ก.ก.เน่าเฟะทั้งข้อง ‘แจ้’แฉกก.บห.ป้องผช.ทุจริต ‘แจม’ซัดปูอัดจับแพะชนแกะ

“วุฒิพงศ์” มาตามนัด สาวไส้ต้นตอถูกขับออกจากก้าวไกล ย้ำเป็นเรื่องการเมืองเหตุขุดคุ้ยพฤติกรรมทุจริตของผู้ช่วย ส.ที่เกี่ยวข้องกับ กก.บห.คุมโซนตะวันออก ซัดอย่าปัดไม่ใช่สมาชิกเพราะอยู่มาตั้งแต่อนาคตใหม่ สส.แจ้ลั่นไม่ขออุทธรณ์กลับมติและยังไม่คิดเรื่องพรรคใหม่ “ทนายแจม” แจงแทนเหยื่อ ซัด “ไชยามพวาน” จับแพะชนแกะ อ้างจนเรียกความสงสารเห็นใจแต่มาคุกคามทางเพศ บอกทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจและการครองตนของผู้แทนราษฎรที่ดี “ศรีสุวรรณ” จัดหนัก “ปูอัด-ก้าวไกล” สร้างภาพแต่เน่าเฟะทั้งข้อง

เมื่อวันจันทร์ที่ 6 พ.ย. 2566 นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ซึ่งถูกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคในข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศ ได้แถลงข่าวพร้อมเปิดหลักฐานความขัดแย้งกับผู้ช่วย ส. ที่เป็นสัดส่วนของกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นเหตุให้พรรคมีมติขับออกว่า ครั้งที่แล้วที่พูดว่าเป็นเรื่องการเมืองและมีความเกี่ยวข้องกับผู้ช่วย ส.นั้น เพราะหลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลง มีผู้ช่วย ส.คนหนึ่งได้ตระเวนเดินสายร้องเรียนและแจ้งความตนในหลายกรณี เช่น การไลฟ์สดรักษาคะแนน หรือกระบวนการจัดทำไพรมารีโหวต จนกระทั่งการคุกคามทางเพศ ซึ่งผู้ช่วย ส.คนนี้ก็ได้พาผู้เสียหายเดินทางไปด้วย นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความไม่เป็นธรรม

นายวุฒิพงศ์แถลงต่อว่า การมีส่วนได้เสียหรือมูลเหตุจูงใจทั้งหมด ในการนำเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาพิจารณา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องการทุจริตในภาพลักษณ์รัฐสภา แม้กระทั่งผู้ช่วย สส.หรือทีมงานภายในพรรค การทุจริตถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ซึ่งตนเองทำงานในเรื่องมลพิษภายใน จ.ปราจีนบุรี มีโรงงานหลายแบบและเป้าหมายในการลงทุนอุตสาหกรรมบ่อกำจัดขยะขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกจะทำงานอย่างไร หากทีมงานผู้ช่วยในจังหวัดมีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์ โดยเมื่อวันที่ 24-25 ก.ค. 2566 ได้เดินทางไปยื่นเอกสารทุกอย่างให้ระดับ กก.บห.พรรคไปหมดแล้ว

“ผมไม่ทราบว่าเรื่องที่ผมทำไปเหยียบเท้า กก.บห.พรรคหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในพรรคก้าวไกล เราต้องไปตรงมากับเรื่องนี้ ซึ่งผมยึดถือมาตลอดในการทำการเมืองแบบใหม่โดยไม่ทุจริต” นายวุฒิพงศ์กล่าวและว่า ผู้ช่วย ส.คนนี้มีพฤติกรรมช่วยซื้อที่ดินแบ่งขายของตัวเอง 5 ไร่ ในมูลค่าประมาณ 3.5 ล้านบาท ซึ่งที่ดินบริเวณใกล้เคียงได้มีการจัดสรรให้แก่ครอบครัวและบ่อกำจัดขยะ

ทั้งนี้ นายวุฒิพงศ์ได้แสดงบันทึกข้อความและเสียงสนทนาการเจรจา พร้อมระบุว่าผู้ช่วย ส.ได้ให้สัมภาษณ์แฟนเพจที่เป็นขั้วตรงข้ามกับพรรค ก.ก.โจมตีตนเองด้วย และขอตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ช่วย ส.มีความสัมพันธ์พิเศษกับผู้เสียหายที่ร้องเรียนในกรณีคุกคามทางเพศหรือไม่ เพราะชาวบ้านในพื้นที่ก็ตั้งคำถามในเรื่องความผูกพันของทั้งคู่มามากกว่าปีครึ่งแล้ว

นายวุฒิพงศ์กล่าวอีกว่า ภายหลังออกจากพรรค ก.ก.แล้ว ก็ยังไม่มีการตั้งกรรมการทางวินัยขึ้นมาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน จึงต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ ไม่รู้ ไม่ทราบจริงๆ แค่ต้องการทำงานในจังหวัดให้มันเคลียร์ ไม่ทราบว่าเขาสนิทกับใคร หรือ กก.บห.ท่านใดที่ดูแลพื้นที่ในภาคตะวันออก

 “ผมไม่รู้ว่าเหยียบเท้า กก.บห.แรงขนาดไหน แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องเคลียร์ การทุจริตไม่ว่าหน่วยงานไหน ต่อให้ให้เป็นแค่ผู้ช่วยก็ควรสอบสวน และตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพราะเวลาผ่านมากว่า 4 เดือนแล้ว ไม่สามารถที่จะรอให้เป็นกระแสแล้วค่อยมาทำ ค่อยมาบอกว่าจะตั้งกรรมการวินัย ไม่ควรละเลยเรื่องทุจริต และไม่ควรพูดแบบนั้น เลิกปฏิเสธว่าผู้ช่วยท่านนี้ไม่ใช่ผู้ช่วย เพราะหลักฐานชี้ให้เห็นว่ามีความสนิทตั้งแต่ร่วมกันทำงานในอนาคตใหม่ ไม่ต้องการให้มีการปฏิเสธเช่นนี้” นายวุฒิพงศ์กล่าว

สส.แจ้ไม่ขออุทธรณ์

นายวุฒิพงศ์ยังได้แสดงภาพโปรโมตกิจกรรมสุราก้าวหน้า เรื่องเหล้าชาวปราจีน ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งไม่มีภาพของตนเอง พร้อมชี้ว่าเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มคุกรุ่นตั้งแต่ช่วงนั้น ต่อมาในวันที่ 17 ก.ย. ผู้ช่วย ส.ยังได้พาผู้ที่กล่าวหาว่าตนคุกคามทางเพศเข้ามา โดยพรรคใช้เวลาเพียงสัปดาห์เศษในการตั้งข้อกล่าวหาและตั้งกรรมการวินัย ซึ่งภายหลังจากตั้งกรรมการแล้วก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า กรรมการชุดนี้เป็นสัดส่วนของกรรมการบริหารคนนอก แต่ยืนยันว่าเป็นคนภายใน สุดท้ายตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันที่ 10 พ.ย.ที่ได้เข้าไปชี้แจง พรรคก็ได้มีการแถลงและมติขับออกจากพรรค เรียกว่าตั้งเอง ชงเอง แถลงเอง ออกมาตีเอง

 “ผมไม่ขอความเป็นธรรมใดๆ ที่จะอุทธรณ์ แต่จำเป็นต้องออกมาพูดเพื่อหยุดข่าวพวกนี้ และต้องการทำงานต่อ จึงขอพื้นที่ตรงนี้ เพราะไม่อยากให้มีกระบวนการเช่นนี้กับเพื่อนสมาชิกที่ยังไม่รู้ข้อมูลทั้งหมด ผมนิ่งมาสักพักแล้วก็ยังโดนตีอยู่ คุยด้วยเหตุผลตรงไปตรงมาดีกว่า” นายวุฒิพงศ์กล่าว

นายวุฒิพงศ์กล่าวย้ำอีกครั้งว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างกับศาลเตี้ย ไม่ต่างกับกระบวนการที่เรียกว่าพวกมากลากไป โดยลองค้นหาคำว่าฟ้องปิดปาก 50 ล้าน จะเจอผู้ช่วย ส.  เพราะเขาเคยค้านหลายที่ เพราะเมื่อค้านในกระบวนการจะมีภาคประชาสังคม เรื่องบ่อขยะนั้นมีขนาดใหญ่กว่าอาคารรัฐสภา 2 เท่า บ่อขยะที่มีเงินทุนมหาศาล มีนายทุนในพื้นที่ที่ตนเองกำลังชนกับกลุ่มทุน ซึ่งมีหลายเรื่องต้องพิจารณา กระอักกระอ่วนใจที่จะพูดตั้งแต่ต้น เมื่อเขาปล่อยแล้วยังตามทำลายเรา ก็เลี่ยงไม่ได้จึงต้องมาพูดในวันนี้

เมื่อถามว่า มีหลักฐานกล่าวหาว่ามีการรับผลประโยชน์ใดๆ จากกลุ่มทุนที่ให้ผู้ช่วย ส. หรือ กก.บห. บางคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ นายวุฒิพงศ์กล่าวว่า ขอไม่ลงรายละเอียด แต่ควรไต่สวนในเบื้องต้นก่อนในข้อมูลที่ให้ไป ซึ่งหลายอย่างควรมีกระบวนการวินัยเกิดขึ้น ที่น่าสังเกตคือถูกขับออกจากพรรคใช้เวลา 22 วัน แต่ในกระบวนการทุจริตพรรคเก็บไว้ใต้พรม รอให้แดงหรือรอให้ออกมาพูดก่อน ทั้งนี้การที่ออกมาพูดในวันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคแล้ว เกี่ยวกับเรื่องทุจริตของผู้ช่วย สส.ของ กก.บห.พรรค เพราะเคยได้แจ้งร้องเรียนไปแล้ว วันนี้ยังถูกเพิกเฉยอยู่

 “ผู้บริหารพรรคทักมาทางไลน์ขอให้ผมหยุดในเรื่องนี้ ผมก็บอกเลยว่าผมหยุดพูด แต่ขอให้พรรคให้เกียรติในการเดินหน้าทำหน้าที่ของผม ซึ่งพรรคเป็นองคาพยพขนาดใหญ่ และพรรคต้องมูฟออน ต้องพาพรรคเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกที่ถูกต้อง เรื่องกระแส เรื่องสื่อ เรื่อง Sexual Harassment ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ทั้งนี้ผู้บริหารพรรคได้มาหาผมหลังจากที่มีมติขับออกจากพรรค ซึ่งเรื่องที่ผมถูกขับออกจากพรรคทั้งก่อนหน้าและภายหลัง ผมยังไม่ได้รับคำชี้แจงในประเด็นที่ผมถูกขับเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเอกสารใดๆ รวมถึงการติดต่อจากพรรคแม้แต่ครั้งเดียว” นายวุฒิพงศ์กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่ระบุว่า ผู้ช่วย สส.หรือ สส.เกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งเข้าข่ายผิดจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะส่งเรื่องให้องค์กรอิสระหรือสภาตรวจสอบหรือไม่ นายวุฒิพงศ์กล่าวว่า ทราบว่านายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องดังกล่าวสามารถยื่นให้ กกต.ได้ อีกทั้งในประเด็นเรื่องการเมืองในแง่จริยธรรม ตามกระบวนการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะส่งถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ขณะนี้ยังไม่คิดดำเนินการ รวมถึงการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาด้วย แต่ต้องการให้พรรคดำเนินการ ส่วนประเด็นที่ถูกชี้ว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศนั้นได้ตั้งทนายแล้ว

 “ผมยืนยันว่าข้อมูลที่นำมาเปิดเผย ไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลกลับมติ หรือให้องค์กรใดสั่งให้พรรครับผมเข้าสังกัดพรรคอีก เพราะผมคิดว่าต้องออกมาแบบไม่หันหลังกลับไป และการเปิดเผยเรื่องนี้เพราะผมถูกตีไม่เลิก ถูกพาดพิงไม่หยุด ไม่ใช่เพราะต้องการโจมตีพรรค” นายวุฒิพงศ์กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองร้องต่อ ป.ป.ช.ให้สอบจริยธรรมร้ายแรง นายวุฒิพงศ์กล่าวว่า ยินดีเข้าสู่กระบวนการ

ถามว่า ขณะนี้ตัดสินใจเข้าสังกัดพรรคการเมืองใดแล้วหรือไม่ นายวุฒิพงศ์กล่าวว่า ยังมีเวลาและยังไม่ได้ตัดสินใจ เนื่องจากต้องสอบถามประชาชนในพื้นที่และทีมทำงานในพื้นที่ที่มี 10 ชีวิตด้วย เพราะพวกเขาต้องตามไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ โดยได้พูดคุยกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เพราะเป็นศิษย์สถาบันเดียวกัน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ เพราะยังมีเวลาถึง 30 พ.ย.

คาด 7 พ.ย.ทบทวนมติปูอัด

ด้านความเคลื่อนไหวของพรรค ก.ก.ซึ่งมีกำหนดการสัมมนาภายในที่ อ.แกลง จ.ระยอง ระหว่างวันที่ 6-8 พ.ย. คาดว่าจะมีการประชุมเพื่อทบทวนมติที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขลงโทษของพรรค ในข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ภายหลังจบการสัมมนาที่จะเริ่มขึ้นในวลา 10.00 น. ในวันที่ 7 พ.ย.นี้

ส่วน น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือทนายแจม สส.กทม. พรรค ก.ก. โพสต์เฟซบุ๊กการแถลงข่าวของนายไชยามพวานเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่มีเนื้อหากล่าวอ้างถึงความสัมพันธ์อันดีกับผู้เสียหายและครอบครัวของผู้เสียหายว่า ขอเป็นตัวกลางนำข้อโต้แย้งของครอบครัวผู้เสียหายแจ้งต่อสาธารณะ ดังนี้ 1.การที่นายไชยามพวานกล่าวว่า ครอบครัวของผู้เสียหายพาไปเลือกสูทและเนกไทเพื่อใช้ปฏิบัติหน้าที่ สส. แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีและความใกล้ชิดนั้น ครอบครัวผู้เสียหายชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะนายไชยามพวานพูดกับครอบครัวผู้เสียหายอยู่เสมอว่าไม่มีเงิน ครอบครัวของผู้เสียหายให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะเห็นว่านายไชยามพวานมีความตั้งใจเข้ามาทำงานการเมือง จึงต้องการมีส่วนร่วมสนับสนุน ไม่คาดคิดว่านายไชยามพวานจะมีพฤติกรรมคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศบุคคลในครอบครัวที่ร่วมทำงานด้วย

2.การที่นายไชยามพวานแถลงข่าว โดยพยายามสื่อข้อความถึงครอบครัวของผู้เสียหาย เห็นว่านายไชยามพวานกระทำโดยเล็งเห็นผลที่จะเปิดเผยว่าผู้เสียหายเป็นใคร การกระทำดังกล่าวถือเป็นการคุกคามและทำร้ายจิตใจของผู้เสียหายซ้ำ รวมถึงหมายจะทำร้ายจิตใจคนในครอบครัว คนรอบข้าง และคนที่รักผู้เสียหายด้วย และ 3.การที่นายไชยามพวานพยายามกล่าวอ้างว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เสียหาย โดยยกข้อความใดๆ ที่ผู้เสียหายส่งให้ผ่านแอปพลิเคชัน ครอบครัวของผู้เสียหายยืนยันว่า ข้อความดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าผู้เสียหายมีจิตปฏิพัทธ์ หรือมีความรู้สึกที่นอกเหนือจากการเป็นเพื่อนร่วมงานต่อนายไชยามพวาน แต่เป็นเพียงข้อความที่ผู้เสียหายเขียนและปรับส่งให้ทีมงานทุกคน เพื่อแสดงความขอบคุณและเป็นการรวบรวมกำลังใจในการทำงานต่อไป

 “การกล่าวอ้างของไชยามพวานทั้งหมดเป็นเพียงการจงใจจับแพะชนแกะ ยกรายละเอียดหลักฐานที่ไม่เกี่ยวข้องมาอ้างเพื่อเข้าข้างตนเอง ให้พ้นผิดจากข้อกล่าวหาการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศเท่านั้น ทั้งนี้ครอบครัวของผู้เสียหายขอยืนยันว่า การคุกคามหรือการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าในความสัมพันธ์รูปแบบใด เป็นเรื่องร้ายแรงและยอมรับไม่ได้ การเอื้อเฟื้อ การสนับสนุน หรือการมอบความใกล้ชิด หาใช่ใบอนุญาตให้ใครก็ตามกระทำการคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศบุคคลอีกฝ่ายได้” น.ส.ศศินันท์โพสต์

น.ส.ศศินันท์โพสต์ทิ้งท้ายว่า "พฤติกรรมเลวร้ายของนายไชยามพวาน ไม่เพียงทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของผู้เสียหายและครอบครัว หากยังทำลายหลักการครองตนของผู้แทนราษฎรที่ดี ที่นายไชยามพวานอวดอ้างว่าต้องการจะเป็น อย่างไม่เหลือชิ้นดี"

พี่ศรีจัดหนักก้าวไกล-ปูอัด

วันเดียวกัน ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้ยื่นหนังสือต่อ  ป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน และมีความเห็นว่าการกระทำของนายไชยามพวานเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ หลังพรรค ก.ก.ได้ประชุมและมีบทสรุปว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง ขัดต่อวินัยพรรคขั้นร้ายแรง จึงมีมติให้ตัดสิทธิพึงมีทั้งหมด และคาดโทษไปตลอดสมัยประชุมนี้ 

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า กรณีนี้เข้าข่ายขัดจริยธรรม สส.อย่างร้ายแรง ซึ่งหากวินิจฉัยว่าฝ่าฝืนก็จะได้ส่งให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา เพื่อเพิกถอนตำแหน่ง สส. ส่วนจะตัดสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิตหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล และก่อนหน้านี้ได้มายื่นกรณี สส.ปราจีนบุรีของพรรค ก.ก.ไปแล้วด้วย เพราะมองว่าทั้งสองกรณีขัดจริยธรรม สส.อย่างชัดเจน

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ฝากไปถึงพรรคการเมืองที่เตรียมจะรับ สส.ที่ถูกพรรคก้าวไกลขับออก เพราะมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ขอให้พิจารณาให้ดีว่าในข้อบังคับพรรคของตนเอง กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะมาเป็น สส.ไว้อย่างไร และขอให้ไปดูกฎหมายพรรคการเมืองปี 2560 กำหนดคุณสมบัติไว้อย่างไร ยืนยันว่าเรื่องนี้กัดไม่ปล่อยแน่นอน และหากท่านตัดสินใจรับอาจถูกร้องยุบพรรคได้

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า พรรค ก.ก.มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาหลายครั้ง เพราะ สส.ของท่านกระทำการฝ่าฝืนจริยธรรมหลายกรณี อย่างน้อยเท่าที่ร้องเรียนและตรวจสอบก็ 5-6 คนมาแล้ว ตั้งแต่ทะเลาะกันในร้านอาหาร เมาแล้วขับ มันสะท้อนให้เห็นว่า เวลาพรรคเหล่านี้ไปหาเสียงก็มักจะกล่าวอ้างโฆษณาชวนเชื่อ ว่าเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ มีความคิดก้าวไกล แต่ความคิดกับการกระทำมันกลับตรงกันข้ามกัน 

 “คิดไปไกล แต่การกระทำยังอยู่ใต้ตมอยู่เลย ดังนั้นผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งและประชาชนทั่วประเทศ รวมไปถึงเยาวชนควรมองให้รอบด้าน อย่าไปเพ้อหลงหรือติดกับในเชิงความคิด จากการที่เขาพยายามโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย เพราะรู้สึกว่าเขาจะเก่งเหลือเกินในการใช้โซเชียลมีเดียปลุกระดมความคิดของคน แต่อย่างไรความจริงก็คือความจริง และเมื่อความจริงปรากฏ มันก็จะเห็นรอยแผล ความเน่าเฟะเหม็นไปทั้งข้องแบบนี้” นายศรีสุวรรณกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้คืออะไร นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ในต่างประเทศหัวหน้าพรรคเขาประกาศลาออกเลยเมื่อเจอแบบนี้ แต่พรรคการเมืองในประเทศไทยของเราก็ทำเพียงแค่ตัดนิ้วร้ายทิ้ง แต่ตนเองก็ยังรอดตัวอยู่ในวงการการเมืองต่อไป ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณะ. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป