ซัดกันนัว “ก้าวไกล“ โวยนายกฯ เมินตอบกระทู้ ส่ง รมต.แทน ก็ไม่มาประชุม ด้านเพื่อไทยส่ง “ลูกเสธ.แดง” ปกป้องผู้นำไปทำงานเพื่อชาติ ส่วน “เค สามถุยส์’ เดินหน้าทวงสอบจริยธรรม “รองอ๋อง” ปม "อมรัตน์" คุกคามบุคคลอื่น ด้าน “บุ้ง-หยก” บุกศาล โวย จนท.ใช้ไม้ตี ศาลแจงปีนรั้ว กระชากคอเสื้อ-ผลักอก-เตะ จนท.ต้องใช้กระบองระงับเหตุ
ที่รัฐสภา วันที่ 19 ตุลาคม นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีสมาชิกพรรคก้าวไกลทำร้ายร่างกายภรรยา ว่า พรรคจะไม่อดทนกับการใช้กำลังในการตัดสินปัญหา รวมถึงชายทำร้ายหญิง หญิงทำร้ายชาย เราไม่สามารถยอมรับได้ แต่จากการสอบถามและค้นประวัติพบว่า เป็นเพียงสมาชิกพรรคที่สมัครเข้ามาเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และตรวจสอบจากคณะทำงานของพรรคที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการบริหารพรรคไม่มีชื่อบุคคลดังกล่าว เราจึงมั่นใจได้ว่าบุคคลนี้ไม่ได้เป็นคณะทำงาน แต่เป็นสมาชิกพรรคที่ร่วมลงพื้นที่กับคณะทำงานของพรรคเท่านั้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสมาชิกหรือ สส.ถ้าอยู่ในสังกัดพรรคก้าวไกล เราจะสอบสวนตามระเบียบกฎกติกาของพรรค ถ้าผิดคงต้องขับออกจากพรรค แม้พรรคยืนยันเสมอไม่ว่าคดีทำร้ายร่างกาย หรือคดีมาตรา 112 ก่อนศาลตัดสินว่าผู้ใดกระทำผิด ต้องเชื่อว่าบุคคลนั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์
ทางด้านการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธาน นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีด้วยวาจา เรื่องการเปิดตลาดนัดผิดกฎหมายแอบแฝงการพนันฉ้อโกงประชาชน ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า นายกฯ ได้มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้แทน ซึ่งก็ได้มอบให้นายทรงศักดิ์ ทรงศรี รมช.มหาดไทย แต่นายทรงศักดิ์ก็ติดภารกิจ จึงขอเลื่อนการตอบกระทู้ถามดังกล่าวก่อน
จากนั้นนายปิยรัฐได้หารือประธานสภาฯ ว่า หากครั้งหน้านายกฯ ไม่สามารถมาได้ ประธานสภาฯ จะมีหนังสือเพื่อท้วงติงนายกฯ หรือไม่ และนายกฯ ต้องชี้แจงเหตุผลว่าทำไมวันนี้มาไม่ได้ด้วย ทำให้ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง พร้อมกล่าวว่า ตอนนี้นายกฯ ติดภารกิจที่ต่างประเทศ และได้มีการมอบหมายมาแล้ว ไม่ทราบว่าจะพาดพิงทำอะไร นายปิยรัฐกล่าวว่า เรื่องกระทู้ถามสดนายกฯ ก็ต้องมา เข้าใจว่านายกฯ อาจจะไม่สะดวกบางสัปดาห์ แต่การมอบหมายคนที่มาไม่ได้ ตนว่าไม่ใช่ปกติ หรือมีส่วนได้เสียอย่างไรกับสิ่งที่ตนจะตั้งกระทู้
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นหารือประธานสภาฯ ว่า อยากรบกวนประธานสภาฯ ทำหนังสือถึงนายกฯ โดยตรง ซึ่งเข้าใจดีว่านายกฯ ติดภารกิจไปต่างประเทศ แต่การมอบหมายให้รัฐมนตรีมาตอบถือว่าเป็นหน้าที่และการให้เกียรติสภาฯ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ถ้าไม่จำเป็นรัฐมนตรีต้องสแตนด์บายรอรับการมอบหมายจากนายกฯ แต่ที่ผ่านมาสภาฯ แห่งนี้ได้รับการร่วมมือจาก ครม.น้อยเกินไปอย่างมาก และใกล้จะปิดสมัยประชุมสภาฯ แล้ว ยังไม่มีผ่านกฎหมายสักฉบับ
นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ในกรณีที่จะถามกระทู้ทั่วไปหรือกระทู้ถามสด ขอให้ถามไปที่กระทรวงและงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง หากถามไปถึงนายกฯ โดยนายกฯ ก็ต้องมอบกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และกว่าจะมอบไปที่ รมช.ก็ต้องใช้เวลา ขอแนะนำเพื่อให้การถามและตอบมีประสิทธิภาพ แต่ สส.มีสิทธิ์ที่จะถามรัฐมนตรีคนไหนก็ได้
วันเดียวกัน นายนิยม นพรัตน์ หรือ "เค สามถุยส์" เข้ายื่นหนังสือถึงนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เพื่อขอความเป็นธรรมในการตรวจสอบจริยธรรมของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 โดยนายนิยมกล่าวว่า เนื่องจากนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ที่ปรึกษาของรองประธานสภาฯ คนที่ 1 มีพฤติกรรมคุกคาม ข่มขู่ประชาชน เนื่องจากเราได้เรียกร้องในเรื่องนี้ไปกว่า 1 เดือนแล้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจนจากพรรคก้าวไกลว่า จะลงโทษ หรือจะแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างไร เหตุการณ์นี้เกิดตั้งแต่ตอนที่นายปดิพัทธ์ยังอยู่พรรคก้าวไกล รวมถึงกรณีที่ที่ปรึกษาของรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ได้เดินทางไปประเทศเยอรมนี พร้อมกับ สส.ของพรรค ก.ก.จึงมีคำถามว่า ไปในตำแหน่งหรือฐานะอะไร เพราะบุคคลนั้นได้ออกมาระบุเองว่า ลาออกจากการเป็นที่ปรึกษาแล้ว และเนื่องจากเขาเป็นข้าราชการทางการเมืองคุกคามประชาชน เราปล่อยคนเหล่านี้ไว้ไม่ได้ ต้องมีการลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่งั้นจะเป็นเยี่ยงอย่างต่อไปในอนาคต
“ยังไม่เห็นความคืบหน้าจากพรรคก้าวไกล ทั้งที่อ้างตัวเองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ สามารถตรวจสอบได้ คนมีอุดมการณ์อยู่ร่วมกัน ไม่ปกป้องพวกพ้องเหมือนนักการเมืองเก่า แต่สิ่งที่พูดมาทั้งหมดทุกวันนี้อยู่ในพรรคก้าวไกล อะไรที่พูดออกมาผมไม่เห็นภาพ พฤติกรรมของคุณหนักกว่าสิ่งที่คุณกล่าวหาพรรคการเมืองอื่น จึงขอเรียกว่าซุ้มการเมือง”
ด้านนายพิเชษฐ์กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ถ้าเป็นการร้องเรียนบุคคลให้เจาะจงไปที่ตัวบุคคล ซึ่งนายปดิพัทธ์ก็ได้ย้ายพรรคไปแล้ว แต่ตนจะนำหนังสือร้องเรียนนี้ไปให้กรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็เป็นเรื่องของกรรมาธิการแต่ละคณะ ที่จะพิจารณาข้อเรียกร้องดังกล่าว โดยอาจจะมีการเรียกผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติม
วันเดียวกันมีรายงานว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา นายสหรัฐ สุขคำหล้า หรือโฟล์ค ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตาม ป.อาญา มาตรา 112 จากกรณีการปราศรัยพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการชุมนุมที่ชื่อว่า "บ๊ายบายไดโนเสาร์" เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2563 โดยพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษจำเลยเหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ขณะที่ทนายความประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ ปรากฏว่าเกิดความวุ่นวายที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อแกนนำกลุ่มทะลุวัง นำโดย น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง และหยก เยาวชนวัย 15 ปี เข้าไปหานายสหรัฐ ระหว่างถูกส่งไปยังห้องควบคุมตัว กระทั่งเกิดการกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่
จากนั้นเฟซบุ๊กของหยกโพสต์ข้อความระบุว่า ไปฟังคำพิพากษาคดีอาญา มาตรา 112 พี่โฟล์ค พอพี่เขาถูกส่งไปยังห้องควบคุมตัว หนูไปตะโกนเรียกชื่อ พยายามคุยกับพี่เขา เจ้าหน้าที่ไม่พอใจการกระทำหนู หนูเลยรีบคุยจนจะกลับออกมาแล้ว แต่เจ้าหน้าที่มาแตะตัวหนู พี่บุ้งเข้ามากันไม่ให้เขาทำ จากนั้นมาจนถึงหน้าศาลได้เกิดเหตุถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ เขาตีพี่บุ้งด้วยไม้ พี่บุ้งยกศอกขึ้นป้องกันทำให้ไม่โดนหน้าโดนหัว แขนพี่บุ้งเลือดไหล ต่อมาเจ้าหน้าที่คนนั้นก็บอกว่าจะให้ศาลดำเนินคดี
ขณะที่สำนักงานศาลยุติธรรมได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า หลังพิจารณาคดีตาม ป.อาญา มาตรา 112 ซึ่งศาลได้ดำเนินการเสร็จแล้ว จากนั้นมีเยาวชนหญิงได้ปีนรั้วเข้ามาในบริเวณศาลอาญากรุงเทพใต้ ทั้งที่ไม่ได้ปิดประตูรั้วหรือห้ามผู้มาติดต่อราชการเข้า และขณะเวลาเกิดเหตุประชาชนก็ยังเข้ามาใช้บริการได้ตามปกติ เมื่อเกิดเหตุเช่นนั้น เจ้าพนักงานตำรวจศาลซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนที่มาติดต่อราชการในขณะนั้น เห็นเหตุการณ์และได้เข้าห้ามปราม เพื่อไม่ให้ปีนรั้วเข้ามา จึงถูกบุคคลหนึ่ง ที่มาพร้อมกับพวกรวม 4 คน เข้ากระชากคอเสื้อเจ้าพนักงานตำรวจศาล จากนั้นกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เดินเข้ามาและด่าทอเจ้าหน้าที่ขณะยืนโทรศัพท์รายงานเหตุการณ์และโทร.แจ้งตำรวจท้องที่ให้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ ต่อมาบุคคลที่ได้กระชากคอเสื้อเจ้าพนักงานตำรวจศาลก่อนหน้านั้น ได้เดินเข้ามาผลักหน้าอกเจ้าพนักงานตำรวจศาล เจ้าพนักงานตำรวจศาลจึงเดินถอยออก และพูดห้ามปรามตามยุทธวิธีปฏิบัติหลายครั้ง แต่บุคคลดังกล่าวยังเดินเข้ามาเตะเจ้าพนักงานตำรวจศาล เจ้าพนักงานตำรวจศาลจึงใช้กระบองขู่ แต่ก็ไม่หยุดและยังเดินเข้าหา เจ้าพนักงานตำรวจศาลจึงใช้กระบองตีเพื่อระงับเหตุและป้องกันตัว
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ เจ้าพนักงานตำรวจศาลมีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาลตามหลักสากล เพื่อให้การดำเนินงานของศาลสามารถอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนทุกคนได้ การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไปจะเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดกล้องวงจรปิดในบริเวณศาลสามารถบันทึกไว้ได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จ่อร้องยุบรัฐบาล! ‘วีระ’ อ้างเป็นกบฏทำ เสียดินแดน / ‘ผบ.ทร.’ ลงพื้นที่เกาะกูด
ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด กำชับกำลังพลหากมีเรื่องใดขัดข้องให้รีบแจ้งเพื่อแก้ไข ขณะที่นายอำเภอเกาะกูดลั่นเป็นของไทยมากว่า
ฮือ! ขวาง ‘โต้ง’ ยึดธปท.
นักวิชาการ-กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ย้ำหากฝ่ายการเมืองเข้าไปเป็นบอร์ด ธปท. สุ่มเสี่ยงเกิดการกินรวบ เป็นหายนะต่อประเทศ “กองทัพธรรม” ขยับล่าชื่อต้าน
ปลื้ม ‘UN’ ชม แจก ‘สัญชาติ’ ยันไม่มี ‘สีเทา’
รัฐบาลปลื้มยูเอ็น ยกย่องไทยยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ โฆษกรัฐบาลยัน กลุ่มคนสีเทา หรือแรงงานต่างด้าว หรือผู้หลบหนีเข้าเมือง ไม่ได้สัญชาติไทย เผยเหตุให้รวดเดียว 4.8 แสนคน
‘อิ๊งค์’ ส่งสัญญาณ! กวาดล้างพ่อค้ายา
“นายกฯ อิ๊งค์” ย้ำแผนปราบยา ตัดวงจร ฝึกอาชีพ ส่งสัญญาณกวาดล้างผู้ค้าในพื้นที่ระบาด ยึด อายัดทรัพย์ เอาผิดอย่างจริงจังและเด็ดขาด
นพดลวอนหยุดปั่นเกาะกูด ‘คำนูณ’ แนะชั่งข้อ ‘ดี-เสีย’
“นพดล” ย้ำ “เกาะกูด” เป็นของไทย เอ็มโอยู 44 ไม่ได้ทำให้เสียดินแดน วอนเลิกบิดเบือนหวังผลการเมือง “คำนูณ” ชำแหละบันทึกความตกลง เป็นคุณกับกัมพูชามากกว่า
อดีตคนธปท.ต้านแทรกแซง
แรงต้านแทรกแซงแบงก์ชาติขยายวง อดีตพนักงาน ธปท.อีก 416 คน ร่วมลงชื่อจดหมายเปิดผนึก ยกจรรยาบรรณประธานบอร์ดห้ามเอี่ยวการเมือง เรียกร้องคณะกรรมการสรรหาฯ