"เศรษฐา" ส่งสัญญาณปรับแผนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต หลังผู้ว่าฯ แบงก์ชาติแนะควรเจาะจงกลุ่มเดือดร้อน สั่งหานิยามคำว่าคนรวย ยืนกรานจ่ายรวดเดียวเพื่อกระตุ้น ศก. ยังไม่นัดวันถกบอร์ดใหญ่ดิจิทัล เดินสายปาฐกถานักธุรกิจ ปลุกต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย “จุลพันธ์” รับแจก 1 หมื่นดีเลย์แน่นอน เตรียมชงนายกฯ เคาะ 3 เกณฑ์ตัดผู้ไม่ได้รับสิทธิ์ยึดตามรายได้ ปรับพื้นที่ใช้จากรัศมี 4 กม.เป็นภายในอำเภอ เคาะใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นหลัก แจงตัดช่องกู้ออมสินส่อขัด กม.
ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ วันที่ 25 ต.ค. เวลา 10.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.การคลัง) ร่วมปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เร่งเครื่อง...ติดสปีดเศรษฐกิจไทย” และมอบรางวัลสุดยอด CEO ประจำปี 2023
นายเศรษฐากล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งระบุว่า ในสภาวะของบ้านเมืองที่เปราะบางต้องการการช่วยเหลือจากทุกๆ ภาคส่วน ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจีดีพีประเทศไทยเติบโตต่ำมาก เฉลี่ยปีละ 1.8% หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นจาก 10 ปีที่ผ่านมาจาก 76% เป็น 90% สูงสุดเป็นอันดับท็อปเทนของโลก นี่คือที่มาที่ไปทำไมเราต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ รัฐบาลนี้ไม่ได้ทำแค่ประชานิยมหรือแค่เพื่อการซื้อเสียง รวมไปถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
"การเติบโตจีดีพีโตมา 1.8% ซึ่ง 10 ปีที่ผ่านมาบ่งบอกอะไรหลายอย่าง เราเป็นประเทศที่พัฒนา แต่เราล้าหลังประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าเราไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ผ่านนโยบายต่างๆ ที่เราได้แถลงไปแล้ว เชื่อว่าเราจะไม่สามารถทัดเทียมได้ เราไม่ใช่ดูแค่ดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว หากใครสามารถให้เห็นว่าคนรวยไม่ควรได้ วัดด้วยอะไรผมยินดีรับฟัง และตอนนี้กำลังพิจารณารัศมีการใช้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคด้วยกัน ไม่ใช่งบผูกพันนโยบายต่างๆ ที่ใช้คำว่าประชานิยม แม้ผมจะไม่ชอบคำนี้ บางงบประมาณผูกพันปีหนึ่งหลายแสนล้าน และผูกพันระยะยาว อันนี้เป็นนโยบายประชานิยม รัฐบาลรับคำแนะนำและคำติชม แต่ขอให้ท่านคิด 1.8% ภายใน 10 ปีที่ผ่านมาในขณะที่ประเทศอื่นเขาพัฒนาไปไกลมาก เราไม่ใช่มีนโยบายประชานิยมอย่างเดียว" นายเศรษฐากล่าว
จากนั้นนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการประชุมพิจารณาข้อสรุปการแจกเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่เมื่อไหร่ว่า ยังไม่ทราบ ต้องถามนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง
ถามว่าได้มีการกำหนดไทม์ไลน์ไว้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้บอกกลับจากต่างประเทศแล้วจะมีการพิจารณา นายเศรษฐากล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ได้มีการคุยเบื้องต้น โดยทีมงานได้คุยกับทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อจะหาวิธีการปรับแต่งเติมตามที่ทุกภาคส่วนได้มีคำเสนอให้มา ซึ่งตนต้องขอเจอก่อน
'เศรษฐา' หานิยามคนรวย
"ที่บอกว่าคนรวยไม่ควรจะต้องได้รับตรงนี้ ใครจะบอกว่าใครคือคนรวย และคนรวยคือใคร ผมรับฟังอยู่แล้วว่าจะมีการปรับตรงนี้ ก็กำลังจะหาคำจำกัดความที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่ายว่า คำว่าคนรวยคืออะไร และน้อมรับคำแนะนำของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้วว่าควรที่เจาะจงมากขึ้น บางภาคส่วนที่ไม่เดือดร้อนก็อาจจะไม่ต้องรับตรงนี้ ต้องรับฟังความเห็น" นายเศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่า สามารถเอาฐานข้อมูลของแอปเป๋าตังเดิมนำมาใช้ได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ได้ครับ ได้อยู่แล้ว
ซักว่า ยืนยันจะไม่กู้เงินใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ตามที่บอกไป เมื่อถามว่าข้อเสนอที่อยากให้รัฐบาลทบทวนเรื่องการจ่าย เป็น 3 งวดดีกว่าจ่ายงวดเดียว ตรงนี้จะนำมาพิจารณาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า พิจารณาแล้ว แต่คงจะไม่เอา คงจ่ายรวดเดียว เพราะมันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินใหญ่ จะได้ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แท้จริง
ถามว่า ขณะนี้มีดรามาเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ออกตัวในเรื่องนี้ เท่าที่ซาวเสียงในที่ประชุมมีความเห็นอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มีใครมีปัญหานี่ครับ พรรคร่วมยังหนุนครับ
พอถามถึงกรณี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ออกมาระบุโครงการดิจิทัลวอลเล็ตถึงทางตัน อาจจะขัดต่อกฎหมาย จังหวะนี้นายเศรษฐาได้มองหน้าผู้สื่อข่าวที่ถามด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่ไม่ตอบคำถามใดๆ เมื่อถามว่านายกฯไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ครับ เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีหลายคนร้องเรียนองค์กรอิสระเรื่องนโยบายดังกล่าว คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นอุปสรรคในการบริหารประเทศหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ก็ต้องชี้แจง องค์กรอิสระก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำหน้าที่ของเขา ตนก็มีหน้าที่ที่จะต้องชี้แจง
ซักว่ามีแผน 2 ในการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ผมไม่ได้มีแผนสอง แต่มีเป็น 10 แผนเลยครับ เคยกล่าวไปแล้วหลายๆ แผน คุณก็ฟังอยู่ก็รู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยกระดับเกษตรไทย เรื่องการบริหารจัดการน้ำ หลายๆ แผนมีเยอะ”
เมื่อถามว่า ดูแนวโน้มอาจจะเลื่อนจาก 1 ก.พ.67 ไปอีก นายเศรษฐากล่าวว่า ก็กำลังดูอยู่ ซักว่าจะทันสงกรานต์นี้หรือไม่ หรือไปไตรมาสแรกนี้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า จะพยายามทำให้เร็วที่สุด เมื่อถามว่าในเรื่องของเม็ดเงินที่จะนำมาใช้ จะใช้วิธีการออกพระราชกำหนดหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า เดี๋ยวขอประชุมก่อน เพราะคำถามนี้มาเยอะเหลือเกิน ถ้าพูดไปเดี๋ยวจะเกิดความสับสนอีก
นายเศรษฐากล่าวถึงกรณีเรียกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) เข้าหารือและได้ขอดูนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา รวมทั้งการอยากเห็นควิกวินที่กำหนดว่า 3 เดือนจะเกิดอะไรขึ้นบ้างว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ได้มีการพูดคุยกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย และมาเน้นกับ ครม.ของพรรค พท.อีกครั้งหนึ่งว่า ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีมากและหลายนโยบาย ซึ่งแต่ละกระทรวงก็สามารถที่จะแสดงผลงานออกมาได้
ถามถึงการทำงาน 8 สัปดาห์ที่ผ่านมาของรัฐบาล คิดว่ารัฐมนตรีได้ทำงานและมีความพยายามอย่างเต็มที่แล้วใช่หรือไม่ในการเดินหน้าทำงาน นายกฯกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน ขอเก็บไว้ก่อนแล้วกัน แต่ก็หวังว่าทุกท่านจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ แต่ถ้าไม่เดินหน้าอย่างเต็มที่ก็เป็นหน้าที่ของตนที่ต้องมาบริหารจัดการให้เขาเดินหน้ากันอย่างเต็มที่
จากนั้นเวลา 15.00 น. นายเศรษฐา เดินทางไปที่โรงแรม The Athenee กรุงเทพฯ เพื่อกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานประชุมสามัญประจำปีของคณะนักธุรกิจจากหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “Thailand’s Trajectory : The Future is Bright”
ปลุกต่างชาติลงทุนไทย
นายเศรษฐากล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก รวมทั้งพร้อมส่งเสริมการมีส่วนร่วมเชิงรุกของไทยกับมิตรระหว่างประเทศ รัฐบาลได้ดำเนินการในการผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับนานาประเทศไปแล้วบางส่วนในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UN General Assembly: UNGA) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยสหรัฐถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของไทย และยังเป็นอันดับ 3 ในด้านการลงทุน ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเพิ่มตัวเลขเหล่านี้ให้มากขึ้นในปีต่อๆไป
นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในการลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ในประเทศไทยว่า เวลานี้ประเทศไทยเปิดแล้ว ถือเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้ามาลงทุน ตนมาในวันนี้เพื่อมาให้ความมั่นใจและสบายใจ มีอะไรบ้างที่เราจะดูแลเรื่องสิทธิพิเศษ เพื่อให้เขาไม่ต้องห่วงว่าถ้ามาลงทุนที่นี่เราจะดูแลทุกอย่างทั้งระบบการศึกษาและสาธารณูปโภค ส่วนในเรื่องการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ตนได้พูดในเวทีด้วยว่าเรามีมาตรการสนับสนุนในการประกอบรถยนต์อีวีอย่างต่อเนื่อง แต่เราต้องดูแลพาร์ตเนอร์เก่าอย่างรถสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่รถสันดาปในรอบหลาย 10 ปีที่ผ่านมา
ถามว่า จากการที่เข้ามาเป็นนายกฯและรู้ข้อมูลเรื่องเศรษฐกิจดี คิดว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะขยับตัวในช่วง 2-3 เดือนนี้ไปในทิศทางอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ในช่วง 2-3 เดือนนี้อาจจะพูดลำบาก เพราะยังอยู่ในช่วงสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส แต่ก็ต้องดูอย่างใกล้ชิด ซึ่งเราทำอย่างเต็มที่ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว และเราจะต้องดูว่าสงครามที่เกิดขึ้นจะมีการขยายตัวหรือไม่ ถ้าไม่มีการขยายตัวช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ไฮซีซั่น ก็จะสามารถช่วยเศรษฐกิจได้ดี
ด้านนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงสำคัญในการที่จะประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล เพื่อให้นโยบายของรัฐบาลเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด โดยชี้แจงว่านโยบายของรัฐบาลนั้นเป็นอย่างไร เราต้องทำความเข้าใจให้เยอะ โดยเฉพาะเรื่องของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทว่าเอาเงินมาจากไหน และไปที่ไหน ใช้จ่ายอย่างไร เป็นเรื่องที่เราต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ หรือเรื่องของค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท เรื่องการลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส หลายเรื่องที่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เราต้องพยายามชี้แจงให้ทั่วถึงในทุกกลุ่ม
ถามว่าจะมีการใช้ช่องทางประชาสัมพันธ์ไหนบ้างในการประชาสัมพันธ์เชิงรุก นางพวงเพ็ชรกล่าวว่า จะเป็นสื่อทั่วไป รัฐบาลเองอยากให้สื่อได้ช่วยในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ อยากให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญของประเทศ อย่าไปมองเรื่องของรายละเอียดที่บางทีเหมือนเป็นอีกด้านหนึ่ง อย่าไปมองเป็นด้านลบ อยากให้มองเป็นด้านบวกที่รัฐบาลพยายามจะทำให้ดี ให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ กระตุ้นเศรษฐกิจให้ต่อเนื่อง
ซักว่าทราบว่าทางติ๊กต๊อกจะเข้ามาหารือด้วย จะมีแนวทางพูดคุยอย่างไรบ้าง นางพวงเพ็ชรกล่าวว่า ติ๊กต๊อกจะเป็นการอินเทรนด์ในเรื่องของมีเดีย เราพยายามทำในทุกสื่อ ทางติ๊กต๊อกไทยแลนด์ก็จะมาสอนเทคนิคและวิธีการทำติ๊กต๊อกต่างๆ ให้ดูทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกรุ่นทุกวัย
ถามว่า การประชาสัมพันธ์นี้จะมีการใช้ไอโอเข้ามาช่วยหรือไม่ เพราะตอนนี้มีไอโอที่จ้องดิสเครดิตนโยบายของรัฐบาล นางพวงเพ็ชรกล่าวว่า ไม่มี เราจะไม่มีการตอบโต้ในเรื่องของไอโอเลย ไม่เคยคิดทำเรื่องนี้ เราจะพยายามชี้แจงของเฟกนิวส์ต่างๆ มากกว่า
ช่วงเย็น นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ในวันที่ 26 ต.ค. เวลา 10.30 น. ตนจะเดินทางไปตอบกระทู้สดด้วยตัวเองที่รัฐสภา ตามที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นกระทู้ถาม
จุลพันธ์รับแจก 1 หมื่นดีเลย์
ที่กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รมช.การคลัง) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
นายจุลพันธ์แถลงผลประชุมว่า ที่ประชุมมีความเห็นปรับเงื่อนไขการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้สามารถใช้ได้ภายในอำเภอ จากเดิมรัศมี 4 กิโลเมตร เพราะเห็นว่าเป็นพื้นที่ไม่ใหญ่เกินไป มีร้านค้าเพียงพอ อย่างไรก็ดี ยอมรับว่ายังมีความเห็นแตกต่างในที่ประชุม ที่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ซึ่งจะต้องเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายเศรษฐาเป็นประธานตัดสินใจอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพราะมีมุมมองที่แตกต่าง
นายจุลพันธ์กล่าวว่า ในที่ประชุมยังมีหลายประเด็นที่ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกัน เป็นหนึ่งในวาระที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ และต้องส่งให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณา โดยมีความเห็นแตกต่างใน 2 ส่วน คือ 1.เมื่อตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องการให้คนร่วมมากๆ แบ่งเบาภาระประชาชน จึงมีข้อเสนอให้คัดคนรวยออก ซึ่งก็ต้องไปหาคำจำกัดความของส่วนนี้
"จะมีการเสนอให้คณะกรรมการตัดสินใจรวม 3 ทางเลือก คือ 1.ให้สิทธิ์เฉพาะผู้ยากไร้ราว 15-16 ล้านคน โดยใช้ฐานข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้งบประมาณราว 1.5 แสนล้านบาท 2.ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนเกิน 25,000 บาท และ/หรือมีบัญชีเงินฝากเกิน 1 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 43 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.3 แสนล้านบาท และ 3.ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนเกิน 50,000 บาท และ/หรือมีบัญชีเงินฝากเกิน 5 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 49 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.9 แสนล้านบาท" นายจุลพันธ์กล่าว
รมช.การคลังกล่าวว่า 2.ในส่วนประเด็นการยืนยันตัวตน เป็นไปตามสิทธิ์ ครอบคลุมทั้งบุคคลธรรมดา นิติบุคคล กองทุนหมู่บ้าน และวิสาหกิจชุมชน ใช้จ่ายได้ประเภทสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ส่วนระบบการขึ้นเงินได้สำหรับร้านค้าในระบบภาษี 3 ประเภท ทั้งร้านค้าในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดา
"ส่วนของแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินการนั้น ยอมรับว่าเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันในหลากหลายแนวทาง ทั้งการใช้งบประมาณแผ่นดิน การใช้เงินกู้ และการใช้กลไกอื่นๆ เช่น มาตรการกึ่งการคลัง โดยโจทย์ของฝ่ายนโยบายที่คิดไว้ตั้งแต่ต้น คือการใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นหลัก กลไกดำเนินการคือผ่านพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณ ซึ่งมีข้อเสนอให้ดำเนินการโดยใช้งบผูกพัน เช่น หากโครงการ 4 แสนล้านบาท ก็ตั้งงบผูกพัน 4 ปี โดยเบิกจ่ายปีละ 1 แสนล้านบาท ดังนั้นการขึ้นเงินของร้านค้าก็อาจจะต้องชะลอไป ซึ่งอาจต้องมีการกำหนดในเงื่อนไข ตรงนี้เป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะเสนอให้มีการพิจารณาอย่างจริงจัง" รมช.การคลังกล่าว
นายจุลพันธ์กล่าวว่า ในส่วนของการกู้เงินเพื่อมาใช้ในโครงการนั้น ก็จะบรรจุในแนวทางที่จะเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาด้วยเช่นกัน แต่ยืนยันว่าตรงนี้จะเป็นทางเลือกท้ายๆ เช่นเดียวกับการใช้มาตรการกึ่งการคลัง ผ่านมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง โดยยืนยันว่าในส่วนนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับธนาคารออมสินแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะติดขัดข้อกฎหมาย กรอบอำนาจหน้าที่ไม่ครอบคลุมการดำเนินการ
"เราเป็นรัฐบาลที่มาจากรัฐสภา กลไกการใช้งบประมาณแผ่นดินจึงเป็นตัวเลือกแรก เพราะโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการอนุมัติโดยตัวแทนประชาชน ทั้ง สส.และ สว. กลไกของแหล่งเงินนี้เป็นกลไกที่รัฐบาลเลือกมาโดยตลอด แต่ก็ต้องมาพิจารณาตามกรอบข้อเท็จจริง อยู่ๆ จะมีงบ 5.6 แสนล้านบาท ยัดเข้าไปทีเดียวในงบประมาณปี 2567 ปีเดียวเลยคงไม่ได้ ต้องมาบริหารจัดการให้โครงการสามารถเดินหน้าได้ภายใต้กรอบกฎหมาย ภายในกรอบงบประมาณที่จำกัด รัฐบาลจะไม่มีการตัดโครงการลงทุน หรือโครงการอื่นๆ ของรัฐ ทั้งหมดต้องเดินควบคู่กันภายใต้การบริหารจัดการให้ดีที่สุด" นายจุลพันธ์กล่าว
ถามว่าจะเป็นภาระต่อหนี้สาธารณะหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า เป็นการขาดดุลตามกรอบงบประมาณที่วางแผนไว้ ไม่มีผลกระทบต่อตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ และการเลือกใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นหลัก ก็ถือเป็นทางเลือกที่มองแล้วน่าสนใจจริงๆ
“เรายืนยันว่าจะใช้กรอบงบประมาณแผ่นดินเป็นหลักเหมือนเดิมตามที่ฝ่ายนโยบายได้เคยให้โจทย์ไว้ ส่วนเรื่องออมสินคงไม่เกี่ยวข้องแล้ว เพราะติดขัดข้อกฎหมายและกรอบอำนาจหน้าที่ไม่ครอบคลุม ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อมาพิจารณาเรื่องกรอบงบประมาณปี 2567 ซึ่งอาจจะล่าช้าไปราวเดือน เม.ย.-พ.ค.2567 ก็ยอมรับว่าโครงการแนวโน้มน่าจะดีเลย์ในระดับหนึ่ง จากเดิมวันที่ 1 ก.พ.2567 แต่ก็มีข้อดีคือเราจะมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น ในเรื่องความปลอดภัย กระบวนการทดสอบระบบก็มากขึ้น ส่วนจะเริ่มได้เมื่อไหร่ อย่าเพิ่งสรุป แต่รัฐบาลจะพยายามบริหารจัดการให้ดีที่สุด” นายจุลพันธ์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปชน.กระทุ้งกต. ปรับท่าทีเชิงรุก เร่งช่วย4ลูกเรือ
กต.นัดถกเมียนมา 19 ธ.ค.นี้ ช่วยลูกเรือไทย 4 คน “โรม” ผิดหวังคำตอบทางการ
แม้วยันเกาะกูดของไทย ไม่ใช่‘ควาย’ยกให้เพื่อน
“ทักษิณ” ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์เกาะกูดเป็นของไทย ใครจะบ้ายกให้
สจ.จอยประกาศไม่เผาศพ!
7 ผู้ต้องหาคดียิง "สจ.โต้ง" คอตกเข้าคุกเรียบร้อย
กกต.ย้ำ1ก.พ.เลือก47อบจ. พท.จ่อเคาะชื่อเก้าอี้โคราช
กกต.ย้ำเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด 1 ก.พ.2568
พ่อนายกฯขู่เช็กบิล! พรรคร่วมโดดประชุมครม.-นักร้อง/ขอพระเจ้าอยู่ต่ออีก17ปี
"เพื่อไทย" คึก! 3 นายกฯ ร่วมทีมขึ้นรถไฟสัมมนาพรรคที่หัวหิน "นายกฯ อิ๊งค์" ขอ สส.ไม่แบ่งขั้ว-อายุ ยอมรับ 3 เดือนโฟกัสงานรัฐบาล
หัวลำโพงคึกคัก! 'อิ๊งค์' นำทีม พท. สัมมนาหัวหิน ตื่นเต้นขึ้นรถไฟรอบ 20 ปี
’แพทองธาร‘ นำทีม ’เพื่อไทย’ ขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ มุ่งหน้าสัมมนาหัวหิน ‘เศรษฐา-โอ๊ค-เอม’ ร่วมด้วย ตื่นเต้นนั่งรถไฟรอบ 20 ปี