ปัด‘แสนสิริ’ทำแอปแจกเงินดิจิทัล

“เศรษฐา” โต้ข้ามประเทศ   บอก “แสนสิริ-เอ็กซ์สปริง” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ยันซูเปอร์แอปใช้เงินน้อยมากไม่ใช่ประเด็น “จุลพันธ์” ส่งเสียงเป็นคอรัสบอกธนาคารรัฐเป็นผู้ดำเนินการ แต่ปัดตอบเรื่องค่าใช้จ่ายเท่าไหร่แน่ “สมชาย” ข้องใจมุบมิบเหมือนให้มาเฟียเข้ามาแสวงประโยชน์   “พีระพันธุ์” โวลดเบนซินแน่เป็นของขวัญปีใหม่

เมื่อวันอังคารที่ 17 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นสาธารณรัฐประชาชนจีน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะจ้างบริษัทในเครือข่ายของนายกฯ จัดทำแอปพลิเคชันรองรับการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นตัวเลขมากขึ้น 12,000 ล้านบาทว่า ยืนยันไม่มีเรื่องค่าคอมมิชชัน ไม่มีการหักเบี้ยบ้ายรายทาง  หรือถูกหักเงิน 3% และไม่มีจ้างเป็นหมื่นล้านบาทอย่างที่กล่าวหา แต่ตัวเลขน้อยมาก และไม่ใช่ประเด็นแน่นอน   ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าเป็นการจ้างบริษัทในเครือข่ายของตนนั้น ขอให้ระบุชื่อมาให้ชัด เพราะแสนสิริไม่ได้ทำแอปแน่นอน ส่วนบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอลฯ (XPGX ) ที่เคยเป็นกรรมการอยู่ ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน ขอให้บันทึกว่า 2 บริษัทดังกล่าวไม่ได้เข้ามารับงาน

เมื่อถามว่า การกล่าวหาลักษณะนี้เหมือนจงใจมากเกินไปหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะเป็นบุคคลสาธารณะต้องพร้อมชี้แจงและตรวจสอบได้ มั่นใจว่านโยบายนี้เป็นนโยบายที่ดี ส่งผลกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม และให้ประโยชน์กับประชาชน เรามั่นใจในความโปร่งใสของนโยบายนี้

ถามอีกว่า นายกฯ มั่นใจในข้อมูล   แต่เหตุใดจึงไม่เลือกชี้แจงให้สังคมเข้าใจ  นายเศรษฐากล่าวว่า อยากให้คณะกรรมการศึกษาเงินดิจิทัลฯ ซึ่งประกอบด้วยผู้ชำนาญการจากหลายฝ่าย มีข้าราชการระดับสูง ซึ่งเห็นตรงและเห็นต่างกันบ้าง มีข้อแนะนำต่างๆ ได้มีสิทธิ์พูด เพราะเรามีคณะกรรมการกลั่นกรองอย่างถี่ถ้วน ขอเวลาให้ได้ถกกันให้ดี ซึ่งต้องให้เกียรติกรรมการทุกคน ส่วนการชี้แจงอาจช้า ก็น้อมรับ ซึ่งไม่อยากพูดอะไรเร็วเกินไป แต่หากมีประเด็นขึ้นมาก็พร้อมชี้แจง

“หากทุกอย่างพร้อมจะทำให้หมดสงสัย ยืนยันว่าทุกๆ ข้อสงสัย ทุกๆ คำแนะนำ จะถูกนำไปพิจารณาและปรับปรุงเพื่อให้เป็นนโยบายที่ดีที่สุด ปราศจากเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบ ส่วนความชัดเจนจะเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง  ประกาศเอาไว้” นายเศรษฐากล่าว

ด้านนายจุลพันธ์กล่าวถึงซูเปอร์แอปจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะใช้งบประมาณจัดทำเท่าไหร่ว่า เป็นความร่วมมือของกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินของรัฐ โดยค่าใช้จ่ายไม่มีตัวเลขอะไรที่น่าเป็นห่วง และขณะนี้กำลังคุยกันอยู่ว่าหน่วยงานใดจะเป็นผู้จ่ายเงิน

เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้บริษัทผู้ดำเนินการจัดทำแอปแล้วหรือยัง นายจุลพันธ์ปฏิเสธว่า ไม่ใช่บริษัท แต่เป็นธนาคารในกำกับของรัฐเป็นผู้ดำเนินการ โดยไม่มีการจ้างบริษัทภายนอก ยืนยันว่าไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนจะเป็นธนาคารใด   ต้องให้ธนาคารในการกำกับดูแลของรัฐไปประชุมและมอบหมายกันเอง โดยจะประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 19 ต.ค.นี้ ส่วนจะได้คำตอบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดดังกล่าว ซึ่งไม่สามารถตอบได้

เมื่อถามย้ำว่า จะไม่มีคนกลุ่มใดได้ประโยชน์จากการจะทำแอปใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ย้ำว่า ไม่มี พร้อมยืนยันว่าเป็นโครงการที่โปร่งใสมาก และระบบบล็อกเชนปลอดภัยมากที่สุดในตอนนี้ ที่สามารถตรวจสอบความผิดพลาดและการทุจริตได้ด้วย

เมื่อถามกรณีมีกระแสข่าวว่าค่าจะทำแอปสูงถึง 12,000 ล้านบาทนั้น รมช.การคลังหัวเราะพร้อมปฏิเสธว่า ไม่มีทาง ฟังแล้วก็ยังตลกอยู่เลย ไม่มีแอปไหนพัฒนาในราคาดังกล่าว ส่วนจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ ไม่กล้าตอบตัวเลขที่ชัดเจน แต่เท่าที่ทราบไม่ได้มากอะไร

ถามว่าทำไมไม่ใช้แอปเป๋าตัง นายจุลพันธ์ระบุว่า แอปเดิมเมื่อมาทำดิจิทัลวอลเล็ตฟังก์ชันจะเกิดความแตกต่างในระบบ และวัตถุประสงค์ก็แตกต่าง เพราะของเรากำหนดในบล็อกเชน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ต้องมีความปลอดภัยและมีกลไกที่โปร่งใส นอกจากนี้ แอปในอดีตข้อมูลยังเป็นของรัฐ แต่ตัวแอปไม่ใช่ของรัฐ ดังนั้นการต่อยอดจึงมีข้อจำกัด แต่แอปใหม่จะดึงข้อมูลของรัฐที่เป็นประโยชน์มาใช้ประโยชน์ อย่างเช่นฐานข้อมูล และโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่มีการลงทะเบียน แต่ให้ยืนยันตัวตน เพราะมีข้อกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้

ถามถึงแหล่งที่มาของเงินทั้งหมดที่รัฐใช้งบ 5.6 แสนล้านบาท จะใช้เงินนอกประมาณ 4.8 ล้านล้านบาท ตามที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทยระบุไว้หรือไม่ รมช.การคลังกล่าวว่า อันนี้ไม่รู้ไม่ทราบ ไม่ได้ฟังเขาจึงไม่กล้าตอบ

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวการเตรียมฟ้องร้องโครงการดังกล่าว รมช.การคลัง กล่าวว่า ไม่เป็นไร ใครมีสิทธิ์ดำเนินการตามช่องทางทางกฎหมายก็ดำเนินการได้ ป.ป.ช.ก็ตั้งคณะกรรมการติดตาม ก็ยอมรับว่าถือเป็นสิ่งดีมาก เพราะหน่วยงานรัฐมาช่วยดูเพื่อให้เกิดความรอบคอบ และพร้อมเสนอตัวไปคุยกับ ป.ป.ช.เองเพื่อชี้แจงให้เขาคลายกังวลและขณะเดียวกันก็รับข้อสังเกตมาปรับปรุง เพื่อให้โครงการเดินหน้า และไม่เสียวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

 “คนละเรื่องเลย ไม่เหมือนกันเลย  อันนี้เป็นกลไกที่เราจะกระตุ้นในเรื่องเศรษฐกิจโดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ  ซึ่งเรื่องนี้ผมยังหาช่องโหว่ไม่ได้เลยตรงไหนอย่างไร” นายจุลพันธ์กล่าวตอบข้อถามว่าจะซ้ำรอยโครงการจำนำข้าว

ส่วนที่พรรคเพื่อไทย (พท.) กลุ่มรวมพลคนเอาเงินหมื่น นำโดยนายยุทธศักดิ์  ชูประเสริฐ อดีตผู้สมัคร สส.ปทุมธานี พรรค พท. ได้มอบเสื้อที่มีข้อความว่า ประชาชนสนับสนุน 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต และสติกเกอร์ ให้นายจุลพันธ์ พร้อมร้องเพลงคนจนมีสิทธิ์มั้ยคะ เพื่อสนับสนุนให้พรรคเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรค พท. กล่าวโต้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  สส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ออกมาเตือนนายกฯ ว่าอย่าปลุกประชาชนหนุนดิจิทัลวอลเล็ตเป็นโล่มนุษย์กำบังความรับผิดชอบไม่ได้ ว่าอยากให้นายจุรินทร์ กลับไปทำความเข้าใจโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้ดีเสียก่อนจะวิจารณ์และตรวจสอบ ถ้ายังไม่เข้าใจก็ขอให้รอรัฐบาลออกมาชี้แจง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มาของเงิน หรือรายละเอียดของโครงการ ซึ่งนายจุรินทร์คงลืมไปว่าโครงการต่างๆ ที่ใช้เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็เคยมีมาแล้วเกือบทุกรัฐบาล  ไม่ว่าจะเป็นโครงการมิยาซาวารัฐบาลนายชวน หลีกภัย ที่ใช้เงินไป 53,000 ล้านบาท หรือโครงการเช็คช่วยชาติ ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ใช้เงินไปถึง 19,400 ล้านบาท ทุกโครงการก็เกิดขึ้นตามปัญหาเศรษฐกิจที่เผชิญ ต่างก็มีเหตุผลและความจำเป็นที่แตกต่างกันออกไป ณ เวลานั้นๆ

 “ที่ประชาชนต้องประสบปัญหาความลำบากก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากอดีต ถ้ารัฐบาลก่อนหน้าที่มีนายจุรินทร์เป็นรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ทำได้ดี เงินดิจิทัลก็คงจะไม่เกิด และการที่นายจุรินทร์ออกมาเตือนนายกฯ ว่า อย่าไปปลุกระดมประชาชนนั้น นายกฯ  เองก็ออกมาบอกแล้วว่าการให้ประชาชนออกมาส่งเสียงไม่ได้เป็นการแบ่งแยกหรือปลุกระดมแต่อย่างใด   เพียงแค่ต้องการรับฟังเสียงของประชาชนจากพื้นที่ทุรกันดาร ร้านค้าห่างไกล และการใช้จ่ายข้ามพื้นก็เท่านั้น” นายพร้อมพงศ์กล่าว

ด้านนายสมชาย แสวงการ สว. กล่าวว่า สิ่งที่ทุกคนออกมาเตือนคือจะเกิดหายนะทางการเงิน เป็นอันตรายอย่างยิ่ง แต่ยังไม่เคยได้ยินเสียงชี้แจงจากรัฐบาลเลย มีการตั้งคำถามกับโครงการนี้เยอะ ทั้งแหล่งเงิน มาจากไหน ทำไมถึงไม่แจกเงินสดอย่างตรงไปตรงมา ทำไมต้องแจกทุกคน ทำไมต้องสร้างบล็อกเชนใหม่ ทำไมไม่ใช้แอปที่มีอยู่แล้ว หรือมันมีอะไรซ่อนอยู่

“รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่าบล็อกเชนใครเป็นคนคุม เม็ดเงินสุดท้ายที่จะเบิกออกมา ใช่มาเฟียทุนเทาหรือไม่ ใช่คนที่มีผลประโยชน์จากแอปดิจิทัลเหล่านี้หรือไม่ เท่าที่ทราบตอนนี้ราคารับซื้อ 10,000 บาท เอาเงินสด 7,000 บาท และอาจจะมีมาเฟียที่ทำเกี่ยวกับพนันออนไลน์ แปลงเงินดำเป็นขาวเข้ามาซื้อ แล้วมาเบิกกับรัฐ ซึ่งตรงนี้มีมูลค่าเป็นแสนล้านบาท” นายสมชายกล่าว และว่า โครงการนี้ไม่ต่างอะไรจากโครงการรับจำนำข้าว ดังนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรย้อนกลับไปดูนโยบายของพรรค พท. ว่าใช้เงินอะไร  เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้หรือไม่ หากเข้าข่าย นำไปสู่การร้องดำเนินคดียุบพรรคได้

วันเดียวกัน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมกับสภาองค์กรของผู้บริโภคและเครือข่ายขับเคลื่อนค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม ในการหารือเพื่อสนับสนุนให้เกิดนโยบายพลังงานที่นำไปสู่ค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม  ว่าได้แลกเปลี่ยนกัน และได้รับข้อมูลที่ตรงกับที่ทราบอยู่แล้ว ซึ่งก็มีการอัปเดตความคืบหน้าในสิ่งที่ได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว

“พลังงานไม่ใช่เรื่องธุรกิจ พลังงานคือเรื่องความมั่นคงของประเทศ เป็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงของการดำรงชีวิตคน เรามีหน้าที่ทำให้อยู่ในความเหมาะสมพอดี ไม่ใช่ให้ผู้ประกอบการได้กำไรมหาศาล แล้วชาวบ้านอยู่ไม่ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว และยอมรับว่า กฎหมายของเราไปไม่ถึง จึงต้องมีการแก้ไขให้เราเป็นผู้กำหนดกติกาได้อย่างแท้จริง ซึ่งคงไม่ช้า เพราะเป็นคนร่างกฎหมายเอง

เมื่อถามถึงมาตรการการลดราคาน้ำมันเบนซิน นายพีระพันธุ์ยืนยันว่า จะทำให้ได้ตามที่พูด แต่ในการพิจารณาไม่ได้อยู่ที่กระทรวงพลังงานกระทรวงเดียว  เป็นนโยบายของรัฐบาลและนายกฯ ด้วย โดยจะพยายามทำให้ได้ไม่น้อยกว่าน้ำมันดีเซล แต่หากจำเป็นหรือไม่ถึงต้องขอโทษ จะพยายามทำให้ได้ตัวเลขเดิม 2.50 บาทต่อลิตร โดยจะทำให้เสร็จก่อนปีใหม่ จะพยายามทำให้ของขวัญ

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี  รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายเศรษฐาได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานทบทวนมาตรการลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน เพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชน หลังจากที่ได้ดำเนินการมาแล้วในกลุ่มดีเซล ซึ่งคณะกรรมการฯ จะประชุมกันนัดแรกในวันที่ 18 ต.ค. และคาดว่าจะมีข้อสรุปโดยเร็ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ปลุกทุกภาคส่วน ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านวีดิทัศน์ว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567

ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)