ฟุ้งผลงาน60วันก่อนเงินดิจิทัล

"เศรษฐา" ปลื้มดินเนอร์พรรคร่วมชื่นมื่น ออกตัวไม่ชำนาญการเมือง น้อมรับฟังคำแนะนำปรับตัว ยันไม่มีต่อรองใดๆ บนโต๊ะอาหาร "ภูมิธรรม" ปัดกระชับความสัมพันธ์หวังกลบกระแส "อุ๊งอิ๊ง" เด่นกว่าเสี่ยนิด "นายกฯ" โชว์ผลงาน 60 วันรัฐบาล ลุยหลายมิติแก้ปัญหาปากท้อง หนี้ครัวเรือน กระตุ้นท่องเที่ยว แย้ม 10 พ.ย.แถลงดิจิทัลวอลเล็ตให้ทุกฝ่ายเข้าใจครบทุกประเด็นสงสัย ทั้งที่มาของเงิน-ใครได้รับบ้าง รับภาวะ ศก.ไทยไม่ดี ต้องทำงานหนัก ฝ่ายค้านชี้ไร้ความสำเร็จ "โรม" ไม่ขอให้คะแนน "เด็ก ปชป." ระบุผ่านแค่ 3 รมต. ที่เหลือสอบตก

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 9 พ.ย. เวลา 10.55 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.การคลัง) ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมรับประทานอาหารค่ำกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลช่วงค่ำวันที่ 8 พ.ย.ว่า  จุดประสงค์ที่นัดทานข้าวกัน เนื่องจากได้บริหารงานมา 2 เดือน ถือเป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วมหลายพรรค และเราได้มีการเจอกันประจำอยู่แล้วในเวทีที่เป็นทางการ ที่ต้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกสัปดาห์ในวันอังคาร นอกจากนั้นยังมีการประชุมวงเล็ก ซึ่งได้มีการพบปะเจอกันบ้างในลักษณะที่เป็นทางการมากกว่า

นายเศรษฐากล่าวว่า ในฐานะที่เพิ่งเข้าสู่การเมืองและไม่เคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อน และวันนี้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเองไม่มีความชำนาญในการที่จะใช้เวทีที่เป็นเวทีทางการมากนักเท่ากับพี่ๆ น้องๆ หลายท่านที่เข้าไปอยู่ในการทานอาหารค่ำด้วยกัน ผมก็ถอดหมวกความเป็นนายกฯ มาเป็นพี่ เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หรือนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นน้องและมีวัยวุฒิน้อยกว่า, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน

"ก็ได้มีการพูดคุยกันว่าในรัฐบาลก่อนๆ ที่หลายท่านเคยดำรงตำแหน่งมาหลายรัฐบาลมาก และจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่เวลานานมานี้ได้พัฒนาไปอย่างไร วิธีการดำเนินการประชุม วิธีการพูดคุย วิธีการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ละคนก็มีข้อแนะนำกันมา ซึ่งผมก็น้อมรับไปปฏิบัติ” นายเศรษฐากล่าว

นายกฯ กล่าวว่า เป็นการพูดคุยที่เป็นกันเองและบรรยากาศที่สบายๆ จากการที่เราได้มาทานอาหารอร่อยๆ ซึ่งมีหมูแดงสไตล์ฮ่องกง ซึ่งทุกท่านชอบ และบะหมี่ที่ใช้มือปั้นเองมาโชว์ให้ดู ก็อยู่กันถึง 4 ทุ่มกว่า ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่ได้พูดคุยกันอย่างสบายๆ ไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องที่หนักๆ มาก เช่น เศรษฐกิจหรืออะไรไม่มี แต่เป็นเรื่องของวิธีการทำงานและพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่า

"ตรงนี้มีการพูดคุยตักเตือน ผมก็แสดงตัวตนว่าเป็นคนอย่างไร อธิบายให้พี่ๆ น้องๆ ฟังว่า สไตล์การบริหารเป็นอย่างไรบ้าง มีหลายคนหลายท่านได้พูดคุยแนะนำว่าควรทำอย่างไรบ้าง เช่น นายภูมิธรรมเป็นคนที่มีพรรษาทางการเมืองเยอะ มีวัยวุฒิสูง และเป็นคนที่ผมให้ความเคารพในพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ท่านก็ได้อธิบายให้ฟังถึงวิธีการทำงานของผมอย่างไรให้กับรัฐมนตรีท่านอื่น และหยอดมาเรื่องการสอนให้ปรับปรุงตัวเองด้วย เพราะนายกฯ เป็นคนพูดตรง ตรงนี้ก็อาจจะต้องนำไปปรับปรุงบ้าง เพื่อให้ไปถึงจุดมุ่งหมายที่มันดีเหมือนๆ กัน แต่อาจจะมีหลายวิธี ก็น้อมรับไปปฏิบัติ" นายกฯ กล่าว

ถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลได้มีคำแนะนำอะไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีอะไรก็พูดคุยกันธรรมดา ซึ่งเราต้องอยู่ด้วยกันมีอะไรก็พูดคุยกันได้ ก็แนะนำว่าอยากให้มีการเจอกันบ่อยขึ้น โดยการสลับกันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งคราวหน้าจะเป็นนายอนุทิน ขณะที่นายวราวุธบอกว่า อย่าไปจัดไกลถึงเขาใหญ่ เอาแถวๆ นี้ก็พอ ก็บรรยากาศดีไม่มีอะไรเลยจริงๆ ไม่ได้มีการพูดคุยหรือต่อรองหรือขอนโยบายอะไรมา ไม่มี

พรรคร่วมดินเนอร์ชื่นมื่น

ซักว่าในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐนาวาได้ขอความร่วมมืออะไรจากพรรคร่วมรัฐบาลเป็นพิเศษหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้มีเลย เพราะเชื่อว่าทุกท่านรู้หน้าที่ดีอยู่แล้วว่าเรามาร่วมเรือลำเดียวกัน เรามาช่วยกัน เรามาที่นี่ เรามาเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ตนคิดว่าทุกท่านรู้หน้าที่กันเองอยู่ ส่วนท่านอื่นอาจจะมีการคุยกันเรื่องเฉพาะเจาะจง ก็คงมีการไปคุยกันวงอื่นเวทีอื่น แต่เวทีนี้เป็นการไปพบปะสังสรรค์กันมากกว่า

เมื่อถามว่า การที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปร่วมด้วยเหมือนเป็นการสอนงานทางการเมืองไปในตัวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่มี เพราะ น.ส.แพทองธารเองมีความคุ้นเคยกับหลายๆ ท่านอยู่แล้ว และบางครั้งก็จะเห็นคุณอุ๊งอิ๊งเดินตามอดีตนายกฯ มานานแล้ว ไม่ได้มีนัยอะไร”

อย่างไรก็ดี พอถูกถามถึงเงินดิจิทัลวอลเล็ตมีความชัดเจนแล้วหรือไม่ นายเศรษฐาหันหน้าหนีไม่ตอบคำถาม กล่าวเพียงว่า “ขอคำถามต่อไป” ถามต่อว่า ในวงรับประทานอาหารค่ำร่วมกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล มีการสอบถามหรือมีข้อห่วงใยเกี่ยวกับนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มี เพราะทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า ในวันที่ 10 พ.ย. จะมีการแถลงข่าวในเวลา 14.00 น. ก็จะมีความชัดเจนแน่นอน เมื่อถามว่าเป็นข่าวดีเลยใช่หรือไม่ นายกฯ ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ก็บอกแล้วว่าอย่าพูดเล็กพูดน้อย เดี๋ยวผมพูดเอง พูดคนเดียวจบเลย”

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า บรรยากาศการพูดคุยกันระหว่างหัวหน้าพรรคทุกพรรค นายกฯ รวมถึงเลขาธิการนายกฯ เป็นการทานข้าวร่วมกัน โดยบรรยากาศทุกคนก็รู้สึกดี นายกฯ ก็พยายามสอบถามสารทุกข์สุกดิบว่าแต่ละคนทำอะไรกันมาบ้าง ซึ่งทุกคนก็รู้สึกดีที่ได้รับประทานอาหารที่นายกฯ เป็นเจ้าภาพ ดังนั้นจึงมีการตกลงกันว่า จากนี้จะมีการหมุนเวียนสลับกันเป็นเจ้าภาพเดือนละ 1 ครั้ง

ถามว่าที่นายกฯ นัดรับประทานอาหาร เป็นเพราะ น.ส.แพทองธารมีบทบาทเด่นกว่านายกฯ หรือไม่ นายภูมิธรรมปฏิเสธทันทีว่า ไม่มี เพราะ น.ส.แพทองธารกับนายกฯ พูดคุยกันโดยตลอด และเราก็รู้ว่าช่วยกันทำงานในแต่ละหน้าที่ที่รับผิดชอบ

"เรื่องของพรรคเพื่อไทยเป็นหน้าที่ของ น.ส.แพทองธาร ที่จะทำพรรคให้เข้มแข็ง ขณะที่นายกฯ ก็ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน โดยจะต้องประสานกับคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ เพื่อทำงานให้ได้ตามเป้าหมาย" นายภูมิธรรมกล่าว

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)  กล่าวว่า การร่วมรับประทานอาหารค่ำได้คุยกันในหลายๆ เรื่อง ซึ่งมีความเข้าใจกันอยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทางพรรค ภท.ก็ต้องสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลในหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาล ในการประคองทั้งการเมือง และการบริหารราชการแผ่นดินให้ได้ดีที่สุด

ถามว่ามีการพูดคุยกันหรือไม่ว่าทำไม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่มาร่วมงาน นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้พูดกัน แต่ว่าในงานก็มีความสมบูรณ์อยู่แล้ว เพราะในส่วนของพรรค พปชร.ก็มีทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค มาร่วมงานด้วย

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ในฐานะหัวหน้าพรรคพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า การร่วมรับประทานอาหารค่ำโดยหลักๆ พูดคุยกันถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทำงานตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากได้ใกล้ชิดกัน เพราะพรรคร่วมรัฐบาลได้ร่วมรับประทานอาหารร่วมกันและนายกฯ ก็ให้เกียรติมาเป็นเจ้าภาพ รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์พูดคุยแนวทางการทำงาน

ช่วงค่ำ เวลา 19.00 น. นายเศรษฐา ออกรายการพิเศษ “Chance of Possibility จากนโยบายสู่การลงมือทำจริง 60 วัน ภายใต้รัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน” ทางช่อง NBT2HD,  NBT11 และทางออนไลน์ Facebook,  YouTube หรือ Facebook เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin ใช้เวลา 42 นาที

นายเศรษฐากล่าวถึงการทำงานในช่วง 60 วันที่ผ่านมา หลังจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปแล้ว มาตรการระยะสั้น เร่งด่วน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ทำอะไรไปแล้วบ้างในส่วนนี้ ส่วนรายจ่ายลดอะไรไปแล้วบ้างว่า ลดรายจ่ายนี่ชัดเจนในเรื่องของค่าไฟจาก 4 บาทกลางๆ มาเป็น 4.10 แล้วก็เป็น 3.99 ซึ่งมีการลดสองขยัก อันนี้เป็นการบ่งบอกถึงวิธีการทำงานของรัฐบาลเรา อะไรทำได้เราทำก่อน ถ้าทำได้อีกก็จะทำให้อีก ก็จะทำเพิ่มเติมต่อไป ไม่ต้องคอยเสร็จหมดแล้วค่อยทำ เพราะว่าเราตระหนักดีว่าประชาชนเดือดร้อนมาโดยตลอด

"ถ้าต้องคอยให้ทุกอย่างครบหมดบางทีอาจช้าเกินไป ส่วนเรื่องลดราคาค่าน้ำมันดีเซลเราก็ลด ตอนนั้นเบนซินยังศึกษายังไม่ดีพอเราก็ยังไม่ลด จนกระทั่งจะลดวันที่ 10 เดือนนี้ ซึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาท่านรองนายกฯ และ รมว.พลังงานก็ได้ประกาศไปแล้ว อันนี้ก็คือการลดรายจ่ายส่วนหนึ่ง" นายเศรษฐากล่าว

เสี่ยนิดร่ายผลงาน 60 วัน

นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนการลดรายจ่ายในเรื่องดอกเบี้ย มีการพักหนี้เกิดขึ้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง  เป็นหัวใหญ่ทำงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในแง่ของการพักหนี้เกษตรกร ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราเพิ่งเริ่มทำกันมา แต่เรื่องจะทำต่อไปคือดูแลเรื่องปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งนี่จะเป็นการลดปัญหาเรื่องหนี้สิน แต่อาจจะเป็นระยะกลาง ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะกลางจะเป็นการลดหนี้นอกระบบ ซึ่งพึ่งมีการพูดคุยกันเป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากับหน่วยงานที่เกี่ยว ว่าเรื่องหนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน คิดว่าภายในอาทิตย์นี้หรืออาทิตย์หน้าน่าจะมีการแถลงข่าวเรื่องนี้เกิดขึ้น และลงไปปฏิบัติในกลางเดือนธ.ค.นี้

นายเศรษฐายังกล่าวถึงการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนที่มีหลายมิติ โดยเฉพาะเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตว่า จะแถลง full package เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจในวันที่ 10 พ.ย. จะมีการแถลงพร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลักการ ที่มาที่ไปของเงิน ใครได้รับบ้าง ใช้กับสินค้าประเภทใดได้บ้าง ระยะทางที่กำหนดไว้ตามบัตรประชาชนเป็นกิโลเมตร หรือเป็นอำเภอ หรือเป็นตำบล  ซึ่งการเพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ให้ความรู้ด้านการเกษตรเป็นเรื่องสำคัญ

นอกจากนี้ ด้านการท่องเที่ยว ภาพรวมเรื่องของภาคการท่องเที่ยวก็ถือว่าเป็นการเพิ่มรายได้อีกส่วนหนึ่ง ล่าสุดเรามีการให้วีซ่าฟรีกับประชาชนคนจีน ไต้หวัน อินเดีย รวมถึงที่ไม่ต้องยกเว้นตม. 6 ที่ภาคใต้ ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมาเลเซียหลั่งไหลเข้ามา

"เราต้องมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับด้านการท่องเที่ยว ผมอยากเน้นเรื่องการใช้จ่ายต่อหัวสำคัญ รวมถึงระยะเวลาในการอยู่ก็สำคัญ ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวเมืองรองเกิด ไม่ใช่มาแค่กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน เราอยากให้ไปที่น่าน กาฬสินธุ์ สุโขทัย อยุธยาบ้าง ซึ่งทำให้การอยู่ระยะเวลายาวขึ้น การใช้จ่ายเยอะขึ้น" นายเศรษฐากล่าว

นายกฯ ยังได้กล่าวถึงเรื่องรถไฟความเร็วสูง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขนส่งและการค้า รวมทั้งกล่าวถึงการเดินทางไปต่างประเทศ เรื่องบริษัทต่างประเทศมาลงทุนในไทย เรื่องความต้องการวัวของจีนและซาอุดีอาระเบียที่ประกาศไปว่าจะเพิ่มรายได้ 3 เท่าให้กับพี่น้องเกษตรกรภายในเวลา 4 ปี รวมทั้งเรื่องปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่นเดียวกับเรื่องปัญหาหนี้สินครัวเรือนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนขึ้นต่อจีดีพี ขึ้นจาก 76 มาเป็น 91 ซึ่งถือว่าเป็นอันดับ 20 ของโลก ซึ่งถือว่าสูงมาก นายกฯ ยืนยันต้องมีการลดตรงนี้ลงไปให้ได้ ส่วนปัญหายาเสพติดนายกฯ ก็ย้ำว่าเป็นปัญหาวาระแห่งชาติ ขณะที่ปัญหาสังคม ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำต่างๆ  ที่มีการตั้งคณะกรรมการมาแล้ว โดยนายภูมิธรรมได้เขียนไทม์ไลน์ที่ชัดเจน

นายกฯ ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องสมรสเท่าเทียม ที่บอกได้สั่งการไปอีก 2 สัปดาห์ต้องทำเรื่องของการสอบถามความเห็นของทุกภาคส่วน แล้วเอาเข้า ครม.ให้ได้ ส่วนนโยบายการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจที่รัฐบาลแถลงไว้ต่อรัฐสภาก็ระบุ ตอนนี้ รมว.กลาโหมมีการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เรื่องสรรพกำลังของทหารด้วยว่าต้องลดอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องให้เยาวชนเรามีสิทธิเสรีภาพในการเลือกประกอบอาชีพ ถือว่าเป็นเรื่องนึงที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำความไม่สบายใจของสังคม

"จุดยืนของรัฐบาลต่อ กอ.รมน. เรื่องของการยุบหรือไม่ยุบ ซึ่งผมต้องบอกตรงๆ ก็ตกใจที่บอกว่าเอ๊ะเราทำไมท่านไม่ยุบ ผมไปหาเสียงที่ไหนไปเอาเทปมาดูได้ ไม่เคยบอกต้องยุบ นโยบายที่แถลงก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้ แต่ว่าทุกๆ องค์กรไม่ใช่ กอ.รมน.อย่างเดียว จะเป็นคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หรือเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ก็ต้องมีการพัฒนา มีการเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงไปกับของสังคม" นายกฯ กล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า ช่วง 60 วันที่ผ่านมาในชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม จริงๆ แล้วเราอาสาเข้ามาทำงาน ไม่มีสิทธิ์บอกว่าเหนื่อย ไม่มีสิทธิ์บอกอะไร แต่ว่าอุปสรรคสำคัญที่สุดก็คือเวลาไม่พอ เวลาไม่พอทุกอย่าง เวลาไม่พอในการทำงาน เวลาไม่พอในการนอน เพราะต้องมีงานพูดคุย ต้องมีงานทำอะไรหลายๆ อย่าง ที่มีการบอกกันว่าอยากให้ 1 วันมีมากกว่า 24 ชั่วโมงนั้น อันนี้เป็นเรื่องจริง แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องมีการบริหารจัดการ แต่ก็มีเรื่องเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทีมงานเองก็ตระหนักดีถึงความสำคัญที่จะต้องเร่งเข็นผลงานออกมา Quick Win ที่เราจะต้องเร่งเขียนผลงานออกมาคุยเรื่องการมีการพูดคุยกัน มีการเชื่อมต่อกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพราะว่าจริงๆ แล้ว 10 ปีที่ผ่านมาจีดีพีไทยโต 1.8% น้อยกว่าเพื่อนบ้าน

"หลายๆ เรื่องที่เราต้องทำ ขยายโอกาสก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเรื่องที่อยู่ในระยะกลางกับยาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเจรจาเรื่องของสนธิสัญญาการค้า หรือ FTA เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเปิดให้เรามีการค้าขายทั่วไปกับทุกๆ  ประเทศ ซึ่งเราต้องเร่งในการเจรจาเรื่องเหล่านี้" นายเศรษฐากล่าว

นายกฯ กล่าวช่วงท้ายว่า เรื่องใหญ่ก็คือเรื่องของปากท้อง ซึ่งรัฐบาลนี้เราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของปากท้อง อะไรทำได้เราจะทำก่อน แล้วก็จะทำอย่างไม่หยุดยั้ง ลืมเหน็ดเหนื่อย

 “ผมว่าเหนือสิ่งอื่นใด ทุกๆ ภาคส่วนต้องเข้าใจก่อนว่าปัจจุบันเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ เราเองเราคำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน แล้วก็ทุกๆ กระทรวง ทบวง กรม รวมถึงข้าราชการทั้งหลาย ได้พยายามทำงานกันอย่างเต็มที่ แล้วยังทำงานหนักต่อไป ขอให้มีความอดทนแล้วก็รับฟังความคิดเห็นของทุกๆ ภาคส่วน รัฐบาลนี้ก็จะพยายามเขียนงานออกไปให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ แล้วก็ขอบคุณที่มีโอกาสมาพูดคุยกับพี่น้องประชาชนวันนี้ อยากจะขอให้จัดรายการอย่างนี้เยอะขึ้น แล้วก็อาจจะชวนรัฐมนตรี หรือภาคส่วนอื่นๆมาพูดคุยกัน” นายกฯ กล่าว

ฝ่ายค้านผิดหวังไร้รูปธรรม

ด้านนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวกรณีรัฐบาลเตรียมแถลงผลงาน 2 เดือนว่า การแถลงผลงานต้องใช้เวลามากกว่านี้เป็นไตรมาส เพราะ 2 เดือนคือ การปรับตัว สร้างการยอมรับ ผลงานที่เห็นคือการตอบสนองนโยบาย ถือว่าเป็นตัวชี้วัดผลงาน

ถามว่ากังวลหรือไม่ที่กระทรวงกลาโหมถูกล็อกเป้าในการตรวจสอบ นายสุทินกล่าวว่า ไม่หวั่นไหวอะไร เรารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ และพอใจในสิ่งที่ทำ หากถึงเวลาชี้แจงทุกคนจะรู้เอง นอกจากนี้ในการขับเคลื่อนผลงานจำเป็นต้องอาศัยงบประมาณ

"ตั้งแต่เข้ามาทำงานก็ยังใช้งบประมาณของรัฐบาลชุดก่อน ก็คงต้องรอดูงบประมาณในปี 67และ 68 ทั้งนี้ ยอมรับว่ากระทรวงกลาโหมต้องทำงานมากกว่ากระทรวงอื่น และมีแต่เรื่องใหญ่ๆ ที่ต้องดำเนินการ" นายสุทินกล่าว

วันเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการให้คะแนนรัฐบาลหลังจากที่ทำงานมาแล้ว 2 เดือนว่า ขอไม่ตอบเป็นตัวเลข แต่อาจจะตอบว่าตนมีความคาดหวังกับการแก้ปัญหาต่างๆ มากกว่านี้ อย่างปัญหาหนึ่งที่ตนเรียกว่าเป็นบทบาทเกี่ยวกับเรื่องของความมั่นคงของชายแดน เราเห็นว่าไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ปัญหาการใช้กฎหมายที่อาจจะกระทบสิทธิมนุษยชนในด้านต่างๆ เราก็ยังไม่ได้เห็นความคืบหน้า

"จนถึงวันนี้เรายังไม่ได้เห็นความสำเร็จอะไร หรือแม้กระทั่งนายกฯ ก็ไม่เคยมาตอบกระทู้ของฝ่ายค้านแม้แต่ครั้งเดียว สุดท้ายผมให้คะแนนลำบาก จึงไม่อยากกำหนดเป็นตัวเลข เพราะให้คะแนนไม่ได้" นายรังสิมันต์กล่าว

ส่วนนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า 2 เดือนในการทำงานของรัฐบาลนายเศรษฐา สิ่งที่น่าผิดหวัง คือไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องเศรษฐกิจของประเทศได้ ประชาชนยังอยู่ในยุคที่ข้าวของมีราคาแพง อีกทั้งปัญหาการพนันออนไลน์ทุกวันนี้ยังมีข่าวปัญหาอาชญากรรมทางสังคมที่เกิดขึ้นจากการพนันออนไลน์จำนวนมาก และสุดท้ายการแก้ไขปัญหายาเสพติดก็ล้มเหลว ส่วนการปรับลดราคาพลังงานก็เหมือนเป็นการปรับลดแบบไฟไหม้ฟาง ระยะสั้น แก้ปัญหาไม่ตรงจุด และการทำงานของนายกฯ 2 เดือนที่ผ่านมาเปรียบเสมือนนายกฯ เป็นหัวหน้าทัวร์ศูนย์เหรียญ ส่วนใหญ่จะท่องเที่ยวในต่างประเทศมากกว่า และดูว่าการเดินทางต่างๆ ก็ไม่มีเป้าหมาย

นายชัยชนะกล่าวว่า มีรัฐมนตรีแค่ 3 คนที่สอบผ่าน คือนายอนุทินที่ออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องของสังคมหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเปิดผับถึงตี 4 นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย วางแผนแก้ไขปัญหาเรื่องผู้มีอิทธิพลอย่างมีระบบ  และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนและดูแลพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลเศรษฐาต้องกลับไปทบทวน เพราะรัฐมนตรีใน ครม. 35 คนสอบผ่านแค่ 3 คน ที่เหลือยังไม่มีผลงานประดับชัดเจน

"ต้องบอกว่าการเป็นนายกฯ ไม่ใช่การเดินแบบแฟชั่นโชว์หรือเป็นไกด์ทัวร์  จุดสำคัญต้องมีวุฒิภาวะ ซึ่งนายกฯ ยังไม่มี โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่จูบมืออุ๊งอิ๊งอันนี้ถือว่าขาดภาวะความเป็นผู้นำ ผมขอให้คะแนนนายกฯ แค่ 3 คะแนนจากเต็ม 10 และ 3 คะแนนที่ให้คือ 1.นายกไหว้สวย 2.ไปเที่ยวทำให้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้น และ 3 คือนายกฯ แต่งตัวแฟชั่น" สส.พรรค ปชป.รายนี้ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตอกยํ้าดีลฮ่องกง ลิ่วล้อแจงแทนนาย ‘พรรคส้ม’ ยากเป็นรัฐบาล

ตอกย้ำดีลฮ่องกงเหลว! "ณัฐวุฒิ" ขยายความ "ทักษิณ" คุย "ธนาธร" แค่เล่าชะตากรรม ไม่มีการพาดพิง ม.112 กับก้าวไกล เผยตั้งแต่โหวต "พิธา"

‘อิ๊งค์’ โชว์30บ. เวทีผู้นำเอเปก

นายกฯ อิ๊งค์โชว์ผลงาน 30 บาทรักษาทุกที่ บนเวทีผู้นำภาคเอกชนเอเปก พร้อมชวนลงทุนด้านธุรกิจดูแลสุขภาพในไทย มั่นใจหลังให้นโยบาย “บีโอไอ”

‘แม้ว’ ย่ามใจไม่เลี้ยงหลาน ทำตัวเป็น ‘ส่วนหนึ่งของปัญหา’

แม้แต่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังตั้งคำถามต่อ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี