ฉุนนายจ้างใช้เงินล่อ กต.เปิดข้อมูลใหม่แรงงานไทยกลับลำ/นายกฯจ่อบี้ทูตอิสราเอล

“เศรษฐา” นั่งหัวโต๊ะประชุมศูนย์ช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลแค่ 20 นาที กต.ปูดข้อมูลใหม่ที่ทำให้แรงงานกลับลำ เพราะนายจ้างเพิ่มค่าแรง ยืดเวลาจ่ายเงินเดือนจาก 31 ต.ค.ไปเป็น 10 พ.ย. “นายกฯ” ฉุนเอาเงินมาล่อ ไม่กลัวดรามาเตรียมบี้ทูตอิสราเอลว่าเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม วอนคนไทยรีบกลับมาในช่วงปฏิบัติการภาคพื้นดินยังไม่เริ่ม รับสถานการณ์ยังน่าห่วง ไม่มีเค้าสงบมีแต่จะขยายวง 

เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เดินทางเข้ากระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อเป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา หรือ RRC ครั้งที่ 3

โดยก่อนการประชุม นายเศรษฐาได้หารือนอกรอบกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยจากอิสราเอล และในเวลา 15.00 น.ได้เริ่มการประชุม โดยนายณัฐพล ขันธหิรัญ รองปลัด กต.รายงานสรุปสถานการณ์ว่า มีผู้เสียชีวิต 30 ราย ส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับมาไทยแล้ว 8 รายเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 18 คน และผู้ถูกจับกุม 19 คน โดยคนไทยที่แสดงความประสงค์จะกลับประเทศทั้งหมด 8,478 คน ในจำนวนนี้ทางการไทยได้ส่งกลับแล้ว 3,100 คน จาก 17 เที่ยวบิน คงเหลืออีกประมาณ 5,300 คนที่รอการอพยพ ซึ่งจากวันนี้จนถึงสิ้นเดือน ต.ค.จะมีขีดความสามารถในการอพยพได้ถึง 7,000 คน เพราะมีทั้งเครื่องบินของกองทัพอากาศ (ทอ.) และเครื่องบินพาณิชย์

 “สรุปปัญหาและอุปสรรคที่ส่งผลให้คนไทยตัดสินใจที่จะไม่อพยพและเดินทางกลับช้าลง โดยสาเหตุหลักคือนายจ้างอิสราเอลมีการจะจ่ายค่าแรงเพิ่มมากขึ้นเพื่อไม่ให้เดินทางกลับประเทศ” นายณัฐพลระบุ 

ภายหลังประชุมเพียง 20 นาที นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการประชุมติดตามความคืบหน้าของสงครามฮามาสกับอิสราเอล ซึ่งข้อมูลปัจจุบันมีผู้แสดงความประสงค์กลับไทย 8,500 คน และถึงวันนี้มาได้ประมาณกว่า 3 พันคน ขีดความสามารถในการนำคนไทยกลับมาได้ประมาณ 800 คนต่อวัน และเพิ่มได้อีก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการมีคนเปลี่ยนใจไม่กลับมาเยอะพอสมควรเหมือนกัน เหตุผลหลักคือนายจ้างอิสราเอลดึงเรื่องการจ่ายเงินไปเป็นวันที่ 10 พ.ย. และอัปค่าจ้างออกไปเพื่อเป็นแรงจูงใจให้แรงงานไทยอยู่ต่อ แต่เราได้ประชุมกันแล้วทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายการทหาร ฝ่ายการต่างประเทศ เรายืนยันว่าแม้ว่าข่าวเรื่องการถล่มจะเบาบางลงไป แต่จริงๆ แล้วความเข้มของสงครามไม่ได้ลดลงไปเลย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและอาจขยายวงไปอีกบางประเทศที่ใกล้เคียงด้วย

 “ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงจริงๆ เป็นอะไรที่เรามั่นใจว่าคงเลวร้ายลงไป นี่ขนาดเรียกว่ายังไม่มีเรื่องของการปฏิบัติการภาคพื้นดินเลย ซึ่งมีข่าวว่าจะมีการปฏิบัติการภาคพื้นดินในอีก 2-3 วันนี้ ตรงนี้อยากขอเตือนพี่น้องว่ากลับมาเถอะครับ หากญาติพี่น้องอยู่ที่นี่ ขอให้บอกไปที่ญาติพี่น้องที่ทำงานที่นั่นให้กลับมา ต้องขอให้กลับมา เพราะช่วงนี้เป็นช่วงยังกลับได้อยู่ ถ้าเกิดมีการปฏิบัติการภาคพื้นดินขึ้น การกลับเข้ามาก็จะลำบาก เรื่องการเดินทางเข้าสู่ศูนย์อพยพเพื่อไปสนามบินก็จะลำบาก อันนี้รัฐบาลเห็นตรงกัน เป็นเรื่องที่เราจำเป็นต้องพูดและสื่อสารให้พี่น้องทุกคนได้ทราบ” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า ในที่ประชุมได้มอบหมายให้ รมว.แรงงาน ซึ่งรับปากจะไปดูแลแรงงานที่กลับเข้ามา โดยเพิ่มแรงจูงใจให้รีบกลับเข้ามา เพราะคนที่กลับเข้ามาได้เดือนละประมาณ 15,000 บาท ก็จะเพิ่มค่าแรงให้อีก เพื่อให้กลับเข้ามาแล้วจะได้อีกเป็นจำนวนที่มากขึ้น ขณะที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ก็เป็นห่วง และช่วยคิดวิธีการที่เวลาแรงงานไทยกลับเข้ามาแล้วจะให้ทำงานอะไร ซึ่งแรงงานไทยที่ไปทำงานอิสราเอลส่วนมากเป็นแรงงานภาคเกษตร ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ฉะนั้นการกลับเข้ามากระทรวงเกษตรฯ อาจมีความต้องการใช้แรงงานตรงนี้ จึงพยายามประกาศออกไปให้ทราบว่า ถ้ากลับมาก็มีงานให้ทำอยู่จะได้รีบๆ กลับมา 

คุยใช้ทุกช่องทางช่วยคนไทย

 “การประสานความช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล เราประสานทุกช่องทาง แต่ที่ไม่พูดเพราะเป็นเรื่องความมั่นคง เราใช้ทุกวิถีทาง ทั้งผ่านนายกฯ มาเลเซีย รวมถึงการไปเข้าร่วมการประชุม ASEAN-GCC Summit ที่ซาอุดีอาระเบีย ก็ได้พูดคุยกับกษัตริย์โอมานและบาห์เรน รวมถึงมกุฎราชกุมารและนายกฯ ซาอุฯ ซึ่งทุกท่านตระหนักดี และทราบถึงสถานภาพของคนไทย ซึ่งเราไม่ได้เป็นคู่กรณีหรือคู่ขัดแย้งเลย และเรามีการสูญเสียที่สูงมาก มีตัวประกัน 19 คน ซึ่งต้องยืนยันว่าเวลานี้ยังไม่รู้ชะตากรรม แต่ทุกเส้นทางเราพยายามทำงานกันอยู่ มีเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของเราบินออกไป แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าบินไปไหนและพบกับใคร แต่ยืนยันว่าเราทำทุกวิถีทางที่สามารถทำได้ พยายามทำอยู่”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่องทางที่จะนำคนไทยกลับสะดวกมากยิ่งขึ้นใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา รมช.กต.ยืนยันว่าพาคนกลับได้วันหนึ่ง 800-1,000 คนสบายๆ แต่ว่าบางคนเปลี่ยนใจ ซึ่งเมื่อมีการเปลี่ยนใจ เรื่องการบริหารจัดการเครื่องบินก็มีปัญหา หากจะกลับถึง 1,000 คน เราก็จัดการได้และอยากให้แจ้งมา แต่ขอว่าอย่าเปลี่ยนใจเลย วงเงินแค่ไหนก็ไม่คุ้มกับชีวิตหรอก 

เมื่อถามถึงกรณีมีแรงงานบางคนเดินทางไปทำงานอย่างไม่ถูกต้องและไม่กล้ากลับ เพราะกลัวถูกดำเนินคดีนั้น นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เรามาพูดกันทีหลังได้ ไม่มีปัญหา จัดการได้หมด ขอให้กลับมา อย่างแรกคือความปลอดภัย เรื่องอื่นเป็นเรื่องรองหมด อย่าเป็นห่วงในเรื่องนั้น ขอให้เป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องกลับมาโดยเร็ว และขอยืนยันว่าถ้ามารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ไทยกลับได้แน่นอน ไม่มีปัญหา 

ถามอีกว่า มีข้อสังเกตถึงรูปแบบการเสียชีวิตของคนไทยที่ดูเหมือนถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยม นายกฯ กล่าวว่า ต้องให้เกียรติญาติพี่น้องและครอบครัว การพูดเรื่องพวกนี้ บางทีจะกระทบกระเทือนจิตใจ การสูญเสียครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวอยู่แล้ว วิธีการที่เสียชีวิตเกิดขึ้นจากสงครามแล้วกัน อย่าไปลงรายละเอียดกันเลยว่าเป็นอะไร ข้อมูลเรามีแต่ไม่อยากเปิดเผย และอย่าเปิดเผยเลยดีกว่าตรงนี้

ภายหลังสัมภาษณ์รอบแรกเสร็จ นายเศรษฐาได้กลับมาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกครั้งว่า ขอตั้งข้อสังเกตถึงกรณีจ่ายค่าแรงในวันที่ 10 พ.ย. ทั้งที่การจ่ายเงินควรต้องเป็นวันที่ 31 ต.ค. ทำให้ชวนคิดได้ว่าทำไมต้องไปจ่ายวันที่ 10 พ.ย. แสดงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิดและเราไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม แต่คิดไปก็เป็นแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น ในฐานะที่เป็นนายกฯ หยิบประเด็นนี้มาพูดก็คิดว่าน่าจะเป็นประเด็น แต่ก็ต้องพูด เพราะจะจ่ายเงินวันที่ 10 พ.ย. แล้วถ้าก่อนหน้านั้นมีอะไรเกิดขึ้นจะได้กลับประเทศหรือไม่ จึงขอให้แรงงานไทยคิดดีๆ ว่าจะอยู่หรือกลับ และจะโทรศัพท์หาเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ ละเอียดอ่อน และอย่าเอาเรื่องเงินมาแลกกับชีวิตของคนไทย ต้องขอร้อง และเรื่องนี้ควรดูแลเราให้ดีกว่านี้ ถ้าเราอยากจะกลับวันไหนก็ควรต้องจ่ายค่าแรง ไม่ใช่เอาเงินมาล่อให้เราอยู่ ถ้ามีการสูญเสียเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องใหญ่ 

เศรษฐาเตรียมบี้ทูตอิสราเอล

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่กลัวว่าจะเกิดเป็นประเด็นดรามาตีกลับเรื่องนี้หรือ นายกฯ กล่าวว่า “ตีกลับก็ตีกลับ ผมก็ต้องรับ หน้าที่ผมคือดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยทุกคน ซึ่งพร้อมน้อมรับ”

เมื่อถามว่า จะต้องมีการคุยกับทางการอิสราเอลเพื่อไปพูดคุยกับนายจ้างด้วยหรือไม่ นายกฯ ย้ำว่า จะโทร.ไปคุยกับทูตอิสราเอลว่ากรณีนี้ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ ส่วนจำนวนแรงงานที่ถูกยื้อเอาไว้นั้นยังไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และขอย้ำว่าให้แรงงานไทยตัดสินใจให้แนวแน่ว่าจะเดินทางกลับหรือไม่กลับ เพราะถ้ามีปฏิบัติการภาคพื้นดินเมื่อไหร่ เส้นทางถนนถูกตัดขาด ไม่สามารถจะออกมาได้ เงินเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม       

ด้านนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าแรงงานไทยที่เสียชีวิตว่า ตอนนี้เราต้องประสานงานหลายๆ ทาง ซึ่งยังไม่มีความแน่ชัดว่าเป็นใคร คงต้องเริ่มเก็บดีเอ็นเอเพื่อตรวจสอบ ส่วนความยากในการพิสูจน์อัตลักษณ์นั้น เราต้องดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการยืนยันตัวตนของแรงงาน ซึ่งได้คุยกับสถาบันนิติเวชที่ไทยแล้ว ซึ่งยอมรับแนวทางการดำเนินการของอิสราเอล

เมื่อถามว่า อีกไม่กี่วันจะมีปฏิบัติการภาคพื้นดิน ได้เตรียมมาตรการเพื่อโน้มน้าวคนไทยให้เดินทางกลับหรือไม่ เพราะอาจส่งผลให้การประสานงานรับกลับยากยิ่งขึ้น นายจักรพงษ์กล่าวว่า ตามที่นายกฯ ได้ชี้แจงไปในเรื่องของรายได้ที่แรงงานยังไม่ได้ ซึ่งได้พูดคุยกับกระทรวงแรงงานแล้ว  ว่าต้องพูดคุยกับนายจ้างอีกกว่า 10 บริษัทที่อิสราเอล เพื่อจะได้ไม่นำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเพื่อให้แรงงานอยู่ต่อ

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดหัวหินประเสริฐธรรม บ้านโคกสูง ม.6 ต.โนนธาตุ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น สถานที่ประกอบพิธีฌาปนกิจ 2 แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากสงครามในอิสราเอล โดยวัดได้สร้างเมรุชั่วคราวเป็นเตาเผาเชิงตะกอน เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจนายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ อายุ 26 ปี และนายพิชิต นาจันทร์ อายุ 27  ปี ซึ่งทางการอิสราเอลได้ส่งกลับมาเมื่อวันที่ 20 ต.ค. และครอบครัวได้ตั้งศพสวดมาติกาที่บ้านเป็นเวลา 3 คืน และจะมีพิธีฌาปณกิจพร้อมกัน

นางหมวย นาจันทร์ มารดาของนายพิชิตกล่าวว่า วันสุดท้ายแล้วที่ได้อยู่กับลูกชาย พอทำใจได้บ้างแล้ว หลังได้ตั้งศพสวดพระอภิธรรมมาจนวันสุดท้าย และต้องเคลื่อนศพลูกชายไปเมรุเพื่อทำการฌาปนกิจ ก็ทำให้คิดได้ว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องพบเจอ เพียงแต่ลูกชายตายจากการกระทำที่เกิดจากความรุนแรงโหดเหี้ยมเท่านั้น

และในเวลา 15.30 น.ก็ได้มีพิธีฌาปนกิจ 2 แรงงานไทย ท่ามกลางบรรยากาศที่หดหู่ใจของผู้ที่มาร่วมงานเป็นอย่างมาก

ส่วนที่ ต.ฉลุง อ.เมืองสตูล นายอับดุลเลาะห์ มานะบุตร อายุ 19 ปี นักศึกษาที่ไปฝึกงานประเทศอิสราเอล ได้เดินทางกลับถึงมาตุภูมิแล้ว มีญาติพี่น้องที่เฝ้ารออยู่เข้าสวมกอดด้วยความปลื้มใจกันทั่วหน้า

นายอับดุลเลาะห์กล่าวว่า ตนเดินทางไปอยู่ที่เมืองอีดาน ประเทศอิสราเอล 3 เดือน เพื่อฝึกงานตามที่มหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาสส่งตัวไป ตามโครงการสหกิจศึกษาด้านเทคโนโลยีการเกษตรประเทศอิสราเอลที่ต้องใช้เวลา 10 เดือน มีเพื่อนๆ เดินทางไปฝึกงานครั้งนี้  30 คน ใน 30 คนต่างกระจายกันไปตามฟาร์มต่างๆ ฟาร์มละ 2 คน และในหนึ่งสัปดาห์มีเวลาเรียน 1 วัน  ที่เหลือเป็นภาคปฏิบัติอยู่ในฟาร์มเกษตรและเก็บผลผลิตทางการเกษตร

ส่วนที่บ้านบันนังปุเลา ซอย 6 (ซอยกุโบร์) ต.เจ๊ะบิลัง อ.เมืองสตูล นายโสมนัส พระวิชัย อายุ 44 ปี แรงงานไทยในเมืองยาเต็ด ประเทศอิสราเอล ที่ได้เดินทางกลับบ้านพบลูกเมีย ระบุว่ายังเป็นห่วงเพื่อนๆ แรงงานไทยที่ยังไม่ประสงค์จะเดินทางกลับ โดยตนทำงานอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 12 กิโลเมตร ได้พบเห็นภาพที่น่ากลัวมากในระหว่างการสู้รบ มีการยิงกระสุนข้ามศีรษะไปมา ทั้งนี้ญาติๆ  ของแรงงานไทยบอกว่าอยากจะให้เปลี่ยนประเทศ โดยไปทำงานที่เกาหลีใต้หรือญี่ปุ่นแทนเพราะไม่มีสงคราม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอมิ้ง' แจงยังไม่นำรายชื่อ 'ครม.อิ๊งค์ 1' ขึ้นทูลเกล้าฯ

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติ ในลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญของผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

สุดสับสน! ปรากฏการณ์การเมืองไทย ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเฉพาะกลุ่ม สส. แต่หัวหน้าพรรคกลับถูกไล่ออกไม่ให้ร่วมด้วย

'เรืองไกร' ท้า 'นายกฯอิ๊งค์' โชว์ใบลาออก พ้นกรรมการ 20 บริษัท

ายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณะเกี่ยวกับการลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ รวม 20 บริษัท

'นายกฯอิ๊งค์' อยู่ได้เกิน 6 เดือนไหม! ขึ้นอยู่กับ 2 ทางรอด

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊งจะอยู่เกิน 6 เดือนไหม