กกร.หวั่นสงครามบานปลายกระทบราคาพลังงานดีดตัว หั่นเป้าส่งออกติดลบ 2% ยังลุ้นจีดีพีโตเท่าเดิม หนุนเงินดิจิทัลผ่านแอปเป๋าตังกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะแจกให้ทันสงกรานต์ปีหน้า ชี้เลื่อน ก.ย.67 อาจช้าไป
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย ว่า สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสเป็นปัจจัยเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจโลก สงครามส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานในตลาดโลก หากสงครามรุนแรงและขยายวงกว้างไปถึงประเทศที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งสูงแตะระดับ 140-150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ อย่างไรก็ตาม หากอยู่ในวงจำกัด คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะยังอยู่ต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะกระทบ 0.1-0.3% เท่านั้น
ขณะที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากสงครามจะผ่านช่องทางการค้า การท่องเที่ยว และราคาพลังงานยังไม่มากนัก ไทยมีการค้ากับอิสราเอล ปาเลสไตน์ และประเทศรอบข้างเพียง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือต่ำกว่า 0.3% ของการค้าระหว่างประเทศ และมีนักท่องเที่ยวราว 2 แสนคนต่อปี หรือต่ำกว่า 1% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่หากขยายวงกว้าง อาจกระทบกับการค้ากับตะวันออกกลางโดยรวม ซึ่งคิดเป็น 4% ของการส่งออกของไทยและกระทบกับต้นทุนนำเข้าพลังงาน ซึ่งเป็นภาระการคลังและค่าครองชีพของผู้บริโภค
ทั้งนี้ กกร.จึงปรับประมาณการยอดส่งออกของปี 2566 จากเดิมคาดว่ายอดส่งออกจะอยู่ที่ -2.0 ถึง 0.5% ลงไปอยู่ที่ -2.0 ถึง -1.0% แต่ยังคงกรอบประมาณการเศรษฐกิจ (GDP) ไว้ที่เติบโต 2.5 ถึง 3.0% ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ที่ 1.7 ถึง 2.2% ขณะเดียวกันต้องจับตาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นชะลอลง กำลังซื้อของครัวเรือนไทยเริ่มแผ่วลง ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มอยู่ที่ 28-29 ล้านคน น้อยกว่าประมาณการเดิมที่ 29-30 ล้านคน อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายมาตรการยกเว้นการขอวีซ่านักท่องเที่ยวเพิ่มเติมให้กับอินเดียและไต้หวันในช่วงไฮซีซั่น รวมทั้งแรงหนุนจากมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนของภาครัฐ จะช่วยประคองเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้
“ที่ประชุม กกร.มีความเห็นว่า ประเด็นด้านสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ มีผลกระทบด้านเศรษฐกิจโลกให้เผชิญกับความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งอาจมีผลต่อการส่งออกในระยะข้างหน้า ส่วนด้านสินค้าส่งออกหลักของประเทศไทย คือสินค้าเกษตรและยานยนต์ ยังมีแนวโน้มขยายตัวในช่วงที่เหลือของปี แต่ที่ประชุม กกร.มีความกังวลต่อค่าเงินบาทที่อยู่ในทิศทางอ่อนค่า แม้ว่าสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ แต่เป็นปัจจัยกดดันให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล จากความเสี่ยงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้น” นายสนั่น กล่าว
อย่างไรก็ตาม กกร.ขอบคุณรัฐบาลที่ได้มีมาตรการลดค่าครองชีพและต้นทุน ผู้ประกอบการ ทั้งค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน ในช่วงที่ผ่านมา กกร. หวังว่ารัฐบาลจะเดินหน้าปรับปรุงโครงสร้างต้นทุนพลังงานของประเทศในระยะยาว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีข้อเสนอเพิ่มเติมต่อนโยบายรัฐบาล ดังนี้ 1.กกร.เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อช่วยประคับประคองกำลังซื้อภายในประเทศ และควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายและผลลัพธ์ที่คาดหวังให้ชัดเจนในการเข้าร่วมโครงการ และควรใช้ระบบเดิมที่มีเสถียรภาพ ปลอดภัย และประชาชนมีความคุ้นชิน
2.ในส่วนของนโยบายการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ กกร. เห็นว่าเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับสูง และผู้ประกอบการยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว จึงควรพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้สอดคล้องตามสภาพเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ โดยใช้กลไกของคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีของแต่ละจังหวัดเป็นหลัก รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานตามทักษะ เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับแรงงานควบคู่ไปกับประสิทธิภาพแรงงาน
"การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ใช้ระบบเดิมที่เสถียร ปลอดภัย ประชาชนคุ้นชิน เน้นต่อยอดไม่ลงทุนซ้ำซ้อนคือกระเป๋าตัง และส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อประโยชน์โดยรวมโดยเห็นว่าควรจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือน เม.ย.2567 เพราะหากเลยไปเป็นเดือน ก.ย.2567 อาจช้าไป เพราะเศรษฐกิจไทยต้องการกระตุ้นอย่างแรง รวมทั้งอยากให้พิจารณากลุ่มเป้าหมายที่จะต้องแจกให้ประชาชน โดยโฟกัสกลุ่มที่จำเป็น และผ่านแอปเป๋าตังของธนาคารกรุงไทย ที่เป็นธนาคารภายใต้การกำกับของรัฐบาล มีประชาชนลงทะเบียนไว้แล้วในอดีตจะช่วยลดระยะเวลา ไม่ต้องลงทุนด้านดิจิทัลที่รัฐบาลได้พูดไว้ และช่วยให้เม็ดเงินกระจายให้สินค้าที่ผลิตในประเทศ ช่วยเม็ดเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจประเทศ” นายสนั่นระบุ
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า กกร.สนับสนุนเงินดิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ในรายละเอียดโดยเฉพาะวงเงินที่จะได้มาคงเป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะต้องทำความเข้าใจ
รวมทั้งเห็นด้วยที่จะเร่งออกมาในช่วงต้นปีนี้และเริ่มใช้ได้ในเดือน เม.ย.2567 ส่วนแนวทางอยากให้ใช้ผ่านแอปเป๋าตังของรัฐบาลก่อนหน้านี้ เพื่อต่อยอดการพัฒนาที่นอกจากจะลดต้นทุนแล้วยังจะสามารถทำได้รวดเร็ว เพราะมีระบบเดิมรองรับอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองภาครัฐตนก็เข้าใจว่าการจะวัดระดับคนรวยคนจนนั้นจะเอาอะไรมาวัด เพราะคนรวยก็ยังอยากได้เงินอยู่ ถ้าเงินกว่า 5 แสนล้านบาท หมุนเข้าระบบก็ควรออกแบบให้รัดกุม เพื่อที่จะประหยัดเงินได้มาก โดยจะกระชากแรงก็จะต้องออกแบบให้รัดกุม การปรับมาใช้ดิจิทัล กำหนดพื้นที่และชนิดสินค้าได้ ดังนั้น จึงต้องปิดจุดอ่อนเดิมและที่กำหนดการใช้จ่ายใน 6 เดือน ต้องการให้เกิดอิมแพกต์จริง เพื่อให้เครื่องติดได้ ส่วนเม็ดเงินจะเอามาจากไหน กกร.ตอบไม่ได้ เพราะไม่ใช้หน้าที่ กกร. โดยรัฐบาลจะต้องทำการบ้านให้ตอบโจทย์และต้องถูกกฏหมาย ซึ่ง กกร.สนับสนุนโดยเก็บข้อมูลตามรัฐบาลเดิมและทำต่อยอดได้
ทั้งนี้ ต้องขอบคุณรัฐบาลที่ได้พิจารณาลดค่าครองชีพประชาชนด้วยการปรับลดค่าไฟฟ้าและน้ำมัน แต่ต้องการเห็นความยั่งยืนที่จะทำให้เกิดการแข่งขันของประเทศที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่อินโดนีเซีย อยู่ที่ 2.30 บาทต่อหน่วย ส่วนเวียดนาม 2.70 บาทต่อหน่วย ในขณะที่ไทยอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย ดังนั้นจึงควรปรับมาอยู่ในอัตราที่ใกล้กับเพื่อนบ้าน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"
อิ๊งค์สนอง‘พ่อแม้ว’ ลุยปราบแก๊งโกงล้างบางมาเฟีย/โต้สนธิปั่นMOU44ลงถนน
"นายกฯ อิ๊งค์" โชว์ภาพแฟ้มกองโตเต็มโต๊ะส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
เปิดศูนย์ปีใหม่ 10วันอันตราย ดื่ม-ง่วงไม่ขับ
นายกฯ เรียก ผบ.ตร.หารือ ห่วงปีใหม่ ปชช.เดินทางกลับภูมิลำเนาปลอดภัย
30บาทรักษาทุกที่เฟส4 เริ่ม1ม.ค.ลดแออัดรพ.
นายกฯ คิกออฟ 30 บาทรักษาทุกที่ เฟส 4 ครอบคลุมทั่วไทย 1 ม.ค.68
ชงปลดล็อกโซลาร์รูฟท็อป มติกพช.ชะลอซื้อพลังงาน
นายกฯ มอบ "พีระพันธุ์" นั่งหัวโต๊ะถก คกก.นโยบายพลังงาน
กกต.ปลุก‘กปน.’ จับโกงเลือกอบจ. พท.ทุบพรรคส้ม
กกต.ติวเข้มวิทยากรเตรียมพร้อมเลือกตั้ง อบจ. กำชับ 3 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดหีบต้องทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ