มติสีดำคนไม่เท่ากัน พลังหญิงก้าวไกลเฉ่งยับผลสอบส.ส.หื่นขับ‘แจ้’แต่อุ้ม‘ปูอัด’

วิจารณ์กระหึ่ม! มติ "ก้าวไกล" พิจารณา 2 สส.หื่น ขับ "วุฒิพงศ์"  สส.ปราจีนบุรีพ้นพรรค เหตุใช้อำนาจปกปิดความผิด "ไชยามพวาน" สส.กทม.โดนแค่คาดโทษ ตั้งเงื่อนไข "ยอมรับผิด-ขอโทษสังคม-เยียวยาผู้เสียหาย" เรื่องจบ "พลังหญิง ก.ก." แห่เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ดำประท้วงเงียบ "ช่อ-พรรณิการ์" จี้ "สส.ปูอัด" โชว์สปิริตลาออก "ไอติม" ออกตัวไม่ได้ล็อบบี้ป้องพวกพ้อง ยันยกมือโหวตขับออกทั้งคู่ "โรม" การันตีวงประชุม สส.ใช้ดุลพินิจตัดสินไร้เส้นสาย "ปิยบุตร" ซัดแกนนำพรรคเงียบกริบจนบานปลาย "สส.แจ้" โวยมติรุนแรงเกิน เชื่อเป็นเรื่องการเมือง

มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องตลอดวันที่ 2 พ.ย. ภายหลังจากพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ประชุมร่วมกันของกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรค ตั้งแต่เวลา 17.00 น. และเสร็จสิ้นเวลา 23.30 น. เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อหาข้อยุติกรณีเรื่องร้องเรียนกล่าวหา สส.มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ได้แก่ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม

โดยนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค ก.ก. แถลงมติการประชุมว่า คณะกรรมการบริหารพรรคเห็นว่าทั้ง 2 กรณีมีความผิดจริง และมีมติให้ขับออกจากพรรคก้าวไกล ตามรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ในการที่จะขับสมาชิกพรรคให้พ้นจากพรรคจะต้องอาศัยเสียง 3 ใน 4 ของ สส. และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งจากผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 128 คน ผลจากการพิจารณาในที่ประชุมร่วมเห็นตรงกันว่า ทั้ง 2 กรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง และขัดต่อวินัยของพรรคอย่างร้ายแรง โดยโทษสูงสุดสำหรับกรณีนี้คือขับให้พ้นจากสมาชิกพรรค และโทษรองลงมาคือตัดสิทธิ์พึงมีทั้งหมด รวมถึงการคาดโทษตามแต่กรณี

ผลการลงมติของที่ประชุมร่วมมีมติให้นายวุฒิพงศ์ออกจากพรรคก้าวไกล ด้วยมติ 120 เสียง สำหรับกรณีนายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่เห็นควรให้ขับออกจากสมาชิกพรรค 106 เสียง แต่เนื่องจากว่าเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ซึ่งคือ 116 เสียงของจำนวนคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.ที่มีอยู่ ก็เท่ากับว่าไม่สามารถมีมติที่จะขับนายไชยามพวานออกจากพรรคได้ แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรจะตัดสิทธิ์พึงมีทั้งหมด และให้คาดโทษไปตลอดสมัยประชุม หากมีพฤติกรรมใดๆ ที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศอีก จะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นว่านายไชยามพวานจะต้องออกมายอมรับผิด ขอโทษต่อสังคม และขอโทษต่อผู้เสียหายทั้งหมด รวมถึงจะต้องชดเชยเยียวยาตามที่ผู้เสียหายต้องการ หากนายไชยามพวานยืนยันว่าตนเองไม่ได้กระทำผิด ไม่ยินดีที่จะขอโทษต่อผู้เสียหาย และไม่ยินดีที่จะชดใช้ความผิดของตนเอง ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรคก้าวไกลร่วมกันอีกครั้งเพื่อมีมติต่อไป

ถามว่าอาจจะมีข้อสงสัยว่า อีกคนนึงขับออกจากพรรค แต่อีกคนหนึ่งไม่ขับออกจากพรรคนั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า เราประชุมกันนานมาก คณะกรรมการวินัยคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.ของพรรค เห็นตรงกันว่า สส.ทั้งสองคนมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง และผิดวินัยร้ายแรง แต่เมื่อกระทำความผิดก็มีบทลงโทษหลายระดับ

"กรณีนี้จะเห็นว่านายไชยามพวานแม้จะเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แต่เจ้าตัวจำเป็นจะต้องออกมายอมรับผิด และขอโทษรวมถึงเยียวยาผู้เสียหาย และมีข้อถกเถียงกันมากในที่ประชุม ซึ่งต่างจากกรณีนายวุฒิพงศ์ ที่เห็นตรงกันเกือบทั้งหมดว่ามีการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่บทบาท ตั้งแต่เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส. มาจนถึงการเป็น สส. และเป็นการใช้อำนาจโดยไม่ชอบในการคุกคามทางเพศ และพยายามที่จะใช้อำนาจของตนเองในการปกปิดความผิด จึงทำให้ สส.จำนวนหนึ่งเห็นว่ามาตรการในการลงโทษรุนแรงแตกต่างกัน ซึ่งในกรณีการขับออกจากพรรคของนายวุฒิพงศ์นั้น ไม่ใช่เป็นการตัดหางปล่อยวัด แต่ทำตามบทลงโทษของพรรคเท่าที่ทำได้" นายชัยธวัชกล่าว

หัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นบทเรียนของพรรค ถ้าหากใช้บทบาทหน้าที่และอำนาจของตนเองไปมีพฤติการณ์ในการคุกคามทางเพศ แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าไม่ได้เกิดการบังคับขืนใจ ไม่เกิดการปฏิเสธและดูเหมือนจะเป็นการยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย แต่กรณีนี้จะชี้ให้เห็นว่าการยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่ายไม่ได้เป็นการยินยอมพร้อมใจอย่างแท้จริง แต่เกิดขึ้นภายใต้อำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน

พลังหญิงจี้ สส.หื่นลาออก

เมื่อถามว่า มติของที่ประชุมเห็นตรงกันว่าละเมิดจริยธรรมร้ายแรงทั้งคู่ ทางพรรคจะมีการขอให้ 2 คน ออกจาก สส. เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่แทนสำหรับโควตา สส.ใหม่หรือไม่ หัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของทั้ง 2 ท่าน บางครั้งการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นเรื่องที่พึงทำ

 “ผมเชื่อมั่นว่าแม้คนที่จะทำผิด หากแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง สังคมพร้อมให้โอกาส และการรับผิดชอบทางการเมืองไม่จำเป็นต้องรอให้ข้อเท็จจริงยุติ อย่าคิดว่าการรับผิดชอบทางการเมืองเป็นการยอมรับผิด ผมสนับสนุนหากคนที่ถูกกล่าวหาพร้อมที่จะรับผิดชอบทางการเมือง ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายทางการเมืองที่ดี” หัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าว

ต่อมามีความเคลื่อนไหวของสมาชิกหญิงพรรค ก.ก. ต่อมติที่ประชุมให้ขับนายวุฒิพงศ์ออกจากสมาชิกพรรค เนื่องจากถือเป็นการผิดวินัยร้ายแรง และมีมติคาดโทษนายไชยามพวานไว้ก่อน เนื่องจากเสียงในที่ประชุมไม่ถึง 3 ใน 4 จึงไม่สามารถขับพ้นจากสมาชิกพรรคได้ แต่มีเงื่อนไขให้มีการยอมรับผิด ขอโทษสังคม และเยียวยาผู้เสียหาย

โดยสมาชิกพรรคที่เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ออกแสดงความคิดเห็น เวลา 23.41 น. วันที่ 1 พ.ย. คือ น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย สก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล และรองโฆษกสภา กทม. ซึ่งได้โพสต์ข้อความจากวิดีโอที่นายชัยธวัชให้สัมภาษณ์บนแอปพลิเคชัน x ระบุว่า "หน้าด้าน ไม่มีความละอายแก่ใจ เป็นคนให้ได้ก่อนค่อยเป็นผู้แทนประชาชน @chaiyamparwaan" พร้อมแท็กถึงแอคเคาต์ของนายไชยามพวานด้วย ทั้งนี้ น.ส.ภัทราภรณ์ได้มีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นสีดำในเวลาต่อมา

จากนั้น น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์  หรือทนายแจม สส.กทม. พรรคก้าวไกล ได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นภาพสีดำ และโพสต์รูปภาพจากซีรีส์เกาหลีเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีข้อความในภาพระบุว่า “อาชญากรรมทางเพศ ไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาล้อเล่นนะ” และโพสต์ข้อความอีกครั้ง ในเวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 2 พ.ย. ระบุว่า “เมา ไม่ใช่ consent เมา ไม่ใช่ consent เมา ไม่ใช่ consent”

น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความบนแอปพลิเคชัน x ในเวลา 10.41 น. วันที่ 2 พ.ย. ระบุว่า “คณะกรรมการวินัย คณะกรรมการบริหาร #พรรคก้าวไกล มีมติว่าคุณทำผิดวินัยร้ายแรง คุกคามทางเพศ ที่ประชุมร่วม สส. และกรรมการบริหาร ก็โหวตขับคุณถึง 106 เสียง จาก 128 เสียง ขาดเพียง 10 เสียงก็จะขับออกได้ตามกฎหมาย ถึงขนาดนี้แล้ว ดิฉันขอเรียกร้องให้ สส.ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค”

เช่นเดียวกับ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ในเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 2 พ.ย. ตอนหนึ่งระบุว่า “ตัวไอซ์โหวตให้ขับออกทั้งสองกรณีค่ะ ไอซ์ชอบเรื่องที่ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ (ขออภัยที่เอ่ยนาม) ได้ยกตัวอย่างในที่ประชุม คือเรื่อง สส. ญี่ปุ่น ที่ยังอยู่ในอาการมึนเมาแล้วไปอภิปรายในสภา พอมีคนทักท้วงเรื่องนี้ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาสืบสวนสอบสวนหรือรอให้เรื่องเข้าสู่การพิจารณา สส. ท่านนั้นรู้อยู่แก่ใจตัวเองว่าผิด จึงรับผิดชอบด้วยการลาออก นี่คือมาตรฐานเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมของ สส.ท่านนั้น"

น.ส.รักชนกระบุอีกตอนหนึ่งว่า ถึงแม้ผิดหวังในมติ แต่ไอซ์ก็พยายามอย่างถึงที่สุดเท่าที่คนคนนึงจะสามารถพยายามได้ ที่จะเข้าใจว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเองและไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนต้องรับผลร่วมกัน ในที่ประชุมหารือได้มีข้อตกลงกันว่าในกรณีที่มีมติไม่ขับ จะต้องให้ผู้กระทำสำนึกผิด ขอโทษสังคม ขอโทษต่อเหยื่อและเยียวยาเหยื่อ ไอซ์ก็ขอตั้งตารอดู ว่าคำขอโทษจะออกมาจากใจจริงๆ หรือจะเป็นแค่การแสดงอีกฉาก ที่ทำเพื่อให้รอดตัวไป และระหว่างที่รอผู้กระทำผิดแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและเหยื่อ (เรียกว่าแสดงความรับผิดชอบได้ไหมนะ) ไอซ์จะขอหยุดร่วมกิจกรรมกับพรรค หยุดร่วมกิจกรรมกับเพื่อนสมาชิกในพรรค กิจการในโควตาและขอลาป่วย เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บในหลักการ จนกว่าจะมีการแถลงรับผิดและขอโทษเหยื่ออย่างจริงใจของผู้กระทำ

'ไอติม' ยันไม่ได้ป้องพวก

ส่วน น.ส.ภัสริน รามวงศ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความบนแอปพลิเคชัน x ในเวลา 11.44 น. วันที่ 2 พ.ย. ระบุว่า จากกรณี สส.พรรคก้าวไกลมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ กานต์ยืนยันเสมอว่าการคุกคามทางเพศไม่สามารถยอมรับได้ทุกกรณี เป็นการกระทำที่ไม่มีความรับผิดชอบและขาดการยั้งคิด ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งต่อผู้เสียหายและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทำให้ประชาชนผิดหวังและกังขาต่อหลักการของพรรค กานต์รู้สึกผิดหวังอย่างมากต่อมติที่ออกมา

"ขอเน้นย้ำให้ผู้กระทำว่าเรื่องนี้ยอมรับไม่ได้ และโหวตขับคุณออก ดังนั้นจึงขอให้ผู้กระทำใช้สามัญสำนึกและความละอายใจพิจารณาอีกครั้งว่าควรลาออกด้วยตัวเองหรือไม่ อย่าเป็นคนขี้ขลาดที่หลบอยู่เบื้องหลังตัวเลขที่ตนสามารถใช้เอาตัวรอด การแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้แทนคนเป็นสิ่งที่ต้องทำ" สส.กทม.รายนี้ระบุ

ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม โฆษกพรรค ก.ก. โพสต์เฟซบุ๊กอธิบายการลงมติดังกล่าว ตอนหนึ่งว่า เมื่อมีข้อเสนอดังกล่าวรัฐธรรมนูญ 2560 ได้กำหนดไว้ว่าการขับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเป็นการลงมติในที่ประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมการบริหารพรรค โดยการลงมตินั้นจะต้องได้รับเสียง 3 ใน 4 ของจำนวน สส. และกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ (ไม่ใช่แค่ที่มาประชุม) ซึ่งจะอยู่ที่จำนวน 116 เสียง จาก 154 เสียง

ผลที่ปรากฏจากการลงมติของ สส. และกรรมการบริหารพรรคที่มาร่วมประชุมทั้งหมด 128 คน 1.กรณี สส.วุฒิพงศ์ ทองเหลา (ปราจีนบุรี) 120 คนลงมติให้ขับออก จึงทำให้การขับออกเกิดขึ้นได้ (เนื่องจากมากกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน 4) 2.กรณี สส.ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ (กทม.) 106 คนลงมติให้ขับออก จึงทำให้การขับออกยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ (เนื่องจากน้อยกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน 4)

"ผมเข้าใจดีว่า สส.ในที่ประชุมคนแต่ละคนได้อภิปรายและลงมติบนข้อตกลงร่วมกันว่าจะไม่มีการเปิดเผยความเห็นหรือการลงมติรายบุคคล แต่ล่าสุดมีบางเพจที่ได้กล่าวหาว่าผมเป็น 1 ใน สส.ที่ลงมติไม่เห็นชอบกับการขับออกคุณไชยามพวาน รวมถึงกล่าวหาว่าผมรวบรวมเสียงให้คนโหวตไม่เห็นด้วยกับการขับออกเพื่อปกป้องพวกพ้อง เนื่องจากผมรู้จักกับคุณไชยามพวานมาก่อนที่เขาจะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ผมถือว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่อยู่บนข้อเท็จจริง และเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ผมจึงจำเป็นต้องชี้แจงความจริง" นายพริษฐ์กล่าว

โฆษกพรรค ก.ก.ได้ชี้แจง 5 ข้อ โดยที่น่าสนใจอยู่ที่ข้อ 3 ระบุว่า 3.ในที่ประชุมเมื่อวานที่คณะกรรมการวินัยและกรรมการบริหารพรรคได้มีการรายงานข้อเท็จจริงต่อ สส.ทุกคน เพื่อเปิดให้มีการอภิปรายความเห็นก่อนจะลงมติ ผมก็ได้ลุกขึ้นอภิปราย โดยมีประเด็นที่สำคัญว่า (i) ในมุมมองของผม การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่มีความผิดที่ชัดเจน คือการมีความสัมพันธ์กับทีมงานของตนเอง เพราะไม่ว่าสถานการณ์เฉพาะหน้าดูเหมือนจะมีการยินยอมหรือไม่ แต่ในเมื่อทั้งสองอยู่ใน “ความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน” ที่ฝ่ายหนึ่งสามารถให้คุณให้โทษอีกฝ่ายหนึ่งได้ในหน้าที่การงาน ดังนั้นจึงไม่สามารถถูกตีความได้ว่าเป็น “ความยินยอม” ที่แท้จริง (ii) หากตระหนักว่ากระทำผิดดังกล่าว ทางออกที่ควรจะเป็นคือการที่ผู้กระทำผิด แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยที่ไม่ต้องรอให้มีกระบวนการวินิจฉัยลงโทษอย่างเป็นทางการ และ 4.ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงเป็น 1 คนที่ลงมติเห็นด้วยกับการขับออกคุณไชยามพวาน ซึ่งเป็นการลงคะแนนแบบเปิดเผยที่เพื่อนๆ สส.ทุกคนรับรู้ และเป็นการตัดสินใจบนหลักการและเหตุผลที่ผมยึดถือ

วุฒิพงศ์โวยเรื่องการเมือง

อย่างไรก็ตาม นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. กล่าวว่า กรณีที่พรรคมีมติใน 2 กรณี ซึ่งมีบทลงโทษแตกต่างกันนั้นไม่ใช่ประเด็นของการช่วยเหลือหรือใช้เส้นสาย เนื่องจากใน 2 กรณีที่เกิดขึ้นไม่สามารถนำข้อเท็จจริงเสียบแทนกันได้ อีกทั้งหลังจากการพิจารณาจากรายงานของคณะกรรมการวินัยของที่ประชุม สส. ซึ่งรับฟังนานกว่า 5 ชั่วโมง  การตัดสินของ สส.จึงเป็นไปตามดุลยพินิจในประเด็นที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่การช่วยกัน และไม่มีประเด็นการเมืองภายในพรรค

 “ทุกคนใช้ดุลยพินิจพิจารณาในข้อเท็จจริงต่างๆ และใช้เวลา 5 ชั่วโมมงเพื่อรับฟัง แม้หลังมติพรรคที่ออกมาจะมี สส.บางคนไม่เห็นด้วยด้วยใช้สัญลักษณ์เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กเป็นสีดำ ถือเป็นสิทธิแสดงความเห็นได้ พรรค ก.ก.เป็นพรรคการเมืองที่มีความหลากหลาย ซึ่งประเด็นที่เกิดขึ้นผมไม่ห่วงและเป็นประเด็นในระยะยาวที่ต้องทำความเข้าใจและรณรงค์ในเรื่องความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นทั้งภายในพรรคและสังคมภายนอก” นายรังสิมันต์กล่าว

ถามว่า มีการมองเป็นการตัดสินที่สองมาตรฐานและถูกเปรียบเทียบว่าเพราะสส.ไม่มีเส้น นายรังสิมันต์กล่าวว่า ไม่ใช่เส้นสาย เพราะกระบวนการของพรรคคือ เมื่อมีการพิจารณาและชี้ว่าเป็นความผิดชัดเจน การตัดสินว่าจะลงโทษสถานใดนั้นขึ้นอยู่กับที่ประชุมของ สส.จะกำหนด

วันเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความผ่าน X ถึงเรื่องดังกล่าวตอนหนึ่งว่า ผลมติที่ออกมาวันนี้นับว่าน่าผิดหวัง (แน่นอนส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญไปบังคับว่าต้องใช้จำนวนถึง 3 ใน 4 ของจำนวน สส.และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งถือว่าสูงมาก) แต่เรื่องแบบนี้ เมื่อทั้งคณะกรรมการวินัยของพรรค และทั้งคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติว่ามีการกระทำความผิดร้ายแรงแล้ว หาก สส.ผู้ถูกร้องรู้จักมาตรฐานใหม่ในทางการเมืองอยู่บ้าง รู้จักความรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย พรรค เพื่อน ส.ส.คนอื่น ผู้สนับสนุนพรรค และสังคมอยู่บ้าง คิดถึงตำแหน่งหัวโขนที่พึ่งได้มาอย่าง สส.ให้น้อยลงบ้าง สส.ผู้ถูกร้องก็ควรแสดงความรับผิดชอบ โดยไม่ต้องมาถึงวันนี้ที่พรรคต้องใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ที่ประชุม สส.ต้องมาลงมติ

"ทั้งหมดนี้ คือ ผลพวงจากการไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ไม่กล้ายอมรับผิด ไม่กล้าแสดงความรับผิดชอบ" นายปิยบุตรระบุ

ขณะที่ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรค ก.ก. ระบุว่า รู้สึกผิดหวัง เพราะมีมติรุนแรงที่สุด การขับออกหมายถึงเรากระทำผิด แต่กระบวนการภายนอกไม่เห็นมีการดำเนินการ คิดว่ากระบวนการวินัย สส. ต้องเป็น สส.ก่อน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น มิ.ย.65 ตอนที่ตนยังเป็นคนทำงาน ไม่ใช่ผู้สมัคร สส.ด้วยซ้ำไป

ถามว่ามติพรรคแตกต่างกับนายไชยามพวาน นายวุฒิพงศ์กล่าวว่า ตนอาจเป็น สส.ภูธร เป็น สส.พื้นที่ทำงานหนัก มีเพื่อนเกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อมมาก แต่ไม่มีเพื่อนที่ทำงานเชิงการเมือง เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง สำหรับนายไชยามพวาน ต้องการกระบวนการสอบสวนภายนอก ไม่ได้ต้องการเข้าสู่กระบวนการพรรค สส.หลายคนอึดอัด และความจริงหน้าที่ของสส.คือร่างกฎหมายและผลักดันกฎหมาย

"ผมเคยเสนอให้ใช้กระบวนการความยุติธรรมภายนอก แต่พรรคใช้กระบวนการภายใน หากผมไม่ถูกกับกรรมการบริหาร (กก.บห.) บางคน หรือเพื่อน สส.บางคนไม่ถูกกัน เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ใช่หรือไม่".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รทสช. หวั่นซ้ำรอย 'ยาดองมรณะ' จ่อชง กม. 'สุรารวมไทย' ประกบ 'สุราก้าวหน้า'

'ธนกร' เผย 'รทสช.' จ่อชงร่างกฎหมาย 'สุรารวมไทย' ต่อสภา ประกบ 'สุราก้าวหน้า' พรรคประชาชน ชี้ต้องยึดหลักไม่สุดโต่ง ชูอัตลักษณ์ชุมชน-ท้องถิ่น ผู้บริโภคปลอดภัย หวั่นซ้ำรอยเคสยาดองมรณะ

ช่วยนักโทษติดคุกหมด เสรีพิศุทธ์ถอนตัวงัดหลักฐานมัดแก๊งชั้น14/ปชป.มีมติร่วมรบ.

"นายกฯ อิ๊งค์" อารมณ์ดีนัดสื่อให้สัมภาษณ์เรื่องการเมือง 30 ส.ค. "ภูมิธรรม" มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล หลังดึง