สตง.ร่วมคุ้ย‘ดิจิทัล’ ตั้งทีมพิเศษเกาะติด/วิษณุชี้ต้องลุ้นในสภา/พท.รุมถล่มไหม

"เศรษฐา-เพื่อไทย" หนาวแน่! สตง.ขยับตั้งทีมพิเศษจับตาแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต คู่ขนานกับ ป.ป.ช.เปิดอำนาจพิเศษมติ 2 ใน 3 เบรกนโยบายสร้างความเสียหายการคลัง “สว.เฉลิมชัย” ฟันธงร่าง กม.เข้า ครม.-สภาฯ พวกรมต.-ส.ส.รัฐบาลไม่ร่วมโหวต เพราะเสี่ยงคดีตามหลัง "วิษณุ" ชี้ช่องตีความขัด ม.6, 9 หรือไม่ "ภูมิธรรม" โต้ฝายค้านอย่าดิสเครดิตรัฐบาล ปูด "ศิริกัญญา" เคยขอ พท.ทำ "ดิจิทัลวอลเล็ต" สมัยจับมือเป็นพรรคร่วม "อดิศร" อ้างแค่หยิกแกมหยอก "เจ๊ไหม" ด้าน "ศิริกัญญา" มองเป็นเรื่องตลก ย้ำบริหารต้องตอบคำถามว่าทำถูกกม.หรือไม่ ปชป.อัดรัฐบาลกลืนน้ำลายตัวเอง เข้าทำนอง กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง หาทางลงออก พ.ร.บ.โยนบาป ส.ส.ที่ไม่เห็นด้วย

เมื่อวันอาทิตย์ ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีรัฐบาลจะออกพระราชบัญญัติเงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปแจกตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนส่งคณะกรรมการกฤษฎีตรวจสอบข้อกฎหมายซึ่งถูกมองว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญว่า ไม่รู้เรื่องนี้ และให้ความเห็นไม่ได้ เพราะเมื่อส่งมาที่คณะกรรมการกฤษฎีกาก็ต้องส่งไปคณะอื่น ไม่ใช่คณะของตน เข้าใจว่าเป็นคณะนายพนัส สิมะเสถียร กรรมการกฤษฎีกา  

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงินจะทำได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ได้น่ะมันทำได้อยู่แล้ว แต่ว่าจะผ่านสภาหรือไม่ หรือว่าอาจมีคนส่งศาลรัฐธรรมนูญตอนหลังก็ทำได้ เหมือนการออกกฎหมายทั่วไป”

เมื่อถามว่า จะเป็นการผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า รัฐบาลเขาคงถือว่าเขาดูดีแล้วว่าไม่ขัด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังมาตรา 6 และ มาตรา 9 แต่อีกฝ่ายก็บอกว่าขัด เพราะมันมีประโยคที่ต้องแปลกัน ที่ระบุว่าต้องไม่ไปใช้ประโยชน์ในการหาเสียง หาคะแนนนิยม 

ด้านนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หนึ่งในคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธาน เปิดเผยว่า ในการประชุมของคณะกรรมาธิการเมื่อเร็วๆ นี้ มีการเชิญตัวแทนจากสามองค์กรอิสระคือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาร่วมประชุมกับ กมธ.ที่มีการพิจารณาเรื่อง การดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต โดยทางตัวแทนจาก สตง.ได้ชี้แจงกับคณะกรรมาธิการว่า ขณะนี้ทางผู้ว่าฯ สตง.ได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อมาศึกษาเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลจะดำเนินการ

ทั้งนี้ สตง.มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 245 ที่บัญญัติว่า "เพื่อประโยชน์ในการระงับหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐ ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเสนอผลการตรวจสอบการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง ต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อพิจารณา”  ทำให้ตอนนี้ นอกจากสำนักงาน ป.ป.ช.ที่ตั้งคณะทำงานขึ้นมาติดตามเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว สตง.มีการตั้งเช่นกัน

 “ก็เตรียมลับมีดกันหมดแล้ว แต่ของสตง.เขาก็ต้องรอก่อนว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร เพราะอย่างตอนหาเสียงเขาบอกว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะใช้งบประมาณจาก พ.ร.บ.งบฯ ปี 2567 บอกว่า จะมาจากแหล่งต่างๆ เช่น ภาษีเก็บได้เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศจากสำนักงบประมาณ 260,000 ล้านบาท จะไปรีดไขมันจากงบส่วนเกินต่างๆ  อีก 100,000 ล้านบาท ยกเลิกงบซ้ำซ้อน ประมาณ 90,000 ล้านบาท แต่ถึงตอนนี้ที่หาเสียงไว้ลืมหมดแล้ว นายกฯ เคยยืนยัน บอกจะไม่กู้ แต่ตอนนี้เศรษฐาลืมหมดแล้ว” นายเฉลิมชัยกล่าว

มีรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าฯ สตง. ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อหน้าที่ศึกษาความเสี่ยงและผลกระทบจากการดำเนินนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยคณะทำงานชุดดังกล่าวของ สตง.ได้มีการศึกษากรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ และจัดเตรียมความพร้อมของข้อมูล แต่ยังไม่ได้มีการเข้าไปทำอะไรได้ เพราะต้องรอให้รัฐบาลประกาศความชัดเจนในการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตออกมาก่อน โดยเฉพาะความชัดเจนเรื่องแหล่งที่มาของเงินและกระบวนการทำนโยบาย  แต่ที่ผ่านมา คณะทำงานชุดดังกล่าวได้มีการติดตามข้อมูลโครงการดังกล่าวของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการประสานที่ปรึกษาจากภายนอกซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์เพื่อขอให้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตด้วย

มติ 2 ใน 3 ยับยั้งโครงการ

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาและรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยมี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. เป็นประธานกรรมการ และขณะนี้ สตง.ที่เป็นองค์กรอิสระอีกหน่วยงานหนึ่ง ก็มีการขยับเข้ามาติดตามตรวจสอบนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จึงทำให้ตอนนี้สององค์กรอิสระคือ ป.ป.ช.และ สตง.ได้เข้ามาติดตามมอนิเตอร์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลแล้ว

ที่น่าสนใจก็คือ ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน  พ.ศ.2561 บัญญัติไว้ในมาตรา 8 ว่า เพื่อประโยชน์ในการระงับหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐ ให้ผู้ว่าการ สตง.เสนอผลการตรวจสอบการกระทําที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง ต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เพื่อพิจารณา หากคณะกรรมการฯ เห็นพ้องด้วยกับผลการตรวจสอบ ให้คณะกรรมการฯ จัดให้มีการประชุมร่วมกับ กกต.และคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อปรึกษาหารือร่วมกัน ในกรณีที่ประชุมร่วมมีมติเห็นพ้องกับผลการตรวจสอบดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนกรรมการที่ลงคะแนน ให้ประธานคตง., ประธาน กกต.และประธาน ป.ป.ช. ร่วมกันลงนามในหนังสือแจ้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทราบโดยไม่ชักช้า และให้เปิดเผยผลการตรวจสอบดังกล่าวต่อประชาชนเพื่อทราบด้วย

นายเฉลิมชัยกล่าวด้วยว่า การที่นายกฯ บอกว่าจะส่งร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาก่อนเสนอไปสภา ทางกฤษฎีกาก็ต้องพิจารณาว่าการออกกฎหมายดังกล่าวเข้าข่ายเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ หากบอกว่าออกกฎหมายได้ ถ้ามีการส่งไปให้ ครม.เห็นชอบ แล้วส่งไปยังสภาก็น่าจะมีคนไปร้องต่อองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อให้ส่งคำร้องไปศาลรัฐธรรมนูญ หรือมีการเข้าชื่อกันของ ส.ส.ฝ่ายค้านหรือแม้แต่ สว. ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการออก พ.ร.บ. ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากไม่ผ่าน พรรคเพื่อไทยก็จะบอกว่าทำแล้ว แต่มีคนไปร้อง ทำให้ทำต่อไม่ได้ เขาจะได้หาทางลงได้ ไม่เสียฐานเสียง แล้วก็ยกเลิกไป ก็ไปเข้าทางเขา เพราะหากไม่ทำก็จะเสียคะแนน

นายเฉลิมชัยกล่าวว่า จริงๆ อยากให้ทำดิจิทัลวอลเล็ต กู้เงินมาแล้วแจก แล้วดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเรื่องนี้มีกฎหมายเกี่ยวข้องหลายฉบับ มีหลุมระเบิดรอหลายหลุม เอาแค่ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มาตรา 9 ต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ถามว่าที่จะทำมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองหรือไม่ ที่ก็ไม่ต้องพูด เพราะมันก็ชัด แต่ถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมามันก็เข้ามาตรานี้เลย

 "หากเป็นผมก็คงเข้าห้องน้ำตอนจะโหวต แล้วปล่อยให้เพื่อไทยทำไป เพราะเป็นนโยบายของพรรคเขา ก็อาจมี ส.ส.รัฐบาลป่วยกัน เพราะคงไม่อยากเสี่ยง หรือตอนเอาร่างเข้า ครม.ก็อาจมีรัฐมนตรีไม่เข้าประชุม อ้างว่าป่วย เพราะหากรัฐมนตรีงดออกเสียง ก็อาจไม่เหมาะ" นายเฉลิมชัยกล่าวถึงกรณีหากมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเพื่อกู้เงิน รัฐมนตรีและ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลมีท่าทีอย่างไร ตอนเอาร่างเข้าที่ประชุม ครม.และเอาเข้าสภา

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า การวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ หากเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชน รัฐบาลยินดีรับฟังอยู่แล้ว เราไม่ได้ดื้อดึงอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน ซึ่งโครงการนี้มีการปรับเปลี่ยนก็เพราะหลายส่วนวิพากษ์วิจารณ์เข้ามา แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลรับฟังทุกฝ่าย หากฝ่ายค้านจะเสนอแนะวิธีการในโครงการนี้ก็สามารถทำได้ แต่หากจะวิจารณ์แค่ว่าเราผิดหรือแค่หาทางลงนั้น ตนไม่อยากให้คิดแค่เพียงนำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตรัฐบาล

ปูด 'ศิริกัญญา' เคยหนุนโครงการ

"รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ตั้งใจทำตามสัญญา ซึ่งหัวใจของโครงการนี้ไม่ใช่เพื่อการแจกเงิน แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีปัญหามาอย่างยาวนาน โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย เราพยายามเดินหน้าโครงการด้วยความรอบคอบ เราได้มอบหมายคณะกรรมการกฤษฎีกาประสานงานกับแบงก์ชาติ ว่าจะใช้วิธีการใด จะต้องกู้หรือไม่ ทุกอย่างจะดำเนินการให้ถูกกฎหมายและทุกฝ่ายเห็นชอบ"

ส่วนที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ารัฐบาลกำลังกลืนน้ำลายเพราะจะกู้เงินมาทำโครงการ แล้วจะกลายเป็นจุดล้มละลายทางความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเองนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยืนยันว่าเป้าหมายของโครงการนี้คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ประชาชนเป็นกำลังซื้อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หากรัฐบาลทำถูกต้อง ท่านก็ไม่ควรต้องติดใจ ส่วนที่คุณศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ  พรรคก้าวไกล วิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลกำลังหาทางลงให้กับโครงการนี้ สมัยตอนที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล จับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล คุณศิริกัญญาเองก็ขอให้เราทำโครงการนี้ เพียงแต่ขอให้ปรับลดเพดานเงินลง

"แสดงให้เห็นว่าคุณศิริกัญญาก็เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว ผมจึงไม่อยากให้นำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตกัน ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไร ประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์ ผมถามว่าพวกคุณเห็นด้วยหรือไม่ว่าประเทศไทยขณะนี้ต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ" นายภูมิธรรมกล่าว

นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คิดว่าไม่ว่าจะทำนโยบายอะไรก็ต้องมีการคัดค้าน การที่มีคนคัดค้านเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะคนเห็นไม่ตรงกัน เพียงแค่เราต้องชั่งตวงว่าเขาเป็นห่วงเรื่องอะไร แล้วเราดูเรื่องนั้นแล้วหรือไม่ หากเราดูเรื่องนั้นแล้ว ผลสรุปเรากับเขาอาจจะมองไม่เหมือนกัน เช่น บางคนอาจจะคิดว่าทำเช่นนี้แล้วไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เยอะ หรือทำเช่นนี้แล้วจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เยอะ เมื่อเรารับฟังแล้วว่า แต่ละคนมีความเป็นห่วงเรื่องอะไรบ้าง สุดท้ายช่องทางที่นายเศรษฐา ทวีสิน แถลงไป จะเป็นช่องทางที่ทำออกมาให้สำเร็จได้

"เดิมทีเรื่องแหล่งที่มาของเงินเราดูไว้หลายที่ แต่ด้วยปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณฯ ปี 2567 ที่เลื่อนไปช้ากว่าปกติ กว่าจะออกก็เป็นช่วงเดือนเม.ย. หรือเดือน พ.ค.เลย ทำให้ช่องทางที่เรามองไว้ตอนแรกที่ทำนโยบายถูกตัดให้เหลือน้อยลง หากจะรอให้มีงบประมาณออกมาแล้วทำ ก็จะยิ่งช้าไป ในสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ แล้วรอให้ถึงตอนนั้น ผลของการกระตุ้นจะยิ่งน้อยลง แล้วจะมีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจอื่นๆ"

เมื่อถามว่า มีความมั่นใจหรือไม่ว่าถ้าออกเป็นร่าง พ.ร.บ.เงินกู้แล้วจะสามารถได้รับเสียงสนับสนุนจากสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล นายศรัณย์กล่าวว่า คิดว่าทำได้ และเชื่อว่าคงต้องมีคนที่ตั้งคำถาม แต่เราก็ต้องสามารถที่จะชี้แจงและอธิบายเหตุผลได้ เพราะเราก็หาเหตุผลไว้แล้ว หากเราไม่ทำ เรากระตุ้นช้าไป มันจะเกิดอะไรขึ้น และจะเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นมากกว่าการที่เราไม่ทำอะไรเลย

เมื่อถามต่อว่า มีความกังวลหรือไม่ว่า จะมีผู้ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ นายศรัณย์ กล่าวว่า หากเขาจะยื่น เราคงไม่สามารถห้ามเขาได้ แต่ก็มั่นใจว่าเราสามารถชี้แจงได้ แต่หากสุดท้ายแล้วนโยบายนี้ต้องสะดุด ผลกระทบมีอยู่แล้วแน่นอน แต่จะเป็นผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ต่อประชาชนมากกว่าหรือไม่ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เราคำนึงถึงว่า หากเราไม่ทำอะไรเลย สุดท้ายหากเราไม่ได้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ

'อดิศร'แค่หยิกแกมหยอก'เจ๊ไหม'

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ท้าให้ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลาออกจากสถานะ สส. เลิกให้ความเห็นเรื่องเศรษฐกิจ บวชชีและกราบขอโทษประชาชน หากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตสำเร็จว่า แค่หยอกล้อ น.ส.ศิริกัญญา ตนเป็นนักประชาธิปไตย เวลาที่มีความเห็นที่แตกต่างทั้งฝ่ายค้านหรือรัฐบาลถือเป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ายค้านเป็นกระจกเงาที่สะท้อนปัญหาต่างๆ ด้วยความห่วงใยว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตมีการขัดต่อกฎหมาย หรือรัฐธรรมนูญใดหรือไม่ ถือเป็นข้อท้วงติงที่น่ารับฟัง ซึ่งฝ่ายกฤษฎีกา อัยการ หรือแม้แต่นิติกร ทุกกระทรวงต่างๆ ก็เป็นมือกฎหมายให้แก่รัฐบาลทุกรัฐบาลอยู่แล้ว

นายอดิศรกล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ ก็น่าจะผ่านกฎหมายไปได้ การที่นายเศรษฐา จะออกเป็นร่าง พ.ร.บ.เข้าสู่การพิจารณาของทั้งสองสภา เป็นการเปิดใจกว้าง มีอะไรก็ไปพูดกันในสภา ขอเชิญทุกฝ่ายให้ยกเลิกการใช้วาทกรรมได้หรือไม่ แล้วไปทำงานร่วมกันในสภา การคิดนอกกรอบของพรรคเพื่อไทยแน่นอนว่าหากพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จะไม่เอานโยบายนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล แต่จะใช้นโยบายสวัสดิการ 3,000 บาทแทน ซึ่งก็เอาเงินภาษีมาใช้เช่นกัน ในจำนวนเงินที่เท่าๆ  กัน

"คิดว่าไม่ล่มอย่างเด็ดขาด รวมถึงไม่ใช่อย่างที่หลายฝ่ายบอกว่า นายกฯ จะยืมมือสภาไม่ให้โครงการนี้ผ่าน เพราะนี่เป็นความตั้งใจของนายกฯ และพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแท้จริง ผมรับฟัง และไม่ได้ไปศัตรูของใคร ผมเป็นผู้ใหญ่พอ แต่ผมก็หยิกแกมหยอก เพราะดูเหมือนว่าคุณศิริกัญญาคล้ายจะขวางทุกเรื่อง"                    

เมื่อถามว่า หาก พ.ร.บ.เงินกู้เข้าสู่สภามั่นใจหรือไม่ว่าจะได้รับเสียงสนับสนุน โดยเฉพาะจากพรรคร่วมรัฐบาล นายอดิศรกล่าวว่า พ.ร.บ.เช่นนี้ที่ผ่านมา เขาจะใช้เป็น พ.ร.ก. และต้องมีการนำไปขอความเห็นจากสภา จึงจะออกเป็นกฎหมายได้ แต่ถือเป็นการมัดมือชกนายเศรษฐาจึงเห็นว่าสภาทั้งสองสภามีผู้ทรงคุณวุฒิ มั่นใจว่า พ.ร.บ.เงินกู้ฉบับนี้ จะผ่านสภาได้โดยการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน และไม่มีปัญหาเรื่องเสียงสนับสนุน ส่วนที่จะมีคนไปเตรียมไปร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ธรรมดาประเทศไทยมีนักร้องลูกทุ่ง นักร้องลูกกรุง นักร้องอาชีพ จิ้งจกตัวหนึ่งทักเราก็ต้องฟัง แต่ก็คิดว่าไม่น่าผิดกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด

เมื่อซักถึงกรณีที่นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคก้าวไกล ระบุว่า หากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตแท้ง นายอดิศร จะรับผิดชอบอย่างไร 1.เลิกแต่งกลอน แต่งเพลง 2.ไปบวชพระ 3.ลาออกจากประธานวิปรัฐบาล และ 4.กราบขอโทษประชาชน นายอดิศรกล่าวว่า โห นี่เลียนแบบผมเป๊ะเลย คิดอะไรสร้างสรรค์บ้าง อย่าเลียนแบบคนอื่น อยากให้พรรคก้าวไกลหากจะโต้กับผม ให้โตมาเป็นกลอนเลย จะมีความสนุกทางการเมือง แล้วอย่าลืมกวาดบ้านให้สะอาดด้วย คนจะได้ไปอยู่เยอะๆ

ส่วน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีที่นายอดิศร เพียงเกษ ท้า 4 ข้อให้ น.ส.ศิริกัญญาลาออก, เลิกให้ความเห็นเรื่องเศรษฐกิจ, ไปบวชชี, และกราบขอโทษประชาชน หากรัฐบาลผลักดันนโยบายแจกเงินดิจิทัลสำเร็จว่า  เป็นเรื่องน่าตลก แทนที่การตอบโต้จะเป็นการตอบคำถามที่ตนได้ตั้งเอาไว้ว่าสรุปแล้วสามารถทำได้อย่างถูกกฎหมายหรือไม่ โดยการพยายามอธิบายว่าจำเป็นเร่งด่วนอย่างไรด้วยข้อมูล หลักฐาน และข้อเท็จจริง รวมถึงอธิบายว่าถูกกฎหมายมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และมาตรา 40 ของรัฐธรรมนูญได้อย่างไร

'เจ๊ไหม'ย้ำรบ.ต้องตอบคำถาม

"ดิฉันกลับถูกโจมตี กลายเป็นการพนัน ว่าถ้าทำสำเร็จล่ะ ซึ่งเรื่องของการรับผิดชอบทางการเงินของทางฝั่งฝ่ายบริหาร น่าจะถูกตั้งคำถามมากกว่าว่า ถ้าสุดท้ายไม่สำเร็จ ด้วยกลไกใดก็ตาม จะมีความรับผิดชอบทางฝ่ายบริหารอย่างไร เพราะก็เป็นนโยบายเรือธงใหญ่ของแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็คือพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำไป และยังคงรอคอยคำตอบอยู่ หากนายอดิศรมีข้อมูลอะไร ก็สามารถตอบคำถามได้เลย" น.ส.ศิริกัญญากล่าว

เมื่อถามว่า กรณีตอบโต้แบบนี้ถือเป็นการร้อนตัวหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ก็ยังสับสนอยู่กับหน้าที่ของประธานวิปรัฐบาลมากกว่า ว่าเราควรต้องทำงานประสานกันกับฝ่ายค้านมากกว่าโจมตีฝ่ายค้านหรือไม่ เพราะตนเคยเป็นวิปฝ่ายค้าน ไม่ได้เป็นลักษณะแบบนี้ ในอดีตเราก็มีความสัมพันธ์อันดีในการประสานกับวิปรัฐบาลให้งานการเมืองสามารถเดินได้ ซึ่งการทำงานของนายอดิศรก็ถือเป็นแนวใหม่

เมื่อถามว่า พรรค ก.ก.จะดำเนินการอย่างไรต่อกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ก็คงใช้กลไกในสภา ตอนนี้ก็จับตาดูตามขั้นตอน จากนี้ไปคงต้องรอคำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งน่าแปลกใจมากทั้งที่ในคณะกรรมการพิจารณาเงินดิจิทัลชุดใหญ่ ตนเห็นรายชื่อของเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ในนั้นด้วย ยังอยากรู้ว่าในคณะกรรมการชุดใหญ่ หารือกันว่าอย่างไร

"สิ่งที่ทำได้เลยในการตอบโต้ดิฉันอย่างเจ็บปวดที่สุดคือเอารายงานการประชุมของคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตออกมาเปิดเผย ว่าเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเขาไฟเขียวแล้ว หรือแม้แต่คณะอนุกรรมการต่างๆ ก็เอารายงานมาเปิดเผยก็ได้ว่าถกกันอย่างไร ในเรื่องของแหล่งเงิน" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้สภาพคล่องของรัฐบาลไม่สู้ดี โดยตั้งแต่การคิดโครงการมาหาเสียงไม่ได้มองรอบด้านว่าเอาเงินมาจากไหน ถ้าในวันหาเสียงพรรคเพื่อไทย บอกประชาชนว่าจะกู้เงินเพื่อเอามาแจก ไม่แน่ใจว่าประชาชนจะให้การยอมรับหรือไม่ แต่วันนี้ประชาชนถามหาที่มาของเงิน รัฐบาลบอกเดี๋ยวไปกู้มา เชื่อว่าประชาชนหลายคนถ้ารู้ว่ากู้มาโดยไม่หาช่องทางรายได้เข้ามา ก็จะให้การยอมรับไม่ได้แน่นอน ในช่วงหาเสียงบอกว่าเป็นรัฐบาลที่ "หาเงินเป็น หาเงินได้" แต่วันนี้เป็นแบบ "กู้เงินได้ กู้เงินเป็น" ซึ่งไม่ต่างกับรัฐบาลสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แจกเงินแล้วประชาชนด่ากันทั้งประเทศวันนี้รัฐบาลเศรษฐาเข้ามากำลังทำเหตุการณ์เดียวกับรัฐบาลประยุทธ์ เปลี่ยนเพียงแค่นายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า นโยบายดังกล่าวสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงตามที่รัฐบาลประกาศไว้หรือไม่ นายณัฐชากล่าวว่า วันนี้ยังไม่ได้เริ่มต้นโครงการ ฝั่งสนับสนุนก็บอกว่าถ้าโครงการนี้สำเร็จจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้นไม่ต่างจากแจกเช็ก 2,000 บาทในอดีต ซึ่งหลายคนมองว่านโยบายนี้ทำอะไรไม่ได้ เพียงแค่แจกเงินให้ประชาชนจับจ่ายเพื่อหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งเดียวเพื่อให้เศรษฐกิจเคลื่อนเป็นวงล้อ ซึ่งเป็นการประเมินทั้งสิ้น

"เงินกู้ 5 แสนล้าน เป็นเงินกู้ที่ไม่มีรายละเอียด 5 แสนล้านในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ ยังพอรู้ว่าเอามากู้วิกฤตโควิด แต่วันนี้ 5 แสนล้านของรัฐบาลเศรษฐา เป็น 5 แสนล้านที่ไม่ต้องการผิดคำพูด และเสียหน้าเท่านั้นเอง สุดท้ายส่งเข้าสภามาทาง ส.ว.จะให้ผ่านหรือไม่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ที่จะเข้าสภา มีหลายคนวิจารณ์ว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้หาเสียงนโยบายนี้ไว้ วันนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำนโยบายของพรรคเพื่อไทย แต่พรรคร่วมรัฐบาลจะลงมติอย่างไรกับการสนับสนุนที่เขาไม่ได้หาเสียงไว้" นายณัฐชากล่าว

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต นอกจากจะแจกไม่ตรงปกแล้ว ที่นายกฯ ยืนยันแข็งขันมาตลอดว่าจะไม่กู้  สุดท้ายก็กลับลำมากู้ ถึงขั้นเตรียมออก พ.ร.บ.เงินกู้ กลายเป็นกลืนน้ำลายตัวเอง และยังจะเป็นภาระหนี้ให้กับประเทศและประชาชนต่อไปในอนาคตอีกถึง 5 แสนล้านบาท เพียงเพื่อสนองนโยบายหาเสียง ก็เหมือนกันกับเรื่องที่ออกมาตอกย้ำหลายรอบว่าจะฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง ถ้าไม่กลืนน้ำลายตัวเองก็คงไม่เกิดนักโทษ 2 มาตรฐาน ขอเตือนให้ระวัง เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินไปสู่การล้มละลายทางความน่าเชื่อถือของรัฐบาล พูดอะไรออกไปต่อไปก็จะไม่มีใครเชื่อ 

สะกิด ครม.ร่วมรับผิดชอบ

ส่วนเรื่อง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านจะผิดกฎหมายหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ถ้าเกิดผิดกฎหมายขึ้นมา ก็จะมาอ้างเป็นเหตุโทษคนอื่นไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะต้องหาช่องทางอื่นที่ถูกต้องและถูกกฎหมาย  มาถึงวันนี้ดิจิทัลวอลเล็ตจึงกำลังกลายเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับพรรคการเมืองที่มุ่งแต่จะหาเสียงแบบประชานิยม

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการพรรค ปชป. กล่าวว่า นโยบายดังกล่าว ถือเป็นการเทหน้าตักอีกเรื่องของพรรคเพื่อไทยในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล เพราะต้องการจะดันให้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อหวังคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อๆไป หวังว่าจะสามารถสร้างภาพจำให้กับประชาชนในเรื่องของประชานิยม  นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เข้าทำนองที่ว่า ‘กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง’ เพราะก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยก็โฆษณาหาเสียงว่าจะดำเนินนโยบายโดยไม่มีการกู้เงิน แต่สุดท้ายก็ต้องหาทางลงแบบไม่ให้เสียหน้ามาก โดยเปิดช่องให้มีการตราเป็น พ.ร.บ.เพื่อที่ต้องการให้ ส.ส.ที่ไม่เห็นด้วย ลงมติไม่เห็นชอบ และหวังจะโยนบาปว่าที่ทำนโยบายไม่ได้ เพราะ ส.ส.ที่ลงมติไม่เห็นชอบ จะได้มาเป็นข้ออ้างเพื่อเรียกร้องความสงสารจากประชาชน จึงอยากให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ควรนำเสียงจากประชาชนมาปรับปรุงนโยบายดังกล่าว                

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ต้องทำหนังสือเตือนถึงนายกฯ เศรษฐา เพื่อให้ทราบถึงข้อกฎหมายและบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปตรวจสอบการจะตรา พ.ร.บ.กู้เงินดังกล่าว มาใช้ในโครงการ Digital Wallet นั้น ว่าจะเข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย หรือไม่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะต้องรับผิดชอบร่วมกันในฐานะผู้ลงมติในการเสนอร่าง พ.ร.บ.หรือไม่ การที่นายกฯ เศรษฐามั่นใจว่าจะได้รับการอนุมัติโดยรัฐสภา และเป็นไปตามมาตรา 53 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 นั้น จึงต้องไปดู พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 53 ให้เข้าใจโดยถ่องแท้ เนื่องจากมาตรา 53 ดังกล่าว อยู่ในส่วนที่ 4 การก่อหนี้และการบริหารหนี้ ซึ่งมีตั้งแต่มาตรา 49 ถึงมาตรา 60 โดยมีมาตราที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 53 เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งครม.ต้องทราบดีอยู่แล้ว จึงควรไปพิจารณา พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 ด้วย และยังต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในมาตราต่างๆ อีกด้วย

"การจะออก พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน ที่จะต้องเห็นชอบร่วมกันใน ครม. จึงไม่อาจพิจารณาเฉพาะจากมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 แต่ยังต้องอยู่ในบังคับภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและบทบัญญัติของกฎหมายในมาตราที่เกี่ยวข้องด้วย หาก ครม.มีการฝ่าฝืน ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน จึงจำเป็นต้องส่งหนังสือเตือนถึงนายกฯ เศรษฐาเพื่อขอให้ตรวจสอบการจะตรา พ.ร.บ.กู้เงิน ว่าจะเข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายหรือไม่ ครม.จะต้องรับผิดชอบร่วมกันในฐานะผู้ลงมติในการเสนอร่าง พ.ร.บ.หรือไม่" นายเรืองไกรระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง