‘ทักษิณ’โอเค!เจาะหัวไหล่4รู

นายกฯ ติวเข้มรัฐมนตรีเพื่อไทย สั่งทำลิสต์ควิกวินให้ตรวจในอีก 2 สัปดาห์ หนุน “อุ๊งอิ๊ง” นั่งหัวหน้าพรรคเต็มสูบ สหายอ้วนยันคุณสมบัติและบารมีพร้อมสรรพ “เสี่ยนิด” กระทุ้งกลางพรรคอย่าละเลยท้องถิ่น ให้สนใจเลือกตั้ง อบจ.-อบต.ด้วย “พิเชษฐ์” ปูดกลางที่ประชุม ผลงานนิติบัญญัติสุดบู่สู้ก้าวไกลไม่ได้   “อดิศร” ถีบส่งวาระประชามติ ก.ก. ดันเรื่องปากท้องแทน อ้างซ้ำซ้อนรัฐบาล รับแล้วนิรโทษกรรมไม่ทันสมัยประชุมนี้    “เศรษฐา” ยันกรณีทักษิณยึดกฎหมาย  รองปลัด ยธ.โวบริการไม่ต่างจาก ปชช.ทั่วไป!

เมื่อวันอังคารที่ 24 ตุลาคม ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสร็จสิ้น     นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เรียกประชุมด่วนรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย (พท.) ทั้งหมด ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามการทำงานและเร่งรัดการขับเคลื่อนงานในส่วนของรัฐมนตรีพรรค พท. ว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และอะไรที่ยังไม่ได้ทำให้เร่งผลักดันออกมาก่อนเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ  และ รมว.พาณิชย์ กล่าวในเรื่องนี้ว่า  นายกฯ อยากให้รัฐมนตรีไปดูนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา อยากเห็นควิกวินที่กำหนดว่า 3 เดือนจะเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้วจะแถลงให้สื่อทราบ โดยให้ไปรวบรวมมาคุยกัน แต่ยังไม่ได้คุยรายละเอียด ซึ่งทุกพรรคก็รับนโยบายเหล่านี้ไป

เมื่อถามว่า ทำงานมาหนึ่งเดือน มีการประเมินคะแนนการทำงานของรัฐบาลแล้วหรือยัง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่มีการให้คะแนนตัวเอง คิดแต่เพียงทำอย่างไรให้ดีที่สุดและดีมากยิ่งขึ้น

ถามว่า นายกฯ วางกรอบเกณฑ์ทำงานของรัฐมนตรีไว้หรือไม่ และจะมีผลต่อการปรับ ครม.หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้พูดแค่รัฐมนตรีของพรรค พท. แต่พูดถึง ครม.ทั้งหมด อยากให้มีผลงานเป็นรูปธรรม มีตัวชี้วัดให้ชัดเจน ส่วนผลงานมีผลต่อการปรับ ครม.หรือไม่นั้น ยังไม่ได้พูดไปถึงขนาดนั้น

ขณะที่นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า นายกฯ อยากเห็นการทำงานแบบควิกวิน โดยเฉพาะเรื่องที่สามารถทำได้ก่อน โดยไม่ต้องใช้เงิน ซึ่งนายกฯ กำหนดให้รัฐมนตรีแต่ละคนแจ้งมาภายใน 2 สัปดาห์ ว่ามีเรื่องอะไรที่จะดำเนินการได้บ้าง

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า นายศรษฐาได้แจ้งกับรัฐมนตรีทุกคนให้ไปกำชับปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งระดับรองอธิบดี ว่าขอให้เลือกผู้บริหารที่มีฝีมือ เลือกคนเก่งๆ ขออย่าให้มีเส้นสาย อย่าให้มีการวิ่งเต้น เน้นเอาคนมีฝีมือเข้ามาทำงาน และให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้องทุกประการ

ขณะที่นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ถึงกรณีการแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรค พท. เป็นรองประธานคณะกรรมการสำคัญถึง 2 ชุดเป็นการปูทางการเมืองให้หรือไม่ ว่าต้องไปถาม น.ส.แพทองธารเอง

เมื่อถามต่อว่า ดูเหมือน น.ส.แพทองธารจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค พท.ด้วย นายเศรษฐากล่าวว่า ในวันที่ 27 ต.ค.นี้ก็รู้ ขอใจเย็นนิดหนึ่ง เพราะถ้าเป็นไปตามข่าวก็คงใช่

ขณะเดียวกัน ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติฯ  น.ส.แพทองธารได้แสดงความมั่นใจว่าหากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน จะยกระดับหลักประกันสุขภาพของไทยให้ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน

พาเหรดดันก้น ‘อุ๊งอิ๊ง’

น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ภายหลังถึงกรณีนายเศรษฐาระบุว่าจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค พท. โดย น.ส.แพทองธารพยักหน้าและพูดว่า “อ๋อ”

ขณะที่นายภูมิธรรมกล่าวในประเด็นนี้ว่า อยู่ที่การตัดสินใจของ น.ส.แพทองธาร แต่เท่าที่ฟังมาไม่มีอะไรขัดข้อง พร้อมเป็นหัวหน้าพรรคหากสมาชิกไม่ขัดข้องอะไร และส่วนตัวคิดว่าหาก น.ส.แพทองธารถ้าตัดสินใจที่จะเป็นหัวหน้าพรรค เชื่อว่าสมาชิกพรรคทุกคนจะยอมรับและสนับสนุน เพราะมีความพร้อมมากพอสมควรทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ รวมถึงประสบการณ์ทางการเมือง

 “ผมคิดว่าความพร้อมของ น.ส.แพทองธารมีมากพอสมควร แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่การตัดสินใจของเขา และอาจต้องพูดคุยกับครอบครัว เนื่องจากมีลูกแล้ว เพราะการเป็นหัวหน้าพรรคต้องทุ่มเทเวลาเป็นอย่างมาก”

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รักษาการเลขาธิการพรรค พท. กล่าวเช่นกันว่า น.ส.แพทองธารมีความเหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรค มีภาวะความเป็นผู้นำ และมีองค์ความรู้ในการขับเคลื่อนพรรค แต่ขอให้รอดูการโหวตของสมาชิกพรรค

เมื่อถามว่า ในฐานะรักษาการเลขาธิการพรรค หากได้รับการเสนอชื่อจะรับตำแหน่งหรือไม่ หรือจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายสรวงศ์ เทียนทอง ตามกระแสข่าว นายประเสริฐกล่าวว่า ขณะนี้คงเป็นเวลาของคนรุ่นใหม่ในการเข้ามาทำงาน 

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ  พรรค พท. กล่าวว่า เป็นไปตามสื่อ เมื่อถามสมาชิกทุกท่านก็ออกไปที่ น.ส.แพทองธาร ส่วนเรื่องความเหมาะสม ก็เห็นว่ามีความเหมาะสมมานานแล้ว เพราะมีความพร้อม เป็นวัยที่จะรับผิดชอบบ้านเมือง

 “ไม่ได้มีอายุมากอย่างผม หัวดำออกก่อน หัวด่อนนำก้น” นายอดิศรกล่าว

ต่อมาในการประชุมพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธารได้กล่าวตอนหนึ่งว่า อยากจะพูดถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงภายในพรรค เพราะเราเรียนรู้อะไรมากมายจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาและระหว่างที่พรรคเป็นรัฐบาลมา 2 เดือนแล้ว ซึ่งก็สร้างผลงานมากมาย โดยเรามีแผนจะปรับเปลี่ยนพรรคให้มีข้อมูลเพิ่มขึ้น และเป็นพรรคที่พร้อมจะมีองค์กรแห่งการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น

เสี่ยนิดจี้อย่าละเลยท้องถิ่น

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า อยากทำให้พรรค พท.มีการหาความรู้อยู่เรื่อยๆ เสมอในทุกด้าน ทั้งด้านที่เราถนัดและไม่ถนัด ในโอกาสที่พรรค พท.เป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาล อยากได้ความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาลในการมาให้ความรู้ในแต่ละด้านเช่นกัน เพราะบางคนอาจไม่ได้มีความรู้ในกระทรวงมากนัก ฉะนั้นเรามาแบ่งปันความรู้ความสามารถ และคิดว่าหลายคนที่อยู่ในกระทรวงต่างๆ อยากเรียนรู้ร่วมกัน จุดนี้เป็นจุดที่อยากส่งเสริม

ส่วนนายเศรษฐากล่าวตอนหนึ่งว่า มีความกังวลใจการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) รวมทั้งการเลือกตั้งซ่อม สส. ซึ่งเป็นการเมืองท้องถิ่นที่ส่งเสริมการเมืองระดับชาติ ดังนั้นทุกคนในพรรคควรให้ความสนใจและมียุทธศาสตร์ให้ชัดเจน หวังว่าตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.นี้เป็นต้นไป เมื่อมีการเลือกกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) จะเป็นวาระสำคัญของพรรค

“ตรงนี้เรายอมไม่ได้ เรามัวแต่ไปทำงานในซีกรัฐบาล ถ้าลืมเลือกการเลือกตั้ง อบจ.และ อบต. ผมว่ามันมีเป็นสัญญาณไม่ดีสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหญ่สนามใหญ่ครั้งต่อไป” นายเศรษฐากล่าว

ด้านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย ฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 กล่าวว่า เรื่องของการเสนอญัตติและการเสนอพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ในสมัยประชุมนี้ เรายังไม่มีการเสนอ พ.ร.บ.เข้าพิจารณาในสภาเลยสักหนึ่งฉบับ นี่คือความล้มเหลว ส่วนญัตติต่างๆ ต้องยอมรับว่าเราสู้พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ไม่ได้เลย พวกเราล่าช้ามากกับการยื่นญัตติ ถ้าหากพรรค พท.มีการยื่นญัตติเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าปัญหาที่พรรค ก.ก.ยื่นญัตติเสนอญัตติการทำประชามติซ้ำซ้อนคงจะไม่เกิดขึ้น

มีรายงานว่า นายเสกสกล อัตถาวงศ์  ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรค รทสช. ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.2566

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า วันนี้ (24 ต.ค.) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจาก สส.แล้ว แต่ยังคงเป็นสมาชิกพรรค และยังเป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรคอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลจากนายสุพัฒนพงษ์ลาออก ทำให้นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือแม่เลี้ยงติ๊ก ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 16 ขยับขึ้นมาเป็น สส.แทน เนื่องจากนายเสกสกลซึ่งเป็น สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 15 ลาออกจากสมาชิกพรรคไปแล้ว

ขณะเดียวกัน นายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.คมนาคม และอดีตแกนนำพรรคไทยภักดี ได้เดินทางสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค รทสช. โดยมีนายพีระพันธุ์ และแกนนำพรรคต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยนายถาวรระบุว่า การย้ายมาร่วมงานกับ รทสช.ครั้งนี้ ดูที่อุดมการณ์ ดูแนวทางการทำงานของพรรค และที่สำคัญตัวผู้บริหารพรรค พบว่าผลงานที่ปรากฏจับต้องได้หลังจากเข้าร่วมรัฐบาล สิ่งที่พรรค รทสช.ให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชน และนโยบายของพรรคก่อนเข้าร่วมรัฐบาลสามารถทำได้จริง จึงมั่นใจว่า รทสช.เป็นพรรคที่เป็นความคิดและมีอุดมการณ์ตรงกัน

ยันแม้วทำตามกฎหมาย

วันเดียวกัน ยังมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร โดยนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของรัฐบาลต่อการรักษาตัวของนายทักษิณว่า นายทักษิณเพิ่งผ่าตัดไปเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ไม่รู้ว่าออกจากห้องไอซียูหรือยัง และเมื่อถามว่าหากในอนาคตนายทักษิณจะยื่นขอพักโทษสามารถทำได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ทราบเรื่อง  ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย เน้นต้องเป็นไปตามกฎหมาย

                    เมื่อถามว่า ได้คุยกับ น.ส.แพทองธารเรื่องนายทักษิณบ้างหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อกี้ก็ถาม น.ส.แพทองธารบอกว่านายทักษิณได้เจาะ 4 รูที่ตรงหัวไหล่ ยังปวดอยู่ ก็รู้เท่านี้

ส่วน น.ส.แพทองธาร กล่าวเมื่อถามถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ซึ่งนายเศรษฐาได้ให้สัมภาษณ์ว่ามีการเจาะที่หัวไหล่ถึง 4 รู น.ส.แพทองธารคิดสักครู่และกล่าวว่า “อ๋อ ก็โอเคค่ะ”

เมื่อถามย้ำว่า มีโอกาสที่นายทักษิณจะขอพักโทษหรือไม่ น.ส.แพทองธารไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว     

นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นจากผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่าเป็นการผ่าตัดเกี่ยวกับข้อและกระดูก ส่วนหลังการผ่าตัดนายทักษิณจะต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลตำรวจอีกกี่วัน อยู่ระหว่างการประสานรายละเอียด โดยประเมินจากสภาพร่างกายและอาการเจ็บป่วยของนายทักษิณเป็นสำคัญ

 “การรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้ต้องขังกับโรงพยาบาลภายนอก เป็นไปตามสิทธิ์ที่ผู้ต้องขังทุกคนที่มีโอกาสได้รับเท่าเทียมกัน กรณีคุณทักษิณต้องนอนโรงพยาบาลตำรวจอีกกี่วัน ขึ้นกับสภาพของโรคที่ผ่าตัดว่าคลี่คลายหรือยัง หรือยังต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อใดที่อาการเจ็บป่วยจากการรักษาดีขึ้น กรมราชทัณฑ์ก็พร้อมรับตัวผู้ต้องขังทุกคนกลับมาควบคุมไว้ที่เรือนจำ ที่ผ่านมาไม่ว่าผู้ต้องขังจะรวยหรือจน เจ็บป่วยด้วยโรคอะไร เช่น โรคปอด โรคไต ก็ได้รับการบริการที่ไม่แตกต่างกับประชาชนทั่วไป”

ส่วนนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้นำเอกสารพร้อมพยานหลักฐานเข้ายื่นหนังสือต่อแพทยสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบจริยธรรมแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์และ รพ.ตำรวจ จากอาการป่วยของนายทักษิณ ว่าเป็นไปตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมหรือไม่ หรือเป็นการเกี๊ยะเซียะ เอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณหรือไม่ หากเพิกเฉยก็จะฟ้องร้องแพทยสภาต่อศาลปกครองต่อไป

นพ.ต่อพล วัฒนา ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภาด้านกฎหมาย กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า หลังจากรับหนังสือต้องให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา จากนั้นจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการแพทยสภา ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการ ส่วนจะตั้งคณะอนุฯ มาพิจารณาหรือไม่ ขึ้นอยู่บอร์ด ขณะนี้ยังตอบอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ และยังไม่สามารถกำหนดเวลาขั้นตอนดำเนินการได้ แต่ทุกอย่างเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ได้กังวลอะไร เพราะมีขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้ว

สำหรับความเคลื่อนไหวในการทำประชามติและแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายภูมิธรรมในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 กล่าวว่า คืบหน้าไปมาก โดยทั้งสองอนุกรรมการทั้งรับฟังความคิดเห็นและคณะกรรมการด้านกฎหมาย โดยจะนำการศึกษาทั้งหมดมารายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ในการประชุมครั้งต่อไป ที่กำหนดไว้ประชุมเดือนละ 1 ครั้ง

วิปรัฐบาลถีบวาระก้าวไกล

ด้านนายอดิศร ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ที่ประชุมวิปได้มีการพิจารณาวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพุธที่ 25 ต.ค. จะมีการเลื่อนระเบียบวาระอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของประชาชนขึ้นมา ส่วนเรื่องเกี่ยวกับการทำประชามติ เห็นว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังทำงานอยู่ หากสภาบรรจุระเบียบดังกล่าว อาจเป็นการขัดแย้งกับคณะทำงานของรัฐบาลได้

เมื่อถามต่อว่า วิปฝ่ายค้านจะมองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายอดิศรกล่าวว่า ฝ่ายค้านมองเป็นเกมการเมืองตลอด ที่ผ่านมาเรื่องเด็กไร้สัญชาติก็ทำไปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ว่าคว่ำญัตติ ซึ่งความจริงมติดังกล่าวส่งไปที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษาสภาผู้แทนราษฎร จึงเรียกร้องให้ฝ่ายค้านพิจารณาในการสื่อการให้ตรงตามความเป็นจริง เพราะสภานี้ไม่ใช่ของฝ่ายค้านฝ่ายเดียว

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค ก.ก. กล่าวในเรื่องนี้ว่า พรรคเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องเลื่อนระเบียบวาระอื่นเข้ามาแทรก สามารถดำเนินการตามระเบียบวาระเดิมได้ ส่วนที่วิปรัฐบาลกังวลว่าจะซ้ำซ้อนกับการทำงานของรัฐบาลนั้น ไม่น่าใช่ เนื่องจากพระราชบัญญัติประชามติปี 2564 ระบุว่า  การเสนอทำประชามติสามารถเสนอได้ผ่าน 3 กลไกคู่ขนานกันคือ รัฐบาลเป็นผู้ริเริ่มการดำเนินการ หรือให้ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อ หรือ สส. เป็นผู้เสนอ โดยผ่านความเห็นชอบจากทั้ง 2 สภา

 “ทางออกของเรื่องนี้คือภาระการพิสูจน์จะอยู่ที่ สส.ฝั่งรัฐบาล เพราะอย่างแรก สส.ของรัฐบาลต้องเป็นผู้เสนอให้เลื่อนวาระอื่นเข้ามาแทรกคิว ซึ่ง สส.ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องเป็นผู้พิสูจน์ว่ามีเหตุผลความจำเป็นอย่างไรที่ต้องเลื่อนระเบียบวาระ ส่วนเจตนาในการเลื่อนระเบียบวาระของฝ่ายรัฐบาลเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องถามฝ่ายรัฐบาล แต่พรรคยืนยันว่าไม่มีความซ้ำซ้อน”

นายวันชัย สอนศิริ สว. ในฐานะประธานคณะทำงานติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า มีประเด็นที่ กมธ.อยากแลกเปลี่ยนพูดคุยคือ กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญจะใช้เวลานานเท่าใด จะแก้ประเด็นอะไร ส่วนที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะมีที่มาอย่างไร ซึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องการทราบ รวมถึงไทม์ไลน์ในขั้นตอนต่างๆ ด้วย

นายวันชัยยังกล่าวถึงนโยบายสร้างความปรองดอง โดยเฉพาะเรื่องนิรโทษกรรมของรัฐบาล ว่ายังไม่มีความคืบหน้า การออกพระราชกำหนดก็เป็นวิถีทางหนึ่ง  แต่ถ้าอยากให้รอบคอบ ก็ออกเป็นพระราชบัญญัติ แต่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลขยับตัวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในขณะที่ฝ่ายค้านขยับแล้ว แต่รัฐบาลยังอ้างเหตุต่างๆ ซึ่งก็ไม่เข้าใจ

นายอดิศรกล่าวถึงกรณีนายวันชัยจี้รัฐบาลให้ออกกฎหมายเรื่องนิรโทษกรรมโดยมองว่าการสร้างความปรองดองมีความล่าช้าว่า เคารพความเห็นของนายวันชัย แต่เรื่องนี้นิรโทษกรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทางรัฐบาลอาจมีความคิดที่จะเสนอกฎหมายประกบ และคาดว่าสมัยหน้าคงมีการนำเรื่องนิรโทษกรรมเข้ามาพิจารณา แต่ในสมัยนี้คงไม่ทัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอมิ้ง' แจงยังไม่นำรายชื่อ 'ครม.อิ๊งค์ 1' ขึ้นทูลเกล้าฯ

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติ ในลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญของผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

สุดสับสน! ปรากฏการณ์การเมืองไทย ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเฉพาะกลุ่ม สส. แต่หัวหน้าพรรคกลับถูกไล่ออกไม่ให้ร่วมด้วย

'เรืองไกร' ท้า 'นายกฯอิ๊งค์' โชว์ใบลาออก พ้นกรรมการ 20 บริษัท

ายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณะเกี่ยวกับการลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ รวม 20 บริษัท

'นายกฯอิ๊งค์' อยู่ได้เกิน 6 เดือนไหม! ขึ้นอยู่กับ 2 ทางรอด

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊งจะอยู่เกิน 6 เดือนไหม