พท.ย้ำไม่มีนโยบายยุบกอ.รมน.

“เศรษฐา” ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ปมถูกหยามเป็นนายกฯ หุ่นเชิด “เพื่อไทย” ยันไม่เคยมีนโยบายยุบ  กอ.รมน. “สุทิน” โต้ปอดแหก แค่ยากในข้อกฎหมาย ด้าน “ก้าวไกล” วอนนายกฯ เปิดช่องเข้าไปถกในสภา “ศรีสุวรรณ” ยื่นกกต.ยุบพรรคการเมืองเจ้าของไอเดีย

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสื่อบางสำนักวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นนายกฯ หุ่นเชิด เพราะไม่กล้ายุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ว่า ก็ตามนั้น ชัดเจนอยู่แล้ว ตนว่าพูดและเขียนชัดเจนไปแล้ว ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ขออย่าให้ความสำคัญกันมากนักเลย ถ้ามีข้อสงสัยหรือข้อข้องใจอะไรตามที่ตัวตนของตนเป็นอยู่ แค่นั้นแหละ ไม่ได้ต้องการจะให้เกิดความขัดแย้งอะไร

นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความผ่าน X ถึงเรื่องนี้ว่า ประเด็นการสนับสนุนหรือไม่สนับสนุน นโยบายยุบ กอ.รมน. ทาง พท. ทั้งในช่วงก่อน ระหว่างหาเสียง หรือหลังจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงทั้งข้อตกลงในเอ็มโอยู ทางเราไม่เคยมีนโยบายสนับสนุนการยุบ กอ.รมน. ความตั้งใจของ พท. ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น สอดคล้องกับความต้องการในการบริหารประเทศของนายกฯ ที่ตั้งใจจะปรับปรุงพัฒนากองทัพให้ทันสมัยและมีความเป็นประชาธิปไตย ช่วยเหลือและเข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด

โฆษกพรรค พท.ยังกล่าวด้วยว่า ขออนุญาตกล่าวแทนนายกฯ โดยขอยืนยันว่า เราไม่ใช่หุ่นเชิดของใคร ไม่ได้ประนีประนอมกับอำนาจฝ่ายใดเพื่อความอยู่รอดทางการเมือง แต่บริหารงานและวางยุทธศาสตร์ทุกอย่างตามหลักประชาธิปไตย เพื่อประโยชน์อันสูงสุดของประชาชน อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นใน พท. และนายกฯ เราจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง และหากเราจะต้องบริหารประเทศโดยอยู่ภายใต้อำนาจใคร อำนาจเดียวที่เราจะยอมคืออำนาจของประชาชน

นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงกรณีเข้าใจผิดว่าสั่งให้ กอ.รมน.ทำไอโอว่า คนไปเข้าใจผิด เราพูดอีกแบบ คนไปตีความอีกแบบ เหมือนกับว่าตนไปเปิดไฟเขียวให้ กอ.รมน.ทำไอโอ ซึ่งนโยบายของ พท.ชัดเจนว่าเราไม่ยุบ กอ.รมน. แต่จะปรับเรื่องภารกิจ กำลังคน ให้กระชับ ไม่ทับซ้อน เมื่อปรับแล้วก็ดูผลต่อไปอีกสักระยะ อาจจะมาทบทวน ถ้าบริบทมันเปลี่ยนไปแล้วภารกิจไม่สอดคล้องจะยุบก็ค่อยว่ากัน แต่ระยะเวลานี้ยังไม่มี

เมื่อถามถึงกรณีที่ระบุว่า ไม่เป็นรัฐบาลไม่รู้ว่ายุบ กอ.รมน.ทำยากนั้น นายสุทินอธิบายว่า พูดทุกนโยบาย พูดรวมว่าคนที่ไม่ได้มาทำ ไม่ได้มาเป็นรัฐบาล คิดว่าทุกอย่างมันง่าย ทำอะไรก็ได้ก็พูดไป แต่คนมาอยู่ แล้วมาทำจริงๆ จะพบว่ามันมีอะไร ซึ่งไม่ง่ายอย่างที่คิด

เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้ป๊อดหรือเกรงกลัวใช่หรือไม่ นายสุทินปฏิเสธว่า ไม่ใช่ อะไรที่ทำได้เราทำอยู่แล้ว และเราไม่ได้กลัวอะไร แต่ข้อกฎหมาย ระเบียบ ปฏิบัติ แม้กระทั่งบุคลากร คนไม่ใช่เครื่องจักรและไม่ใช่วัตถุที่จับโยกหมุนเวียนจับตั้งได้ ซึ่งเป็นหลักทั่วไปของการบริหาร ดูแล้วที่บอกว่ายาก ยากในข้อกฎหมาย ไม่ได้กลัว  เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล  ผบ.เหล่าทัพ รมว.กลาโหม ชื่นมื่นหรือไม่ นายสุทินตอบว่า ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ถือว่าร่วมมือกันดี ทำงานร่วมกันได้ดี

รมว.กลาโหมยังกล่าวถึงการประชุมสภากลาโหมที่มีการตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบาย 6 ด้านว่า เป็นเจตนาของตน หลังจากที่เข้ามาทำงานประมาณเดือนกว่า นโยบายต่างๆ ได้มอบไปแล้ว ทุกคนขับเคลื่อนไป และทำมาได้ดี ถือว่าออกสตาร์ทดี แต่เพื่อเร่งให้แรงไม่ตก ไม่แผ่วปลาย เลยมีการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ดันต่อ บางนโยบายมีรายละเอียดมาก ต้องตัดสินใจร่วมกันกับหลายหน่วยงาน จึงนำหน่วยงานต่างๆ มาอยู่ในคณะนี้ คุยครั้งเดียวจบ ทำเป็นเวิร์กช็อป เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และจะสรุปผลงานทุก 6 เดือน โดยรอบนี้จะแถลงผลงานก่อนสิ้นปี

พล.ร.ต.ธนิตพงศ์ สิริเศวตศักดิ์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวเสริมว่า  สำหรับผู้ที่เป็นหัวหน้าคณะทำงานทั้ง 6 ด้าน มีดังต่อไปนี้ 1.คณะทำงานขับเคลื่อนปรับปรุงโครงสร้างหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ มี พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม เป็นหน้าคณะทำงาน 2.คณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาตรวจเลือกทหารกองประจำการและฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มี พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. เป็นคณะทำงาน 3.คณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสวัสดิการและกำลังพล มี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 4.คณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มี ผบ.ทสส.เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 5.คณะกรรมการการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ที่ดินในความครอบครองของกระทรวงกลาโหม มี ผบ.ทบ.เป็นคณะทำงาน และ 6.คณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ มีปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้าคณะทำงาน

วันเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงว่า พรรคก้าวไกลเห็นว่าประเทศกำลังเผชิญหน้าความมั่นคงรูปแบบต่างๆ ที่ต่างไปจากในอดีตมาก การอัดงบประมาณมากถึง 7.7 พันล้านบาทให้ กอ.รมน.ไม่สร้างประโยชน์อะไร แต่ควรมีองค์กรลักษณะอื่นมาทำหน้าที่โดยอาศัยความคิดพลเมืองนำในการรับมือภัยคุกคามต่างๆ ซึ่งองค์กรที่พัฒนา และยกระดับศักยภาพได้ในลักษณะนั้นคือสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งได้งบประมาณเพียง 200  กว่าล้านบาทต่อปีเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริง สมช.ต้องดูภาพรวมภัยคุกคามทุกรูปแบบของประเทศ

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ  ได้เคยพูดคุยในชั้นกรรมาธิการ ว่าควรมีคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อศึกษาประเด็นดังกล่าว พร้อมมอบหมายให้นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.ความมั่นคงฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะมีองค์กรที่ทำหน้าที่ด้านความมั่นคงแทนที่ รวมไปถึงการจัดทำรายงานเหตุผลที่นำไปสู่การยุบ กอ.รมน. โดยรายงานที่จะทำขึ้นมาจะเป็นการศึกษาอย่างรอบด้าน เพื่อนำเสนอสู่ชั้น กมธ. ก่อนส่งต่อให้สภาพิจารณา เพื่อส่งต่อไปที่รัฐบาลตามลำดับต่อไป หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วรัฐบาลเศรษฐาจะศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง

“แม้ครั้งหนึ่งพรรคก้าวไกลจะเคยมีข้อตกลงกับอดีตหัวหน้าพรรค พท.ว่า การยุบ กอ.รมน.จะเป็นหนึ่งในพันธสัญญาที่รัฐบาลจะต้องทำให้ได้ แต่เสียดายที่วันนี้นายกฯ ที่ได้เป็น ผอ.รมน. กลับไม่สนใจศึกษากรณีการยกเลิก กอ.รมน.ให้รอบด้านอีกต่อไป แต่แม้รัฐบาลจะไม่ให้ความสำคัญแล้ว พรรคก้าวไกลยังคงยืนยันที่จะผลักดันเรื่องนี้ต่อไป และจะนำเสนอเข้าสู่สภาให้ได้ ซึ่งในฐานะที่เป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน จะต้องได้รับการรับรองจากนายกฯ ก่อนถึงจะเข้าสู่สภาได้" นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อวันศุกร์ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้ตรวจสอบ เอาผิดต่อพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีแนวคิดในการออกกฎหมายยุบ กอ.รมน. โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า พฤติกรรมของนักการเมืองที่เสนอให้ยกเลิก กอ.รมน. อาจจะเข้าข่ายเรื่องการทำลายระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มิได้ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ อาจมีความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 92 (2) เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองดังกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)