สำนักงบฯรับลูกขึ้นเงินขรก.ได้

คลังยืนยันนายกฯ แถลงเอง ปิดจ๊อบเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ขีดเส้นสรุปจบไม่เกิน 10 พ.ย. ย้ำใช้เงินงบประมาณเป็นหลัก ล้วงเงินอนาคตมาใช้ แจงล่าช้าเพราะขอเวลาพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ "เศรษฐา" ขึ้นแน่ค่าแรง สำนักงบฯ รับลูกใช้งบ 67 ได้เลย แต่เอกชนครวญได้เห็นย้ายฐานการผลิตแน่

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 พ.ย. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง จะเป็นผู้ชี้แจงความชัดเจนในการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตทั้งหมด โดยเบื้องต้นในส่วนของคณะอนุกรรมการได้พิจารณามาตรการ รับฟังความคิดเห็นทั้งหมดแล้ว อาจจะไม่ต้องมีการหารืออะไรเพิ่มเติมอีก แต่ยืนยันว่าแนวทางทั้งหมดยังคงเป็นไปตามมติที่คณะอนุกรรมการเคยได้พิจารณาไว้

 “หลักเกณฑ์การคัดแยกกลุ่มผู้ได้รับสิทธิ์ดิจิทัลวอลเล็ต 3 กลุ่มยังคงเป็นไปเหมือนเดิม รวมทั้งข้อเสนออื่นๆ ก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่ท้ายที่สุดจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ คาดว่าจะมีการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อดูรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าจะมีความชัดเจนขึ้น ก่อนจะรู้ว่าข้อสรุปสุดท้ายก่อนเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่จะเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ ตรงนี้จึงยังยืนยันอะไรไม่ได้”

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของงบประมาณที่ใช้ในโครงการ จะยังเป็นการใช้จากเงินงบประมาณเป็นหลัก ในส่วนข้อกังวลว่าจะเป็นการผูกพันงบประมาณ ในกรณีที่หากรัฐบาลไม่สามารถอยู่ครบเทอมได้ 4 ปีจะทำได้หรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่มีปัญหา หากโครงการได้ทำงบผูกพันไว้แล้วก็ต้องดำเนินการให้สิ้นสุดตามแผน แต่ก็ยังมีขั้นตอนเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องตรวจสอบ หากทำความชัดเจนในประเด็นต่างๆ ได้ก็เดินมาตรการได้

สำหรับกรอบเวลาดำเนินการ ยังไม่ยืนยันว่าจะทำได้ทันภายในไตรมาส 1/2567 แต่ไม่ได้เป็นปัญหามาจากไม่มีเงิน เป็นเรื่องขั้นตอนเทคนิคในการทำแอปพลิเคชัน ซึ่งยังยืนยันว่าจะใช้ระบบบล็อกเชนควบคู่ไปกับแอปเป๋าตัง จึงต้องใช้เวลา คงไปเร่งส่วนงานที่ทำระบบไม่ได้ แม้ว่าเราจะอยากให้เสร็จเร็วก็ตาม เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัยข้อมูล ส่วนจะใช้แอปพลิเคชันไหนอย่างไรไม่เป็นปัญหา รัฐบาลไม่ได้เดือดร้อนอะไร หากสามารถเดินหน้าโครงการเติมเงินให้ประชาชน

ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ และการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า เรื่องดังกล่าวมีเอกสารสั่งการใช้ศึกษาเรื่องความเป็นไปได้ในการที่จะดูในเรื่องของเงินเดือน ซึ่งกระทรวงแรงงานกำลังพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำอยู่ ซึ่งถ้าจะยกระดับก็ต้องดูทั้งหมดในทุกภาคส่วน ได้มอบให้คณะทำงานศึกษาและกลับมารายงานภายในสิ้นเดือนนี้ว่ามีความเป็นไปได้อย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากการศึกษาความเป็นไปได้ในการขึ้นค่าแรง หลังศึกษาแล้วจะมีกรอบหรือไม่ว่าจะขึ้นภายในปีงบประมาณไหน นายกฯ ตอบว่า ต้องมานั่งดูอีกที  ถึงได้บอกว่าต้องมีการศึกษาเกิดขึ้น ซึ่งสืบเนื่องตามที่เคยพูดไปแล้วว่า เงินเดือนของข้าราชการและค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ขึ้นมานานแล้ว เพราะปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้นเยอะ เราก็เป็นห่วงพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการด้วย

ถามว่า จะสอดรับในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นนโยบายของรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายเศรษฐาชี้แจงว่า หลักการถือว่าสอดคล้อง แต่จำนวนเงินเปอร์เซ็นต์ที่ขึ้นก็ต้องว่ากันไปแต่ละภาคส่วน

เมื่อถามย้ำว่า ในส่วนของแรงงานจะขยับขึ้นได้เมื่อไหร่ อย่างไร เพราะนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ระบุว่าอาจจะไม่ได้ 400 บาทในทุกพื้นที่ นายเศรษฐากล่าวว่า เดี๋ยวต้องมาฟัง รมว.แรงงานอีกครั้งหนึ่ง ถึงได้บอกว่าต้องมีการศึกษาอีกครั้งทั้งหมด

ขณะที่นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้มีการหารือกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แล้ว ขณะนี้ ก.พ.อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางว่าจะเพิ่มเงินเดือนได้อย่างไร ต้องปรับบัญชีหรือไม่ และจะเพิ่มหน่วยงานใดบ้าง เช่น ข้าราชการพลเรือน ทหาร หลังได้ข้อสรุปก็จะมีการหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อดูช่องทางในการเพิ่มเงินเดือนให้ราชการ ทั้งนี้ คาดว่าสัปดาห์นี้จะมีการหารือกับ ก.พ., สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณ โดยมีนายปานปรีย์  พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ เป็นประธาน หลังได้ข้อสรุปจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ได้ทันภายในเดือน พ.ย.ตามข้อสั่งการนายกฯ ได้แน่นอน

สำหรับแหล่งเงินที่จะใช้เพื่อจ่ายเงินเดือนเพิ่มให้ข้าราชการนั้น ต้องดูว่าจะเริ่มจ่ายได้เมื่อใดและใช้เท่าใด หากจะใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ก็สามารถทำได้ แม้จะมีการยื่นคำของบของหน่วยงานเข้ามาแล้ว แต่ยังมีงบกลาง (เงินเลื่อนขั้นเงินเดือน เงินปรับวุฒิข้าราชการ) ที่สามารถนำมาใช้ได้หากหน่วยงานนั้นมีงบประมาณไม่เพียงพอ แต่ถ้าเริ่มปีงบฯ 68 ก็สามารถทำได้ไม่มีปัญหา เพราะปฏิทินปีงบฯ 68 สำนักงบประมาณจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ม.ค. 67 ซึ่งยังมีเวลาในการจัดทำคำขอสำนักงบฯ

วันเดียวกัน ที่ร้านคอฟฟี่ เดอลา สาขาโอโซน ถ.เทพารักษ์ เขตเทศบาลนครขอนแก่น นายภารณ ธีรภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.เอสพี ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า หากต้องมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจริงตามประกาศของรัฐบาล ยอมรับว่าสถานประกอบการต่างๆ นั้นเหนื่อยแน่ และก็จะเห็นภาพของการย้ายฐานการผลิตไปในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ซึ่งขณะนี้หลายบริษัทก็เริ่มขยับขยายกันแล้ว รวมไปถึงการลดจำนวนพนักงานลงตามภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ขอนแก่นปัจจุบัน อัตราค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 335 บาทต่อวัน ถ้าปรับขึ้นเป็น 400 บาทต่อวัน สถานประกอบการทุกแห่งก็จะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 20%

ดังนั้นเมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้น การรักษาภาวะต้นทุน หรือการควบคุมปริมาณรายจ่ายหรือค่าใช้จ่ายก็ต้องเข้มงวดขึ้น รัดกุมขึ้น มีการนำเทคโนโลยีและเครื่องทุ่นแรงมาใช้เยอะขึ้น ดังนั้นการลดค่าต้นทุนทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าขนส่ง เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการเรียกร้องมาโดยตลอด และมั่นใจว่าหากขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาทจริง หรือมีการปรับขึ้นเร็วๆ นี้แม้จะไม่ถึงวันละ 400 บาท กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก และธุรกิจเอสเอ็มอี จะได้รับผลกระทบหนักอย่างแน่นอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์

นายใหญ่เมินห่วงปมเศรษฐา

“ทักษิณ” ไม่ห่วง “เศรษฐา”  ปมศาล รธน. มั่นใจพา พท.กลับมาผงาดได้ ไม่ขอแตะ “ลุงตู่” หลังมีกระแสคิดถึง