ขึ้นราคานํ้าตาล2บาท ชาวนาเฮแจกไร่ละพัน

ชาวนายิ้ม ครม.อนุมัติช่วยไร่ละ 1 พัน ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน เช่นเดียวกับชาวไร่อ้อย ไฟเขียวปรับขึ้นราคา 2 บาท เหตุต้นทุนการผลิตสูง กกร.ออกประกาศใหม่ คุมราคาแค่หน้าโรงงาน น้ำตาลทราย กก.ละ 21-22 บาท ส่วนราคาขายปลีกไม่กำหนด ต่อไปส่งออกเกิน 1 พันกิโลไม่ต้องขออนุญาต บังคับใช้ตั้งแต่ 15 พ.ย

วันที่ 14 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือชาวนาค่าเก็บเกี่ยวข้าวว่า คณะกรรมการนโยบายข้าวได้ประชุมและให้ส่วนที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หลังคุยได้สรุปและนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.ในวันเดียวกัน โดยให้เงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท จำนวนทั้งหมดไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน ครั้งละไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรียบร้อยแล้วให้ดำเนินการนับตั้งแต่มีมติ ครม. และจะรอให้ ธ.ก.ส.เคลียร์รายละเอียดประชุมบอร์ดเสนออีกครั้ง อย่างเร็วอาจจะเป็นวันที่ 17 พ.ย. หรือวันที่ 20 พ.ย.นี้ แต่ภายในกรอบ 1 เดือนจะจัดการ ซึ่งเกษตรกรจะได้รับเงินตรงนี้ต่อเนื่องไป

นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงมาตรการดูแลน้ำตาลเพื่อช่วยเหลือประชาชนว่า ที่ประชุม ครม.ได้รับฟังผลจากการประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลที่ตนประชุมด้วย ที่มีการคุยกับเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งได้มีการประชุมหารือกันถึง 2 ครั้ง ได้ข้อสรุปว่าเราจะดำเนินการพิจารณาอย่างเหมาะสมตามความเป็นจริง โดยประเด็นแรกดูต้นทุนเกษตรกรชาวไร่อ้อย เห็นสมควรให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยปรับราคาขึ้น 2 บาทตามที่ต้นทุนมีอยู่ ซึ่งมติ ครม.ได้กำหนดเรียบร้อยแล้ว

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนกรณีอีก 2 บาท ที่ขอขึ้นใช้ในกองทุนดูแลสิ่งแวดล้อม ตรงนี้เรายังไม่ให้ปรับขึ้น โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องไปหารือกันว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะให้ผู้บริโภครับผิดชอบคนเดียว ต้องดูว่ามีความเกี่ยวพันกับใครอย่างไร และมีช่องทางในการดำเนินการจัดการอย่างไร ตรงนี้จึงเป็นประเด็นที่ยังไม่อนุมัติ และขอให้ดำเนินการตามนี้

ทางด้าน นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้เรียกประชุม กกร.เป็นการเร่งด่วน และมอบหมายให้นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีมติให้ยกเลิกประกาศ กกร.ฉบับเดิม ที่กำหนดราคาหน้าโรงงาน น้ำตาลทรายขาว กิโลกรัม (กก.) ละ 19 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ กก.ละ 20 บาท และราคาขายปลีก น้ำตาลทรายขาว กก.ละ 24 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ กก.ละ 25 บาท และจะออกประกาศ กกร.ฉบับใหม่ กำหนดราคาน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์แค่หน้าโรงงานเท่านั้น ที่ กก.ละ 21 บาท และ 22 บาท ส่วนราคาขายปลีกไม่ได้กำหนด แต่ผู้ค้าจะต้องขายในราคาที่สอดคล้องกับต้นทุน

"ยกตัวอย่างเช่น ห้างค้าปลีก ค้าส่ง ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ควรขายไม่เกิน กก. ละ 26-27 บาท ส่วนร้านโชห่วย ร้านค้าทั่วไป ร้านค้าในตลาดสด ราคาขายปลีกขึ้นอยู่กับช่วงของการรับซื้อ ถ้ารับมาหลายต่อ ราคาก็อาจจะสูงขึ้น หรือขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ไกลสำหรับการขนส่ง หากอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ราคาขายปลีกอาจสูงขึ้น" อธิบดีกรมการค้าภายในระบุ

ส่วนการส่งออก เดิมกำหนดให้การส่งออกตั้งแต่ 1,000 กก.ขึ้นไป จะต้องขออนุญาตจากกรมการค้าภายในก่อน ปรับเป็นไม่ต้องขออนุญาต แต่ให้แจ้งปริมาณส่งออกและปริมาณน้ำตาลคงเหลือในสต๊อก เพื่อให้สามารถติดตามดูแลปริมาณน้ำตาลในประเทศไม่ให้เกิดการขาดแคลน โดยจะประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีน้ำตาลเพียงพอในการใช้ในประเทศ ทั้งนี้ คาดว่าประกาศฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 15 พ.ย.2566 เป็นต้นไป

นายวัฒนศักย์กล่าวว่า ในที่ประชุม สอน.ได้ยืนยันว่าน้ำตาลทรายในประเทศไม่ขาดแคลนแน่นอน และสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากนี้ ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะส่งเจ้าหน้าที่ ทั้งจากกรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจสอบสถานการณ์การค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค และการกักตุน หรือปฏิเสธการขาย โดยหากพบผู้ค้ารายใดกักตุน หรือปฏิเสธการขาย หรือขายราคาสูงเกินสมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ สอน.เร่งหาแนวทางร่วมกับผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาล เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลน ป้องกันผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภค ขณะเดียวกันให้หาแนวทางเพื่อให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม

นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้เชิญโรงงานน้ำตาลทั้ง 57 โรง ประชุมหารือถึงสถานการณ์การจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในประเทศ และ สอน.ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ประจำโรงงานน้ำตาลทั้ง 57 โรงทั่วประเทศ รายงานปริมาณสต๊อกคงเหลือส่งให้ สอน.เป็นประจำทุกวัน 

“ต่อไปอาจจะมีมาตรการในการบริหารจัดการปริมาณน้ำตาลทรายสำรองสำหรับฤดูการผลิตปี 2566/67 เป็นการเฉพาะเพิ่มเติม โดยในฤดูปีการผลิตที่ผ่านมา ปริมาณน้ำตาลทรายที่บริโภคในประเทศมีจำนวน 26 ล้านกระสอบ (กระสอบละ 100 กก.) และในฤดูการผลิตปี 2566/67 สอน.คาดการณ์ตัวเลขปริมาณน้ำตาลทรายที่บริโภคในประเทศตั้งแต่เดือน ต.ค.2566-ก.ย.2567 จะมีประมาณ 25 ล้านกระสอบ (กระสอบละ 100 กก.) โดยคาดว่าจะมีผลผลิตน้ำตาลทรายที่ผลิตได้อยู่ที่ประมาณ 93.32 ล้านกระสอบ (กระสอบละ 100 กก.) จากประมาณการอ้อยเข้าหีบจำนวน 82 ล้านตัน ซึ่ง สอน.จะบริหารจัดการการจำหน่ายน้ำตาลภายในประเทศ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะมีปริมาณน้ำตาลทรายเพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ” นายวิฤทธิ์ระบุ

ที่สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อย เขต 7 อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขต 7 ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าในส่วนที่เป็นราคาอ้อยโดยตรงเราก็รับได้ แต่ในส่วนอีก 2 บาทที่อยู่ในส่วนของกองทุนสิ่งแวดล้อมนั้น จริงๆ มองเรื่องนี้ในระยะยาว ฉะนั้นรัฐบาลต้องเข้ามามองว่าจะทำอย่างไรให้มีเงินเข้ากองทุนเข้ามาเพื่อรักษาเสถียรภาพในเรื่องราคา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.จับตาศึก ‘อบจ.ราชบุรี’

ประธาน กกต.ยันจับตาเลือกตั้ง อบจ.ราชบุรีวันอาทิตย์นี้ เตือนอย่าทำอะไรผิดกฎหมาย “2 ผู้สมัคร” แห่หาเสียงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะเด็กค่าย ปชน.

ไปข้างหน้าเพื่อชาติ! อิ๊งค์วอนเสื้อแดงให้เข้าใจ ราชทัณฑ์ดิ้นโต้เสรีพิศุทธ์

"นายกฯ อิ๊งค์" เผย ครม.นิ่งแล้ว รอตรวจประวัติเสร็จทำงานได้ทันที แจงจับมือ "ประชาธิปัตย์" เพื่อเสถียรภาพรัฐบาล บอกเข้าใจหัวอกคนเสื้อแดง วอนก้าวไปข้างหน้าเพื่อชาติ

'ภูมิธรรม' จ่อบิน ตรวจบึงบอระเพ็ด แม่น้ำน่าน-เจ้าพระยา จ.สุโขทัย - ชัยนาท 31 ส.ค. นี้

'ภูมิธรรม' เตรียมบิน ตรวจบึงบอระเพ็ด แม่น้ำน่าน แม่น้ำเจ้าพระยา และเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมประชุมแนวทางการบริหารจัดการน้ำ จ.สุโขทัย - ชัยนาท 31 ส.ค. นี้