หมดสิ้นภาวะผู้นำ ! โซเชียลถล่ม‘เศรษฐา’น่าอนาถพินอบพิเทา‘แพทองธาร’

ไทยโพสต์ ๐ “ภูมิธรรม” ยัน “เศรษฐา”   ชม “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ ได้สบาย ไม่มีนัย แต่ยอมรับความจริงว่าเหมาะสม ชี้หัวหน้าพรรคทุกคนมีโอกาสเป็นนายกฯ   ปัดภาพจูบมือเป็นการส่งไม้ต่อ แค่แสดงความชื่นชม ขณะที่โซเชียลฯ ถล่มหนัก  น่าอนาถมาก เหน็บหอมกลิ่นความเจริญ บันเทิงไทย

     เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้สบายๆ ว่า ไม่มีนัยอะไร แต่ถือเป็นความจริงที่มีความเหมาะสม และเมื่อขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว หัวหน้าพรรคทุกคนก็มีโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยมองว่าความพร้อมของ น.ส.แพทองธารมีครบถ้วน ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรีพูดเช่นนี้ ก็เป็นความจริงที่ น.ส.แพทองธารก็มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ และทุกคนก็รู้สึกเช่นนั้น

     ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการส่งสัญญาณว่านายเศรษฐาจะอยู่ไม่ครบ 4 ปีหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า สามารถคิดได้หลายอย่าง อาจจะอยู่ครบ 4 ปีแล้ว น.ส.แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีต่อก็ได้ พร้อมย้ำ น.ส.แพทองธารมีความพร้อม เมื่อได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ทั้งในด้านคุณสมบัติ ประสบการณ์ทำงาน การหาเสียง ทุกอย่างก็พร้อมหมด ทั้งนี้ไม่ถึงขั้นที่จะต้องแบ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนละ 2 ปี เพราะไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้น แต่เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำงานมากกว่า

     เมื่อถามว่า ภาพที่ปรากฏ นายเศรษฐาจูบมือตามธรรมเนียมต่างชาติ หลังได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นการส่งสัญญาณหรือส่งไม้ต่ออะไรหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า แล้วแต่จะตีความ แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นการแสดงความชื่นชมและเคารพซึ่งกันและกัน   ยืนยันไม่ได้มีนัยอะไร

     ซักว่าเมื่อ น.ส.แพทองธารเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว จะนำพาพรรคไปเป็นพรรคอันดับหนึ่งในใจประชาชนได้อย่างไร รองนายกฯ ชี้แจงว่า ด้วยความพร้อมและประสบการณ์ของ น.ส.แพทองธารมีมากกว่าคนอื่น

     ถามอีกว่า จะนำพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าได้หรือไม่นั้น นายภูมิธรรมยืนยันว่า ทุกการเลือกตั้งเราก็มั่นใจ อยู่ที่ความพร้อมของทุกฝ่าย และวันนี้เราก็พร้อมแล้วที่ น.ส.แพทองธาร จะมาเชื่อมต่อคนระหว่างวัย ให้สามารถทำงานได้มากขึ้น

     ด้านนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคได้จัดขบวนทัพผลัดใบ เอาคนรุ่นใหม่วัยทํางานมารับผิดชอบพรรค ซึ่งพรรคมีดีเอ็นเอของพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนที่มีนโยบายใกล้ตัวประชาชน ดังนั้น ถ้าเราทำนโยบายให้เหมือนกับในอดีต ความศรัทธาที่ประชาชนจะมีต่อพรรคเราจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน การจะทวงคืนพรรคอันดับ 1 ของประเทศจึงไม่ไกลเกินความคิด

     ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าคนรุ่นใหม่ที่ขึ้นมาบริหารพรรค จะช่วยยกระดับพรรคด้านใดได้บ้าง นายอดิศรตอบว่า คนรุ่นใหม่ก็ไม่ใช่ว่าจะทิ้งคนรุ่นเก่า เพราะคนรุ่นเก่าก็ยังเป็นที่ปรึกษาในพรรคอยู่ พรรค พท.เป็นพรรคของคนทุกรุ่น แต่รุ่นที่จะออกไปสู่แนวหน้าคือรุ่นของ น.ส.แพทองธาร เชื่อว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาของ น.ส.แพทองธาร มีความเหมาะสมในการทำหน้าที่นําพรรค พท.

ไม่ซ้ายหรือขวาสุดโต่ง

     ถามว่าคนรุ่นใหม่ของพรรค พท. จะสู้พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้หรือไม่ นายอดิศรกล่าวว่า เรามีนโยบายของเรา ไม่อยากให้เอาไปเปรียบเทียบ เพราะคนรุ่นใหม่ของเรามีวิถีของเขา ไม่ซ้ายหรือขวาสุดโต่ง เรามีประสบการณ์ เพราะเป็นพรรคที่ถูกกระทำมากที่สุดตั้งแต่อดีต บุคลากรถูกตัดสิทธิ์มากมาย บทเรียนเหล่านี้ทำให้เราคิดว่าการจะไปข้างหน้าได้ ต้องมีสิ่งแวดล้อมที่เป็นองคาพยพของประเทศไทยไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่ว่าไปสุดโต่งไม่เอาอะไรเลย แต่ต้องมาจับเข่าคุยกัน ได้เวลาที่คนทุกรุ่นจะต้องเดินไปด้วยกัน

     เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธารจะสามารถลบคำสบประมาทว่าได้รับตำแหน่งเพราะนามสกุลได้หรือไม่ นายอดิศรกล่าวว่า คนที่วิพากษ์วิจารณ์คือคนที่ไม่ชอบเรา ใครขึ้นมาเขาก็ด่าอยู่แล้ว อย่าไปใส่ใจกับคนไร้สาระ เราก็ทำงานของเราในนามพรรค พท.อยู่ตลอด ไม่ได้สนใจกับปฏิกิริยาคนที่ตอบโต้พรรค คนพวกนี้อิจฉาตาร้อน

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ภาพการแสดงออกของนายเศรษฐา ที่ไหว้คารวะและก้มหัวจูบไปที่มือของ น.ส.แพทองธารนั้น ไม่สมศักดิ์ศรีนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

     อาทิ ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์นิด้า โพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์ว่า "เห็นภาพคนเป็นนายกปฏิบัติกับแพทองธาร ดูไม่เหมาะกับการดำรงตำแหน่งอย่างยิ่ง ลาออกไปเสียเถอะ อยู่ไปยิ่งทำให้ศักดิ์ศรีของตำแหน่งดูด้อยลง"..."น่าอนาถมาก"

     ส่วนนายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ในเฟซบุ๊ก "เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค" ว่า ใครใหญ่กว่านายกฯ ไปพบผู้นำรัสเซีย ก็แสดงกิริยากระสับกระส่าย กระวนกระวาย ลุกลี้ลุกลน อันบ่งบอกถึงความกลัว การยอมจำนนต่ออำนาจที่เหนือกว่า ก่อนจะเจรจาสำเร็จด้วยซ้ำ นี่หรือภาวะผู้นำของท่านผู้นำ

     อยู่เมืองไทยก็แสดงกิริยาที่บ่งบอกถึงอาการเดียวกัน ตัวเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นนายกฯ ซึ่งใหญ่ที่สุดทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิและตำแหน่งหน้าที่ แต่ก้มหัวให้เด็กผู้หญิง ที่อ่อนทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิและตำแหน่งหน้าที่ นี่หรือภาวะผู้นำของท่านผู้นำ

     หรือว่านางผู้นี้มีสิ่งที่เหนือกว่า ซึ่งนั่นก็คือการเป็นลูกสาวเจ้าของพรรค กิริยาแบบนี้ จะบ่งบอกว่า นายกรัฐมนตรีของไทย ปฏิบัติหน้าที่ “เพื่อไทย” หรือเพื่อ “พรรคเพื่อไทย” กันล่ะ? คำตอบอยู่ที่ภาพนี้ว่า นายกรัฐมนตรีเพื่อไทย ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้อำนาจหรือยอมศิโรราบต่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือไม่ ?

     ไปเจรจาความเมืองกับต่างชาติ ก็แสดงกิริยาศิโรราบต่อผู้นำต่างชาติ อยู่เมืองไทยก็แสดงกิริยาศิโรราบต่อผู้นำไทย ผู้นำไทยที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่เป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย ส่วนนางพญาผู้นี้ยิ่งใหญ่เกินจะคาดเดา เพราะตอนเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก็ใหญ่กว่าหัวหน้าพรรค ด้วยภาพการก้มหัวคารวะของหัวหน้าพรรคต่อหัวหน้าครอบครัวของพรรรค พอขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ก็ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรีที่เป็นคนของพรรค ด้วยภาพนายกรัฐมนตรีก้มหัวคารวะหัวหน้าพรรค หอมกลิ่นความเจริญ บันเทิงไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ช่วยนักโทษติดคุกหมด เสรีพิศุทธ์ถอนตัวงัดหลักฐานมัดแก๊งชั้น14/ปชป.มีมติร่วมรบ.

"นายกฯ อิ๊งค์" อารมณ์ดีนัดสื่อให้สัมภาษณ์เรื่องการเมือง 30 ส.ค. "ภูมิธรรม" มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล หลังดึง