‘โรม’นำถก‘บิ๊กทิน’ ฝากดูIOเป็นพิเศษ ขอข้ามหัวกองทัพ

"โรม" นำ กมธ.มั่นคงถวายราชสักการะ ร.5 ก่อนถก "บิ๊กทิน" ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เปิดผลการหารือฝากดู IO เป็นพิเศษ ถ้าเป็นไอโอดำ-ไอโอเทาถือเป็นการด้อยค่า สร้างมลทินให้ศัตรูทางการเมือง ไม่อาจยอมรับได้ ขออนุญาตข้ามหัวกองทัพ "ผมมีเบอร์โทร.ส่วนตัวของพี่สุทินอยู่แล้ว"

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. โฆษก กมธ.และคณะ เดินทางยังสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนศรีสมาน เพื่อเข้าพบนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

เมื่อเดินทางมาถึง นายรังสิมันต์ได้นำคณะ กมธ.ฯ ไปไหว้สักการะหอพระพุทธไตรเสนากลาโหมพิทักษ์ ก่อนที่จะถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ประจำสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

ก่อนที่นายรังสิมันต์จะให้สัมภาษณ์ว่า การเดินทางมาในวันนี้ถือเป็นหนึ่งในแนวทางของคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ซึ่งที่ผ่านมาเราเข้าพบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของเรา เช่นกระทรวงยุติธรรม วันนี้มีประเด็นหลายเรื่องที่จะมาหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และชายแดนเมียนมา ที่มีปัญหาเรื่องของการค้ามนุษย์ รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพ ที่กำลังมีเรื่องของเรือดำน้ำที่จะเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกต ตลอดจนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เช่นการเกณฑ์ทหาร โดยเราไม่ได้จำกัดว่าคำถามจะเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ เราอยากจะเข้าใจกองทัพมากขึ้น ซึ่งมองว่าหากเรามีความเข้าใจ จะได้สื่อสารให้ประชาชนได้เข้าใจ ถึงทิศทางความมั่นคงของประเทศว่าเป็นเช่นใด และอยากที่จะมาสนับสนุน งานของกระทรวงกลาโหม ให้ปฏิบัติภารกิจอย่างมีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพ

"เชื่อว่าวันนี้เราจะมีความเข้าใจที่ดีต่อกัน และช่วยกันทำงานเพื่อแก้ปัญหาในอนาคตข้างหน้า หากมีเรื่องใดเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นก็จะใช้วิธีการโทร.หา โดยไม่จำเป็นต้องไปที่สภาฯ เพราะค่อนข้างที่จะหาเวลาตรงกันยาก ยกหูหากันได้เลยจะได้แก้ปัญหาได้ทันการณ์ ไม่ต้องมาทำหนังสือเชิญหลายขั้นตอน โดยเฉพาะปัญหาชายแดน ถือเป็นปัญหาที่ท้าทายเรื่องของความมั่นคงประเทศเรามาก ก็จะใช้โอกาสนี้เรียนรู้ร่วมกัน ทำความรู้จักและสนับสนุนการทำงานร่วมกัน"

ถามว่า เรื่องของเรือดำน้ำจะมาทวงถามแต่ข้อที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้สอบถามนายสุทินไปก่อนหน้านี้หรือไม่ นายรังสิมันต์ตอบว่า คงไม่ได้มาถามแทนใคร แต่ คณะกรรมาธิการจากหลายพรรคไม่ได้จำกัดคำถาม และเชื่อว่าต้องมีเรื่องของเรือดำน้ำ ซึ่งเราก็ต้องให้โอกาสกระทรวงกลาโหมชี้แจง รวมถึงวิธีคิด เพราะจากเดิมที่เป็นเรือดำน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นฟริเกต คงต้องสะท้อนถึงวิธีคิด และมุมมองด้านความมั่นคงว่าเปลี่ยนไปหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวในฐานะประธาน กมธ.สนใจในเรื่องมุมมองด้านความมั่นคง ที่บอกว่าต้องมีเรือดำน้ำ โจทก์ของเราคืออะไร และวันนี้มาบอกว่าประเทศไทยไม่เอาเรือดำน้ำแล้ว แสดงว่าโจทย์เปลี่ยนไปหรือไม่

นอกจากนี้ ตนยังอยากทราบเรื่องของการเกณท์ทหาร ว่าสถานะการเกณฑ์ทหารอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่จะได้ร่วมพูดคุย

"การมาวันนี้อย่าเรียกว่ามาตรวจสอบ แต่ให้มองว่าเป็นการมาแนะนำตัวและทำงานร่วมกัน เราคาดหวังให้มีการทำงานที่สร้างสรรค์เพื่อสนับสนุนซึ่งกันและกัน" นายรังสิมันต์กล่าว

ส่วนเรื่องปฏิบัติการ IO ถ้ามีเวลาก็จะพูดคุย วันนี้จะพยามพูดให้ครบทุกประเด็น เชื่อว่าจะมีการตั้งคำถามแน่นอน

ด้านนายปิยรัฐระบุว่า วันนี้ กมธ.มาพูดคุยเรื่องกิจการชายแดน งานความมั่นคงด้านยาเสพติด การค้ามนุษย์ รวมถึงความห่วงใยแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศทั้งเกาหลีใต้และอิสราเอล

เชื่อว่าประธานคณะกรรมาธิการอย่างนายรังสิมันต์ จะมีคำถามที่เตรียมไว้เช่นการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และการจัดซื้ออาวุธยุทธโทปกรณ์ รวมถึงประเด็นปัญหาการจัดหาเรือดำน้ำ และ IO กองทัพ กอ.รมน.

ต่อมาหลังการหารือ นายสุทินแถลงข่าวว่า กระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงไปหลายประเด็น รวมถึงเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน โดย กมธ.ความมั่นคงให้ข้อเสนอแนะว่า กระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพควรจะปรับอะไร ซึ่งเราก็รับได้ และถือว่าเป็นประโยชน์ และจะหาแนวทางในการปฏิบัติต่อไป

ด้านนายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องขอบคุณ รมว.กลาโหม ซึ่งเราได้ประโยชน์และมีหลายคำถาม ทั้งเรื่องที่ดินของกองทัพ และได้รับคำอธิบายที่ดี และ รมว.กลาโหมก็ให้ทิศทางที่ชัดเจน สุดท้ายก็ต้องไปใช้วันแมปเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อน ซึ่งชาวบ้านที่อยู่มาก่อน จะได้เอกสารสิทธิ์ ที่จะมีโอกาสดำเนินชีวิตต่อไป ส่วนใครที่ไม่ได้อยู่มาก่อน ได้สิทธิ์การเช่าที่เป็นช่องทางในการทำมาหากิน ก็เห็นทิศทางที่ดี

ส่วนปฏิบัติการไอโอนั้น กองทัพก็ให้คำสัญญาโดย นายสุทินได้พูดเองว่าจะกวดขัน จะไม่ให้มีปฏิบัติการไอโอ ตนคิดว่าเป็นสัญญาณเชิงบวก

"ผมได้ฝากเรื่องไอโอไว้เป็นพิเศษ ที่ไม่อยากให้มีผลกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งคณะกรรมาธิการของเราหลายคน ที่มีประสบการณ์ของไอโอ เราก็พยายามที่จะอธิบายว่ามีผลกระทบอย่างไร ก็คงต้องติดตามกันต่อไป ว่าสุดท้ายการแก้ปัญหาจริงๆ แล้วจะได้ประมาณไหน คณะกรรมาธิการเราก็ไม่ได้กำหนดระยะเวลา แต่ก็ให้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเราก็ไม่ได้หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาโดยทันทีหรือไม่ ด้วยบรรยากาศคงไม่ขนาดนั้น แต่เมื่อผ่านไปซักระยะหนึ่งเราก็คงไปติดตามในการทำงาน"

ทั้งนี้ ไม่อยากจะพูดว่าการทำไอโอหนักขึ้นหรือเบาลง เพียงแต่ว่าเราเห็นการหยิบยกการพรีเซนต์ของผู้บัญชาการทหารเรือ ซึ่งก็ได้รับคำชี้แจงมาว่าไม่ได้ด้อยค่าใคร ซึ่งเราก็คาดหวังว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ถ้าจะเป็นในลักษณะการประชาสัมพันธ์เราเข้าใจ แต่ถ้าเป็นในลักษณะที่เป็นไอโอดำหรือไอโอเทา คือเป็นการด้อยค่าสร้างมลทินให้ศัตรูทางการเมือง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราไม่อาจยอมรับได้ เราก็เลยฝากกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยท่านก็เลยรับปากกับเราว่าจะคุยกันในเรื่องนี้

ส่วนปัญหาเรือดำน้ำยังอยู่ในกระบวนการและมีข้อแลกเปลี่ยน เข้าใจว่ากองทัพเข้าใจความกังวลใจของสังคมต่อเรื่องนี้ และวันนี้เราเห็นทิศทางที่ยังอยู่ในกระบวนการเจรจา ซึ่งตนในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคง ได้เสนอว่า ภาคส่วนสังคมเข้าใจสุดท้ายในเรื่องของเรือดำน้ำ หากไม่ได้เครื่องยนต์ของเยอรมัน เราก็อาจจะใช้รูปแบบหาอาวุธประเภทอื่นที่ไม่เกินกรอบวงเงินทดแทน

นายรังสิมันต์ยังระบุอีกว่า กระทรวงกลาโหมยังยืนยันถึงความจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ ถือเป็นภารกิจที่สำคัญและมีความจำเป็นที่จะต้องมีในอนาคต ก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องนี้เพื่อ กมธ.ความมั่นคงจะได้เข้าใจมากขึ้น

พร้อมยอมรับอีกว่า เรื่องเรือดำน้ำที่ได้มาพูดคุยนี้เข้าใจว่าเป็นเรื่องยาก ซึ่งอาจจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เข้ามา แต่เราก็ได้เสนอแนะไปแล้ว โดยนายสุทินกล่าวว่าจะให้มีผลกระทบน้อยที่สุด ทั้งนี้ยังอยู่ในกระบวนการเจรจา

สำหรับการเกณฑ์ทหาร ได้เห็นทิศทางเชิงบวกว่ากองทัพต้องการที่จะลดจำนวนทหารเกณฑ์ ซึ่งในอนาคตเราคาดหวังจะไม่มีการเกณฑ์ทหารอีกต่อไป แต่ความท้าทายสำคัญก็คือเรื่องความยั่งยืน ซึ่งต้องฝาก รมว.กลาโหม ซึ่งตนเชื่อว่าพี่สุทินทำได้แน่นอน ซึ่งเราน่าจะมีความใกล้ชิดกันในเรื่องของทิศทางความมั่นคง

"ผมต้องขออนุญาตใช้บริการกองทัพโทร.หารวดเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนต่อไป ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีต่อไปแน่นอน เพราะผมมีเบอร์โทร.ส่วนตัวของพี่สุทินอยู่แล้ว"

ในขณะที่นายสุทินย้ำว่า ได้สั่งให้รวบรวมเบอร์โทร.ของผู้แทนเหล่าทัพที่เกี่ยวข้องกับงานด้านต่างๆ ให้ กมธ.ความมั่นคง เพื่อใช้เป็นอีกช่องทางในการประสานงาน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน.ขนทัพใหญ่ หาเสียงทิ้งทวน! หวังปักธง‘สีส้ม’

“ปชน.” ปูพรมโค้งสุดท้าย ขนทัพใหญ่ดาวกระจาย 6 สายทั่วพื้นที่ “ปิยบุตร” ขอโอกาสปักธงสีส้ม “พิธา” เชื่อคะแนนยังสูสี พรรคประชาชนมีโอกาสพลิกชนะ