอกลับมาพิจารณาในคณะกรรมการฯ
นายภูมิธรรมกล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นวันนี้ เท่าที่ได้คุย ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่การแลกเปลี่ยนบรรยากาศเป็นไปด้วยดี ซึ่งคณะกรรมการฯ เปิดให้เสนอเต็มที่ ความเห็นหลักที่มีการเสนอคือแก้ทั้งฉบับไม่มีข้อจำกัด จำกัดหมวด 1 หมวด 2 ตนได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงและอธิบายเพื่อไม่ให้ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการเมือง และเรื่องนี้กระเทือนพระราชอำนาจ และไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ต้องนำมาพูด เพราะจะกลายเป็นประเด็นความขัดแย้งไม่จบสิ้น และทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นได้ยาก ถือเป็นประเด็นที่เห็นต่างกันอย่างชัดเจน
ซึ่งขณะนี้ต้องยืนยันหลักการของรัฐบาลที่เสนอต่อรัฐสภา คือไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 และไม่กระทบกับพระราชอำนาจ แต่ต้องไปดูว่ามีเงื่อนไขทางออกอย่างไร แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นตรงกันคือรัฐธรรมนูญปี 60 เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาการบริหารราชการแผ่นดิน และการรักษาสิทธิ์ของประชาชน
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า หลังได้รับฟังการรายงานจากประธานอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นประชาชน และคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีความคืบหน้าเป็นไปด้วยดี และคาดว่าภายในเดือน ธ.ค.กระบวนการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอเกี่ยวกับการศึกษาต่างๆ จะได้ข้อยุติ นอกจากนี้ในต้นเดือน ม.ค.ปี 67 จะเสนอเข้า ครม.พิจารณา
ส่วนการลงประชามติกี่ครั้งยังเป็นประเด็นอยู่ ซึ่งหลังจากเชิญ กกต.มาก็ ยังต้องคำนึงถึงข้อกฎหมาย และเราก็กังวลใจถ้าใช้ข้อกฎหมายที่ทำประชามติหลายครั้ง และการใช้เงินครั้งหนึ่งประมาณ 3-4 พันล้านบาท เราไม่อยากเสียหายตรงนี้ไปเยอะ ซึ่งเราจะต้องหารือเพื่อให้เซฟเงินของประชาชนให้ได้
ทั้งนี้ ภาคประชาชนที่นายภูมิธรรมกล่าวถึงหนึ่งในนั้นคือ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือน้องมายด์ นักศึกษาและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ต่อต้าน ม.112 และยังเป็นจำเลยในคดีม.112 โดยเธอเปิดเผยว่า มาเสนอความเห็นในฐานะคนที่ทำแคมเปญเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และหวังว่าจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นในการตั้งคำถามเกี่ยวกับการทำประชามติเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะคำถามประชามติถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการกำหนดทั้งกระบวนการ และอาจจะส่งผลถึงเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย และหากมีการล็อกมากเกินไป สุดท้ายกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่อาจจะไม่ได้สะท้อนเจตจำนงของประชาชนจริงๆ ก็ได้ เพราะฉะนั้นก็หวังว่าจะได้เกิดการพูดคุยกันว่าเจตจำนงของประชาชนเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า เข้ามาทำเนียบรัฐบาลครั้งแรกมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง น.ส.ภัสราวลีกล่าวว่า แตกต่างจากที่อยู่ข้างนอกอย่างสิ้นเชิง ปกติถูกกันอยู่แต่ข้างนอก วันนี้มีโอกาสได้เข้ามาในทำเนียบรัฐบาลก็ดี จริงๆ แล้วพื้นที่ส่วนราชการแบบนี้ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร หรือตัดสินใจทิศทางของประเทศย่อมเป็นสิ่งที่ดีมากเพราะสถานที่ราชการไม่ควรจะเข้ายากควรจะเข้าให้ง่ายกว่านี้แล้วหวังว่ากลุ่มอื่นๆ และทีมอื่นๆ จะได้เข้ามาพูดคุยเข้ามาเหมือนกับแบบที่ตนได้เข้ามา
น.ส.ภัสราวลีกล่าวว่า การตั้งคำถามประชามติในการร่างรัฐรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถ้าจะให้ดีต้องสามารถเขียนใหม่ทั้งฉบับ และสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด มันถึงจะตอบโจทย์ว่าคืนอำนาจกลับมาให้ประชาชนอย่างแท้จริง และให้ประชาชนเป็นผู้กำหนด จัดสรรอำนาจใหม่ แต่ถ้าไม่ได้ตามแนวทางที่ตนเสนอ เราก็ต้องมารับฟังว่าคณะกรรมการฯ มีความคิดเห็นอย่างไรจากที่ไปสำรวจความคิดเห็นของแต่ละภาคส่วนมาแล้ว และสุดท้ายคำถามประชามติ จะตอบเจตนารมณ์ของประชาชนหรือไม่ หรือเป็นการสร้างความขัดแย้งมากกว่าเดิมตาม
"จริงๆ แล้วหมวด 1 และหมวด 2 ไม่จำเป็นต้องใส่ไว้ในคำถามประชามติ เพราะการทำประชามติครั้งแรกที่เริ่มต้นว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพื่อที่จะเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมาถกเถียงกันเรื่องหมวด 1 หมวด 2 มานานแล้ว และยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะแก้หรือไม่แก้ ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวนี้ควรจะไปคุยในชั้น ส.ส.ร. หรือในเวทีรัฐสภาน่าจะดีกว่า เพราะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้การทำประชามติของการแก้ไขและรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถเดินไปได้ ดังนั้นในส่วนตัวควรหยุดพูดเรื่องนี้ก็ได้แล้ว" น.ส.ภัสราวลีกล่าว
นายวันชัย สอนศิริ สว. ฐานะประธานคณะทำงานติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เชื่อว่า การตั้งคำถามประชามติต้องมาจาก ครม. ซึ่งหารือร่วมกับ กกต. ต้องเป็นคำถามแบบง่าย และไม่จำเป็นต้องมีประเด็นหรือคำถามพ่วง เช่น เห็นด้วยหรือไม่ต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับโดย ส.ส.ร. ส่วนประเด็นย่อยที่เกิดขึ้นนั้น คือรูปแบบของการรับฟังความเห็นของอนุกรรมการรับฟังความเห็นเพื่อนำไปประกอบการศึกษาแนวทางการทำประชามติเท่านั้น
นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในฐานะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กล่าวว่า ตอนนี้ที่หนักใจคือเรื่องของการทำประชามติ เพราะมีกฎหมายประชามติเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องใช้เสียงข้างมากสองชั้น ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดเรื่องของการรณรงค์ให้มีการโนโหวต นั่นคือการให้อยู่บ้าน ไม่ออกมาใช้สิทธิ์ ทำให้เสียงประชามติไม่ถึงกึ่งหนึ่ง และตกม้าตายไปตั้งแต่ขั้นตอนแรกเลย มันมีโอกาสเป็นไปได้ แต่ถ้าเสียงขั้นตอนแรกเกินกึ่งหนึ่ง ขั้นตอนที่สองก็เกินกึ่งหนึ่งอีกกระบวนการทำประชามติก็จะได้รับความเห็นชอบต่อไป
ที่รัฐสภา วันเดียวกันนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการจัดกิจกรรมวันรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ว่า ทุกๆ ปีทางรัฐสภาจะจัดงานรำลึกวันรัฐธรรมนูญ โดยในปีนี้พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ยังไม่แล้วเสร็จที่จะไปติดตั้งบริเวณหน้ารัฐสภา ดังนั้น พระราชพิธีถวายบังคมและการวางพวงมาลาถวายสักการะของหน่วยงานราชการต่างๆ น่าจะยังไม่สะดวก จึงต้องจัดพิธีเป็นการภายในสมาชิกรัฐสภา พรรคการเมือง รวมถึงหน่วยงานในรัฐสภาเท่านั้น หากพระบรมรูปฯ ติดตั้งแล้วเสร็จ ก็น่าจะจัดงานได้อย่างยิ่งใหญ่ต่อไป
นอกจากนี้ รัฐสภา โดยรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง รับเป็นแม่งานในการจัดงานเสวนา โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ในด้านการร่างรัฐธรรมนูญมาเข้าร่วมบริเวณลานประชาชน รัฐสภา ตั้งแต่เวลา 13.30 น.เป็นต้นไป เพื่อเปิดให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการรับความรู้ความคิดเห็นต่างๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอ๊ะยังไง! 2 สัปดาห์ ชื่อ 'กิตติรัตน์' ประธานบอร์ด ธปท. ยังไม่ถึงมือขุนคลัง
'พิชัย' บอกยังไม่ได้รับรายงาน ผลการเลือก 'ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ' คาดติดช่วงวันหยุด ชี้ช่วยค่าเกี่ยวข้าวชาวนาไร่ละ 500 บาท ขอฟังความเห็นที่ประชุม นบข.
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้
นิกรหักเพื่อไทย เตือนส่อผิดกม. ให้กมธ.ตีความ
“นิกร” หักข้อเสนอ “ชูศักดิ์” เลยช่วงเวลาแปลงร่างประชามติเป็นกฎหมายการเงินแล้ว
‘สนธิ’ลั่นการเมืองใกล้สุกงอม!
“อุ๊งอิ๊ง” เมินปม กกต.สอบครอบงำต่อ เด็ก พท.ยันเป็นการดำเนินการตามปกติ
จ่อส่งคดีหมอบุญให้DSI
ตร.สอบปากคำอดีตภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” เพิ่มเติม
ทักษิณรอดคลุมปี๊บ! ส้มเหลวปักธงอุดรธานี ‘คนคอน’ตบหน้า‘ปชป.’
เลือกตั้ง อบจ. 3 จังหวัด “เพชรบุรี-อุดรธานี-นครศรีธรรมราช” ราบรื่น