อิ๊งค์เมินแห่ร้องทักษิณป่วยทิพย์

“แพทองธาร” ขอบคุณสมาชิกเพื่อไทยซัพพอร์ตทุกตำแหน่ง รอดูมติ 27 ต.ค.นั่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ เชื่อ “ทักษิณ” หนุนทุกบทบาท "หมอวรงค์" ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ "ราชทัณฑ์-รพ.ตำรวจ" ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ สมคบช่วย "น.ช." กระทุ้งนายกฯ และ รมต.เลิกลอยตัว

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม น.ส.แพทองธาร  ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงความพร้อมในการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ที่จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในวันที่ 27 ต.ค.นี้ว่า ยังไม่มีมติพรรค ขอให้รอดูในวันที่ 27 ต.ค. อีกครั้ง ขอรอดูมติก่อน แล้ววันนั้นจะให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจน

เมื่อถามว่ารู้สึกตื่นเต้นหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ตนได้รับการสนับสนุนจากคนในพรรคในทุกตำแหน่งที่เคยได้รับมาในพรรค ในวันที่ 27 ต.ค. ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ต้องขอขอบคุณสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ให้การสนับสนุนเสมอมา

เมื่อถามย้ำว่า สิ่งแรกที่จะทำเมื่อเป็นหัวหน้าพรรคคืออะไร น.ส.แพทองธาร หัวเราะ ก่อนกล่าวว่า ขอบคุณสื่อที่ให้ทุกตำแหน่ง ส่วนกรรมการบริหารชุดใหม่ จะเป็นคนรุ่นใหม่ด้วยหรือไม่นั้น ขอให้อดใจรอให้รายชื่อออกครบแน่นอน ซึ่งทุกครั้งที่พรรคเพื่อไทยมีประชุมหรือมีประชุมนอกรอบ จะมีการคุยเพื่อดูบุคคลที่พร้อม และมีความสามารถในการผลักดันพรรค เพราะขณะนี้หลายคนกำลังมุ่งหน้าทำงานในรัฐบาล เราจะดูว่าใครพอมีเวลา จะมาขับเคลื่อนพรรคอย่างเต็มที่ ไม่ว่าใครจะอยู่บทบาทในรัฐบาล ในพรรค ก็สามารถที่จะปรึกษากันได้ทุกเรื่อง

 ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยเรื่องตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้คุยเรื่องดังกล่าวกับนายทักษิณ แต่แน่นอนทุกบทบาทสนับสนุนแน่นอน

ส่วนตอนนี้มีหลายคนไปยื่นร้องเรื่องการพักรักษาตัวของนายทักษิณที่ รพ.ตำรวจ กังวลเรื่องนี้หรือไม่นั้น น.ส.แพทอง​ธารกล่าวว่า ไม่กังวล เราไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทำตามกระบวนการของกฎหมายทุกอย่าง เพราะฉะนั้นไม่กังวล

ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 10.45 น. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี และคณะ เข้ายื่นร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีหน่วยงานของรัฐปล่อยปละละเลยการบังคับใช้กฎหมายกับนายทักษิณ ชินวัตร และบังคับใช้กฎหมายไม่เท่าเทียมกับคนอื่น โดยมีนายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียนรับเรื่อง 

นพ.วรงค์กล่าวว่า นายทักษิณกลับมาประเทศไทยตั้งแต่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผ่านมากว่า 60 วัน สะท้อนว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำลายนิติรัฐ นิติธรรมอย่างจงใจ จึงถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องซึ่งลอยตัว ต้องลงมาจัดการการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง ตามระเบียบของราชทัณฑ์ ระบุว่า ผู้ถูกคุมขัง หรือนักโทษที่จะออกไปรักษาข้างนอกจะต้องผ่านกระบวนการรักษาของทัณฑสถาน​โรงพยาบาล​ราชทัณฑ์ก่อน แต่เราไม่เชื่อว่าคืนนั้นนักโทษชายคนนี้ไม่ได้ไปรักษาที่ราชทัณฑ์ นี่เป็นการปฏิบัติข้ามขั้นตอนไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย 

ส่วนจุดตายที่เป็นอันตรายต่อกฎหมายของประเทศคือ กฎระเบียบราชทัณฑ์กำหนดชัดเจนว่า ผู้ถูกคุมขังหรือนักโทษเมื่อไปรักษาที่โรงพยาบาลนอกราชทัณฑ์ ไม่มีสิทธิ์ไปรักษาห้องพิเศษ ดังนั้นจึงต้องรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อเสนอมายังประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามมาตรา 22 (3) ที่ให้ผู้ตรวจฯ รวบรวมข้อเท็จจริง เสนอต่อนายกฯ และคณะรัฐมนตรี และนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามมาตรา 53 ของรัฐธรรมนูญ 2560  

 “60 กว่าวันที่ผ่านมา ชัดเจนว่าจงใจ สมรู้ร่วมคิด ของราชทัณฑ์ และโรงพยาบาล​ตำรวจ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จึงเป็นบทสรุปที่เสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน  นายกฯ จะลอยตัวไม่ได้ จะปล่อยให้นักโทษคนหนึ่งมีอภิสิทธิ์เหนือประชาชน  เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 27 ระบุชัดว่า คนทุกคนมีสิทธิ์ที่เสมอภาคเท่าเทียมกัน    ไม่สามารถเลือกปฏิบัติได้ ไม่ว่าจะมีชาติกำเนิด อาชีพ เพศ ศาสนา สถานะทางสังคม หรือสถานทางเศรษฐกิจ ถ้าปล่อยไว้นานเกินไปจะเป็นความเสียหายต่อระบบนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศไทย” นพ.วรงค์ระบุ

ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ระบุล่าสุดว่า นักโทษชายคนนี้ผ่าตัดโรคออร์โธปิดิกส์ ซึ่งคนเรียนแพทย์ทุกคนอ่านแล้วรู้สึกหัวเราะเยาะว่าใช้ภาษาอะไร ทางการแพทย์ไม่มีใครใช้ภาษาแบบนี้ เพราะคำว่าออร์โธปิดิกส์เป็นศัพท์ทางวิชาการ แปลว่ากระดูก ข้อ และเอ็น แล้วนักโทษคนนี้ผ่าตัดส่วนไหน ทำไมไม่ชี้แจงให้ชัดเจน และที่สำคัญที่สุดที่บอกว่าต้องนอนรักษาตัวไอซียูศัลยกรรมประสาท ซึ่งเป็นไอซียูสำหรับคนไข้สมอง ที่น่าเศร้ามากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตนกลับไปที่จังหวัดพิษณุโลก เจอแพทย์ผ่าตัดสมองคนหนึ่งบอกว่ามีคนไข้นักโทษหนุ่มมาจากเรือนจำหนึ่งด้วยอาการปวดหัว ตรวจสอบพบเป็นเนื้องอกในสมอง แพทย์ผ่าตัดให้ แต่ราชทัณฑ์ให้พักที่โรงพยาบาลแค่ 2 วันเท่านั้น แล้วให้กลับไปรักษาที่สถานพยาบาลของราชทัณฑ์ ทำไมนักโทษชายที่เดินดีๆ 2 เดือนแล้วยังไม่ได้กลับบ้าน

เมื่อถามว่า นายกฯ มีการชี้แจงว่ามีการเจาะ 4 รูที่หัวไหล่ สอดคล้องกับอาการนายทักษิณหรือไม่ นพ.วรงค์กล่าวว่า เจาะอะไร ไม่เกี่ยว เพราะคำว่าออร์โธปิดิกส์ ในวงการแพทย์ กระทั่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ซึ่งเป็นหมออยู่ในพรรคเพื่อไทย ได้ยินแล้วหัวเราะกันหมด หากรักษาเสร็จต้องไปอยู่ไอซียูศัลยกรรมกระดูก แต่กลับไปอยู่แผนกผู้ป่วยโรคทางสมอง

 “ผมสันนิษฐานว่า ปกติการเจ็บป่วยจะมีคณะแพทย์ที่แถลงตรงไปตรงมา แม้แต่นายกฯ ป่วยเป็นหวัดก็มีแพทย์แถลงว่าเป็นหวัด แต่ครั้งนี้แพทย์ไม่แถลง เชื่อว่าแพทย์เขารับรู้ว่า ถ้าแถลงไปแล้วจะติดบ่วงเรื่องจริยธรรม จากการจงใจแถลงอะไรผิดๆ อาจถูกยึดใบประกอบวิชาชีพ จึงให้กรมราชทัณฑ์แถลง ซึ่งผิดปกติในการรักษาพยาบาล” นพ.วรงค์กล่าว และว่า บ่ายวันเดียวกันจะไปยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงการปฏิบัติหน้าที่มิชอบของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และโรงพยาบาล​ตำรวจ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง