อิสราเอลโจมตีครั้งใหม่ฝั่งเวสต์แบงก์และโบสถ์ในกาซา มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย "อียิปต์" เร่งรื้อบล็อกคอนกรีตใกล้ชายแดน เปิดทางรถขนเสบียงเข้าช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ "เศรษฐา" ขอผู้นำเวที ASEAN-GCC ร่วมเรียกร้องสงครามยิว-ฮามาสยุติความรุนแรง แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี "8 ร่างแรงงานไทย" กลับถึงบ้าน "บัวแก้ว" แจ้งคนไทยถูกจับตัวประกันเพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 19 ราย ยอดขอกลับประเทศ 8,345 คน
เมื่อวันที่ 20 ต.ค. สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กองทัพอิสราเอลโจมตีครั้งใหม่ในแนวรบด้านเขตเวสต์แบงก์ของปาเลสไตน์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตล่าสุด 13 ราย ตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์
"กองกำลังของอิสราเอลก่อเหตุสังหารหมู่ในนูร์ชามส์ระหว่างการโจมตีเมื่อวานนี้ โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 5 ราย" กระทรวงระบุในถ้อยแถลง
อิสราเอลอ้างอิงไปในทิศทางเดียวกันว่า กองทัพได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศซึ่งสังหาร "ผู้ก่อการร้ายจำนวนหนึ่ง" ในเมืองนูร์ชามส์ และมีการยิงตอบโต้กับกลุ่มติดอาวุธที่ใช้ระเบิดขว้างใส่กองกำลังความมั่นคงของตน
อีกหนึ่งการโจมตีที่ยังคงถกเถียง คือการที่อิสราเอลโจมตีโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์เซนต์พอร์ฟีเรียสในย่านประวัติศาสตร์ของฉนวนกาซาเมื่อวันพฤหัสบดี ทำให้มีผู้พลัดถิ่นที่พักพิงในบริเวณดังกล่าวเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ซึ่งกองกำลังป้องกันอิสราเอลยอมรับว่าส่งเครื่องบินรบของตนเข้าไปโจมตีศูนย์บัญชาการของฮามาส และผลจากการโจมตีทำให้กำแพงโบสถ์แห่งหนึ่งในพื้นที่ได้รับความเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยโบสถ์แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลอาห์ลี อาหรับ ซึ่งถูกโจมตีทางอากาศเมื่อวันอังคาร
นอกจากนี้ กองทัพอิสราเอลยังสั่งอพยพประชาชนออกจากเมืองเคอร์ยัตชโมนาทางตอนเหนือ หลังเกิดเหตุปะทะกับนักรบฮิซบุลเลาะห์ตามแนวชายแดนติดกับเลบานอนต่อเนื่องหลายวัน พร้อมเคลื่อนย้ายรถถังและอาวุธหนักเข้าพื้นที่เพื่อโจมตีโครงสร้างพื้นฐานและจุดสังเกตการณ์ของกลุ่มติดอาวุธในเลบานอน
ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม กลุ่มติดอาวุธฮามาสบุกเข้าไปในอิสราเอลจากฉนวนกาซาและสังหารผู้คนอย่างน้อย 1,400 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนที่ถูกยิง, ทำลายหรือเผาจนตาย นอกจากนี้ยังจับตัวประกันไปอีกเกือบ 200 คน รวมถึงชาวต่างชาติจาก 24 ประเทศ
ในขณะที่การตอบโต้ไปยังฉนวนกาซา ชาวปาเลสไตน์ราว 3,785 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกัน ถูกสังหารในการทิ้งระเบิดอย่างไม่หยุดยั้งของกองกำลังอิสราเอล
ล่าสุด เส้นทางความช่วยเหลือในฉนวนกาซาเริ่มมีความชัดเจนขึ้น แม้จุดผ่านแดนราฟาห์จะยังไม่เปิดตามกำหนดในวันศุกร์ก็ตาม โดยอียิปต์เริ่มรื้อบล็อกคอนกรีตใกล้ชายแดน และส่งพาหนะพร้อมอุปกรณ์เข้าไปซ่อมแซมถนนในฝั่งปาเลสไตน์เพื่ออำนวยความสะดวกให้รถบรรทุกของสหประชาชาติ เป็นสัญญาณแห่งความหวังว่าความช่วยเหลือที่จำเป็นอย่างยิ่งจะเริ่มไหลไปยังชาวปาเลสไตน์ที่ติดอยู่ข้างในในไม่ช้า
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เพิ่งบรรลุข้อตกลงกับอียิปต์และอิสราเอลที่อนุญาตให้รถบรรทุกเสบียงความช่วยเหลือข้ามแดนได้ 20 คัน แม้องค์การอนามัยโลกชี้ว่าต้องส่งเข้าไปให้ได้ถึง 2,000 คันเป็นอย่างน้อย
แต่ข้อตกลงดังกล่าวมาพร้อมกับเงื่อนไขที่เข้มงวดจากอิสราเอลที่ว่าความช่วยเหลือจะต้องส่งไปทางใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งอิสราเอลสั่งให้พลเรือนอพยพเท่านั้น และต้องไม่ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มติดอาวุธฮามาส
ขณะที่หัวหน้าผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติเรียกร้องอิสราเอลว่า การขยายการดำเนินการใดๆ ทางทหารของอิสราเอลอาจเป็นยิ่งกว่าหายนะสำหรับประชาชนในฉนวนกาซา พร้อมขอให้ทบทวนและยับยั้ง
ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวถ้อยแถลงภายใต้แนวคิด Innovative Partnership for Sustainable Future หรือความเป็นหุ้นส่วนสร้างสรรค์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN- Gulf Cooperation Council Riyadh Summit : GCC) ร่วมกับผู้นำชาติสมาชิกอาเซียนและคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน กาตาร์ คูเวต และโอมาน ตอนหนึ่งระบุว่า ขอเรียกร้องให้ ASEAN-GCC สร้างขึ้นบนความปรารถนาร่วมกันเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง "ประเทศไทยเสียใจกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดความสูญเสียและมีผู้เสียชีวิต รวมถึงคนไทยถึง 30 คน ซึ่งขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันยุติความรุนแรง แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีโดยใช้การเจรจาต่อรอง การทูต ภายใต้พื้นฐานของการแก้ปัญหาระหว่างสองประเทศ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงในตะวันออกกลาง และปล่อยตัวประกันทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข" นายเศรษฐากล่าว
ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ เวลา 15.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) มีการจัดพิธีวางพวงหรีดและยืนสงบนิ่งไว้อาลัย 8 แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงภายในประเทศอิสราเอล ประกอบด้วย 1.นายพงษธร ขุนศรี 2.นายพิชิต นาจันทร์ 3.นายชัยรัตน์ สานุสันต์ 4.นายอานันต์ เพชรแก้ว 5.นายพงษ์พัฒน์ สุชาติ 6.นายอนุชา โสภากุล 7.นายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ 8.นายธนกฤจฒ์ ปรากฎวงษ์ ภายหลังสถาบันนิติเวชของอิสราเอลอนุญาตให้นำร่างของคนไทยทั้งหมดส่งกลับประเทศ โดย น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตฯ, นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงสุล, นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม และนายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) เป็นผู้แทนฝ่ายไทยเข้าร่วมพิธี
แรงงานไทยถูกจับเพิ่ม 2 ราย
ส่วนฝ่ายอิสราเอล มีผู้แทนระดับสูงเข้าร่วมพิธี ประกอบด้วย นายไมเคิล โรเนน อธิบดีกรมเอเชียและแปซิฟิก, นาง อินบัล มาชาช หัวหน้าสำนักแรงงานต่างชาติ และนางเชอร์ลี ไรซิน แซสสัน ผู้อำนวยการฝ่ายความตกลงทวิภาคีสำนักงานประชากรและตรวจคนเข้าเมืองอิสราเอล, นางชิรี เลฟแรน หัวหน้าคณะทำงานคุ้มครองสิทธิประโยชน์แรงงานต่างชาติในอิสราเอล กระทรวงแรงงาน และเจ้าหน้าที่จากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล
นายไมเคิล โรเนน กล่าวว่า ตนได้เป็นผู้แทนในการกล่าวในพิธีการต่างๆ มากมาย แต่การเป็นผู้แทนของอิสราเอลในวันนี้เป็นการกล่าวด้วยความเศร้าสลด ขอแสดงความเสียใจในนามของทางการอิสราเอลต่อการสูญเสียชีวิตของแรงงานไทยในครั้งนี้
น.ส.พรรณนภากล่าวว่า สงครามครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อคนไทยอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่ไทยมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งครั้งนี้ ทั้งนี้ หวังว่าสงครามจะจบโดยเร็วเพื่อมิให้เกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้
ต่อมาเวลา 08.50 น. สายการบิน El Al เที่ยวบินที่ LY083 ซึ่งนำร่างแรงงานไทยทั้ง 8 รายออกจากอิสราเอลในวันที่ 19 ต.ค. เวลา 20.00 น. ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีญาติพี่น้องบางส่วนของผู้เสียชีวิตมารอรับร่างของแรงงานทั้ง 8 ราย พร้อมกับนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศ, นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน, นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย, นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายร่างแรงงานทั้งหมดกลับภูมิลำเนา
นายไพโรจน์กล่าวว่า หลังจากร่างแรงงานถึงภูมิลำเนาแล้วจะให้ 5 เสือแรงงานลงพื้นที่ไปหาทางครอบครัวแรงงาน เพื่อชี้แจงสิทธิ์ที่ควรได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ และของอิสราเอลด้วย โดยกรณีเป็นภรรยา จะได้เงินช่วยเหลือเดือนละ 40,000 บาท จนกว่าจะแต่งงานใหม่ ส่วนลูกก็จะได้เงินช่วยเหลือเดือนละ 6,000-12,000 บาท จนกว่าจะอายุครบ 18 ปี ส่วนเรื่องการพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิต ก็น่าจะไม่เป็นปัญหา เนื่องจากได้มีการพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตผ่านทางสถานทูตไทยอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการช่วยเหลือคนไทยออกจากประเทศอิสราเอล เครื่องบินของสายการบินสไปซ์เจ็ท จะนำคนไทยจำนวน 320 คน ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 21 ต.ค. เวลา 13.10 น. อีกทั้งยังมีเที่ยวบินของสายการบิน Arkia จะนำคนไทย 214 คน เดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเวลา 14.05 น.
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสถานะคนไทยที่ได้รับผลกระทบในอิสราเอล ณ วันที่ 20 ต.ค. ผู้เสียชีวิตยังมียอดรวม 30 ราย ผู้บาดเจ็บยังอยู่ที่จำนวน 16 ราย และผู้ที่ถูกจับไปเพิ่มอีก 2 ราย ทำให้มียอดรวมเป็น 19 ราย ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอกลับประเทศไทย ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลนั้น ยอดล่าสุดมี 8,345 คน และผู้ที่ยังไม่ขอกลับประเทศ มีจำนวน 116 คน
วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก “Royal Thai Consulate-General, Sydney” ของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โพสต์ประกาศเตือนคนไทยในนครซิดนีย์ว่า กลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ในนครซิดนีย์มีแผนที่จะจัดการชุมนุมในนครซิดนีย์อีกครั้งในวันที่ 21 ต.ค. โดยจะเดินขบวนจากบริเวณย่านทาวน์ฮอลล์ ไปยังเบลมอร์พาร์ค โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก สถานกงสุลใหญ่ฯ จึงขอแจ้งเตือนชุมชนไทยให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินทางไปใกล้สถานที่ชุมนุม
ที่รัฐสภา นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ กล่าวว่า ในการประชุม กมธ. มีการพิจารณาสถานการณ์ในอิสราเอลและกาซา โดยเชิญ 3 หน่วยงาน ได้แก่ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ตัวแทนกระทรวงแรงงาน และผู้บัญชาการทหารอากาศ โดย กมธ.มีข้อเสนอ 6 เรื่อง คือ 1.เร่งช่วยเหลือตัวประกันคนไทยจำนวน 17 คน โดยใช้ช่องทางทั้งด้านการทูตและความมั่นคง 2.เร่งรัดอพยพคนไทย 8,237 คนกลับประเทศโดยเร็วที่สุด 3.ควรเจรจาสิทธิการบินเพื่อบินตรงข้ามหลายประเทศ 4.ขอให้ดูแลแรงงานไทยราว 20,000 คนที่ทำงานต่อในอิสราเอลให้ปลอดภัย และติดตามสิทธิประโยชน์ 5.เรียกร้องเปิดช่องทางมนุษยธรรมให้ความช่วยเหลือกับพลเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โดยเร็ว และ 6.พิจารณาทางเลือกในการไปทำงานที่ประเทศอื่นๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทอน-เท้งไม่กล้าแตะแม้ว ร้องกกต.ซื้อเสียง52เรื่อง
“อิทธิพร” ยืนยันความพร้อมเลือกตั้งสมาชิก-นายก อบจ.
งบปี69ยึด3เป้า ย้ำขรก.ใช้คุ้มค่า คัด‘ปธ.ธปท.’อืด
นายกฯ มอบนโยบายจัดทำงบปี 69 วาง 3 เป้าหมาย ไม่ลดสัดส่วนนักลงทุน-ไม่เพิ่มงบ-ไม่เพิ่มอัตรากำลัง
สภาไฟเขียว‘สุราชุมชน’ ตีปี๊บซอฟต์พาวเวอร์ไทย
มติสภาเอกฉันท์ 415 เสียง ไฟเขียว "กม.สุราชุมชน" เปิดโอกาสเกษตรกรรายย่อยผลิต-มีเครื่องกลั่นสุรา
อิ๊งค์หวิดโดนตุ๋น/3ทุนใหญ่งาบ
อึ้ง! "นายกฯ อิ๊งค์" หวิดโดนคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน
ลากทักษิณขึ้นเขียง แพทยสภาเปิดวอร์รูมตรวจเวชระเบียนชั้น14เร่งจบมี.ค.
แพทยสภาเข็นนักโทษเทวดาขึ้นเขียง “หมออมร” เปิดวอร์รูมนัดแรกตรวจเอกสารลับ
แรงงานไทย เฮ "พิพัฒน์" บินด่วนอิสราเอล หารือรัฐมนตรีอิสราเอล โควต้าแรงงานเกษตร ปศุสัตว์ เพิ่ม นับ 13,000 คน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต นายศักดินาถ