ลูกเขยชาดาไขก๊อก มท.1ชูปราบมาเฟีย

นายกฯ ลั่นไม่ปกป้องคนผิด แต่ต้องให้ความเป็นธรรมก่อน “อนุทิน”  ย้ำชัดไม่มีใครเหนือกฎหมาย ขณะที่ “ชาดา” สั่งลูกเขยลาออกจากนายกเทศบาลแล้ว ลั่นได้ทำหน้าที่ในฐานะ รมช.มท.  วอนอย่าด่าลูกหลาน ด้าน "ผู้การ ปปป."  เตือนทุกฝ่ายเลิกรับสินบน ตรวจพบฟันไม่เลี้ยง

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบตรวจค้น 8 จุดในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี เพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงินสินบนจากผู้ประกอบการทำโครงการก่อสร้างระบบประปาในพื้นที่  โดยหนึ่งในผู้ถูกจับกุมคือ นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศบาล ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นลูกเขยของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่าได้เห็นข่าวก็ตกใจเช่นกัน แต่เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วย แต่ยืนยันว่าถ้ามีความผิดก็ต้องจัดการไปตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องของรัฐมนตรีท่านใดก็ตาม เรื่องนี้ขอยืนยัน  

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นคนในครอบครัวของรัฐมนตรี จำเป็นจะต้องมีการรับผิดชอบโดยลาออกเพื่อแสดงสปิริตหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงไม่ไปถึงขนาดนั้น เพราะไม่รู้ว่ามีความผิดจริงหรือเปล่า ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยและต้องดูว่ามีความผิดมากน้อยแค่ไหนเพียงไร เรื่องนี้ต้องดูด้วย และอย่าเพิ่งไปไกลขนาดนั้นเลย

 “ที่ผ่านมานายชาดาเองก็พยายามที่จะดำเนินการเรื่องการปราบผู้มีอิทธิพล และนายอนุทินเองก็ได้บอกเองว่า ไม่รู้ว่าท่านเป็นคนสั่งการเองหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบ" นายกฯ ระบุ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำแบบนี้นับว่าถูกต้องแล้ว แสดงให้เห็นว่าทุกหน่วยงานเห็นพ้องต้องกันว่าถึงเวลาต้องเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามผู้มีอิทธิพล เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายอยากเห็นความเป็นรูปธรรม จะเห็นว่าไม่มีการช่วยเหลือ แปลว่าถ้าทำผิดกฎหมาย ใครก็ช่วยไม่ได้  "ใครที่คิดว่าทำผิดกฎหมายแล้วจะถูกจับไม่ได้ ให้กลับไปคิดใหม่"
เมื่อถามถึงความรู้สึกในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น นายอนุทินตอบว่า "ก็บอกแล้ว ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ถ้าผิดก็รับโทษ ถ้าเชื่อว่าถูกใส่ร้าย ให้เอาหลักฐานมาชี้แจง" นายอนุทินกล่าว

 ที่รัฐสภา นายชาดาได้เดินทางเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร เรื่องมาตรการจัดระเบียบสังคมและการปราบปรามผู้มีอิทธิพล หลังจากเลื่อนเข้าชี้แจงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยนายชาดาเข้าชี้แจงต่อ กมธ.เป็นเวลาประมาณ 30 นาที

จากนั้นเวลา 11.55 น. นายชาดาให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาตนเคยพูดไว้แล้วว่าต้องเก็บกวาดบ้านตัวเองก่อน ตนในฐานะ รมช.มหาดไทย ได้โทรศัพท์หาผู้ว่าฯ จังหวัดอุทัยธานี ว่ากรณีอย่างนี้สั่งพักปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีหลายกรณีที่มีลักษณะอย่างนี้ ทางผู้ใหญ่หลายคนโทรศัพท์มาหาตน ตนก็โทรศัพท์หา รมว.มหาดไทยว่าให้พักปฏิบัติหน้าที่เหมือนกรณีอื่นหรือไม่ ซึ่งผู้ว่าฯ จังหวัดอุทัยธานีบอกว่ากำลังดูกฎหมายอยู่ แต่อย่างไรก็คงต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ 
"จำไว้นะครับ ฟังดีๆ นะครับ ใช้สมองคิด การพักปฏิบัติหน้าที่ของทุกแห่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือ เอารองนายกของทีมนั้นขึ้นมารักษาการแทน  ท้องถิ่นแห่งนั้นก็อยู่แบบซังกะตาย จนกว่าจะครบวาระ ถ้าผู้บริหารสามารถกลับเข้ามาในช่วงสมัยได้ คดีหลุด ก็เข้ามาเป็นต่อ แต่บางคนก็สู้คดีจนหมดวาระ เมื่อวันที่ 24 ตค. ลูกเขยหลังจากได้รับการประกันตัว ก็คุยกับลูกเลยผม ลูกเขยก็ขอโทษ ผมบอกว่าไม่ต้องพูดอะไร เราครอบครัวเดียวกัน แต่สิ่งที่คุณต้องทำคือคุณต้องลาออกจากการเป็นนายกเทศมนตรี เพื่อให้จังหวัดจัดการเลือกตั้ง ถ้าไม่ทำแบบนี้ การรอพักปฏิบัติหน้าที่จนคดีเสร็จเป็นการเอาเปรียบและปล่อยทิ้งพี่น้องประชาชนในตำบลตลุกดู่" นายชาดาระบุ

รมช.มหาดไทยกล่าวว่า เมื่อนายวีระชาติลาออก กระบวนการต่อไปคือการจัดการเลือกตั้งใหม่ ใครจะลงสมัครก็ว่ากันไปตามระบบ ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานของสังคมไทยในทางการเมืองท้องถิ่น ซึ่งนายวีระชาติได้ลาออกเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 24 ต.ค. ซึ่งตนถือว่าเมื่อนายวีระชาติลาออกแล้ว ให้ประชาชนไปเลือกตั้งต่อ ไม่ใช่บอกว่าคดียังไม่สิ้นสุด แล้วไม่ออก ทำให้คนที่ไปจับกุมเสียความรู้สึกว่าจับวันนี้ พรุ่งนี้ไปเป็นนายกฯ ต่อ แต่นายวีระชาติก็มีสิทธิ์ที่จะพักการปฏิบัติหน้าที่ แต่ตนเห็นว่าการพักปฏิบัติหน้าที่เป็นการถ่วงความเจริญ และไม่มีสปิริตทางการเมือง เป็นการเอาเปรียบพี่น้องประชาชน ต.ตลุกดู่ เมื่อนายวีระชาติลาออก เทศบาลก็จัดการเลือกตั้งได้ทันที นี่คือสิ่งที่ตนทำในฐานะ รมช.มหาดไทย และในฐานะที่คนใกล้ชิดของตนมีเรื่อง ต้องแสดงสปิริตมากกว่าคนอื่น 
“ที่สำคัญจับคนใกล้ชิดก็ว่าไม่จับก็ด่า แล้วจะให้ผมทำอย่างไรครับ ด้วยความเคารพจริงๆ ครอบครัวผมไม่มีปัญหาอะไร   ในฐานะพ่อ ต้องโอบกอดลูกตัวเองทุกคน ด้วยความรัก ด้วยความอบอุ่น แล้วเดินไปด้วยกัน แม้ทางเดินข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ครอบครัวผมรักกัน และผมก็ทำหน้าที่ในฐานะ รมช.มหาดไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ขอร้องอย่างหนึ่งว่าอย่าเอารูปลูกหลานผมมาออกข่าว ทั้งด้อม เอไอ อวตาร ด่าผมด่าไป คุณมีสิทธิ์ด่านายชาดา แล้วแต่มุมมองของคุณ แต่วันนึงคุณจะเสียใจที่ด่าผม เท่านั้นแหละ แต่อย่าเอารูปลูกหลานผมมาออก แล้วมันจะเกิดสงครามโซเชียล ผมหาอวตารไม่เจอ ผมก็เอาคนที่อยู่เบื้องหน้า วันนี้คนไทยต้องรักกัน รักสามัคคีกัน สำนึกในกะลาหัวว่าวันนี้จะเกิดสงครามโลกอยู่แล้ว นายกฯ ก็ปวดหัวทุกวันเรื่องอิสราเอล ไม่ใช่มาด่ากันอยู่ในประเทศนี้ อย่าทำอะไรที่มันไม่สร้างสรรค์” นายชาดากล่าว

ทางด้านนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธาน กมธ.การปกครอง สภาฯ กล่าวภายหลังการประชุมว่า นายชาดาได้มาชี้แจง และขอชื่นชมสปิริตของนายชาดา เวลาที่หลายคนตั้งคำถามว่า นายชาดามาปราบปรามผู้มีอิทธิพลแล้วจะทำได้จริงหรือ วันนี้ตนคิดว่าพี่น้องทั้งประเทศคงจะได้คำตอบ เพราะแม้กระทั่งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนใกล้ชิดกับรัฐมนตรีโดยตรงก็ไม่ได้รับการละเว้น หรือได้รับดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งก็ได้มีการกำชับกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานทั้งหมดว่า ไม่ต้องเกรงใจ สามารถดำเนินการ และปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมายทั้งหมดได้

ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการตำรวจป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 24 ต.ค. ได้คุยกับนายชาดา บอกกับตนว่าให้ทำทุกอย่างไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และรับปากว่าจะไม่ให้ตัวผู้ก่อเหตุเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัดอย่างกระทรวงมหาดไทย ว่าอยากให้รับลูกต่อจาก บก.ปปป. เพราะหลังจากที่มีการเข้าจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริต อยากให้มีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยขาดจากตำแหน่งเดิม จนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพื่อป้องกันไม่ให้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานต่างๆ

 “ขอฝากไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองท้องถิ่นที่มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน วันหนึ่งตำรวจ ปปป.อาจไปหาท่านถึงที่ ถ้าไปถึงแล้วขอให้แน่ใจได้เลยว่ามีหลักฐานพร้อมดำเนินคดีแน่นอน ฉะนั้นจะต้องเลิกพฤติกรรมดังกล่าว ส่วนเรื่องการให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ตนเห็นว่าเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ซึ่งผู้ต้องหาก็มีสิทธิที่จะยื่นประกันได้” ผบก.ปปป.ระบุ

 นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เรียกร้องให้นายชาดาแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง รมช.มหาดไทย เนื่องจากว่านายชาดาแสดงตนเองเสมอมาว่าเป็นลูกผู้ชายชาตรี มีใจนักเลง และได้รับแต่งตั้งให้ปราบผู้มีอิทธิพล คนฮั้วการประมูล ดังนั้นเมื่อคนในครอบครัวถูกกล่าวหามีส่วนพัวพันเสียเอง จึงควรลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ สมกับฉายานักเลงจริงแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอมิ้ง' แจงยังไม่นำรายชื่อ 'ครม.อิ๊งค์ 1' ขึ้นทูลเกล้าฯ

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติ ในลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญของผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

สุดสับสน! ปรากฏการณ์การเมืองไทย ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเฉพาะกลุ่ม สส. แต่หัวหน้าพรรคกลับถูกไล่ออกไม่ให้ร่วมด้วย

'เรืองไกร' ท้า 'นายกฯอิ๊งค์' โชว์ใบลาออก พ้นกรรมการ 20 บริษัท

ายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณะเกี่ยวกับการลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ รวม 20 บริษัท

'นายกฯอิ๊งค์' อยู่ได้เกิน 6 เดือนไหม! ขึ้นอยู่กับ 2 ทางรอด

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊งจะอยู่เกิน 6 เดือนไหม