ปัดปลุกระดม แค่อยากรับฟัง หนุนเงินดิจิทัล

"เสี่ยนิด" ปัดปลุกระดมแบ่งแยกประชาชนหนุนแจกเงินดิจิทัล อ้างแค่อยากฟังเสียงสะท้อนบ้าง มั่นใจไม่ซ้ำรอยจำนำข้าว แกนนำ พท.ยันกระแสสังคมไม่ทำโครงการชะงัก เชื่อเป็นนโยบายที่ดี “จุรินทร์” อัดนายกฯ ไม่ควรปลุก ปชช.มาสู้กัน เหมือนใช้เป็นโล่มนุษย์กำบังความรับผิดชอบประชานิยมในอนาคต เผย ก.คลัง-ธปท. เตรียมให้ข้อมูล กมธ.เศรษฐกิจ 19 ต.ค.นี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 16 ตุลาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ที่นายกฯ ระบุว่าให้ประชาชนส่งเสียงสนับสนุน ทำให้มีบางฝ่ายมองเป็นการแบ่งแยกประชาชนหรือไม่ว่า ไม่ได้เป็นการแบ่งแยก ไม่ได้เป็นการปลุกระดม แต่ให้ออกมาบอกกับตน เพราะตนรับฟังเสียงทุกเสียง เช่นประชาชนบางคนบอกว่าระยะทาง 4 กิโลเมตร อย่าว่าแต่ 4 กิโลเมตรเลย มองไปไม่มีร้านเลย ตนก็อยากให้ออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยเหมือนกัน  

"ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะใช้เงินข้ามเขตได้หรือไม่นั้น เรื่องระยะเวลาการใช้เงิน 6 เดือน ผมก็อยากรับฟังตรงนี้ จะได้เอาสิ่งที่รับฟังไปปรับแค่หนเดียว แต่ผมยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ดี สำหรับที่มาของงบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้ จะแถลงแค่รอบเดียวให้จบว่าที่มาที่ไปของเงินมาจากไหน"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านท้วงติงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่อยากให้ซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าว นายกฯ กล่าวว่า ตนรับฟัง เมื่อถามว่าจะทำให้รัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตลอดทุกเรื่องทุกขั้นตอนเรามีคณะทำงาน มีคณะอนุกรรมการ ตนจึงไม่อยากจะพูดอะไรเพราะยังไม่เรียบร้อย เดี๋ยวจะสร้างความไม่เข้าใจเกิดขึ้น

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกระแสสังคมเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยจะกระทบกับการเดินหน้าโครงการหรือไม่ว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้าน รัฐบาลก็รับฟังและวิเคราะห์ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เท่าที่จะไม่ทำให้เสียหลักการของโครงการที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะที่กำลังยากลำบากนี้ เพื่อทำให้สามารถเดินหน้าทำงานได้

เมื่อถามว่า กระแสที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบกับการเริ่มต้นโครงการวันที่ 1 ก.พ.ที่นายกฯ ประกาศไว้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า โครงการจะเดินหน้าได้ตามที่นายกฯประกาศไว้

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม ออกมาโจมตีนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท จนถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนายสมศักดิ์หรือไม่ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกันและไม่ได้พูดคุยกัน ส่วนจะต้องป้องปรามนายสามารถหรือไม่ ไม่ต้องไปป้องปรามอะไร ปัจจุบันไม่ได้อยู่พรรคเดียวกัน เป็นเรื่องสามัญสำนึกของแต่ละคนที่จะพิจารณาดู

เมื่อถามถึงกรณีผลสำรวจนิด้าโพล พบว่าหากพรรคเพื่อไทยไม่ทำนโยบายนี้กระแสความชื่นชอบจะลดลง นายสมศักดิ์กล่าวว่า พรรคการเมืองหากคิดนโยบายใดแล้วก็ต้องมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่ดี มีการคิดกันอย่างรอบคอบ และไม่ใช่เรื่องคะแนนเสียงอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของการบริหารจัดการนโยบายมากกว่า

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการพัฒนาซูเปอร์แอป สำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งผู้พัฒนายืนยันว่าจะทันแจกเงินในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมปีหน้าอย่างแน่นอน แต่อาจจะไม่ได้เปิดทุกฟังก์ชันพร้อมกันทั้งหมด แต่จะทยอยเปิดตามฟังก์ชันที่เราต้องการในเวลาที่เหมาะสม อย่างการลงทะเบียนในเดือนพฤศจิกายนนี้ก็จะเปิดเฉพาะฟังก์ชันที่จำเป็นก่อน เพราะกระบวนการ KYC (Know Your Customer) หรือการยืนยันตัวตน ไม่จำเป็นต้องทำทั้ง 100% เพราะผู้ที่เคยยืนยันตัวตนผ่านระบบเก่าในอดีตไปแล้วประมาณ 40 ล้านคน ไม่จำเป็นต้องมายืนยันตัวตนใหม่ แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนจำเป็นจะต้องลงทะเบียนตามระเบียบข้อบังคับของธนาคารแห่งประเทศไทย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายกฯ เรียกร้องให้ประชาชนออกมาส่งเสียงต่อต้านการคัดค้านแจกเงินดิจิทัลว่า ถ้านำเงินไปแจกส่วนใหญ่ใครก็เอา ไม่ต้องไปถามหรือไปส่งเสียงให้เขาออกมาหนุน แต่ต้องบอกด้วยว่าเงินที่จะเอาไปแจกคือเงินของประเทศ เป็นเงินที่ประชาชนจะต้องแบกรับภาระร่วมกันในอนาคต ไม่ใช่เงินส่วนตัวของนายเศรษฐา คนที่เขาเห็นต่างเขาจึงมีสิทธิ์แสดงออก เพราะจะเป็นภาระกับเขาในอนาคตด้วย และประชาชนก็ไม่ได้ออกมาเรียกร้องแต่แรกว่าต้องการเงินหมื่นบาท แต่เป็นเรื่องพรรคการเมืองที่ไปเสนอให้เพื่อแลกกับคะแนนตอนหาเสียง และเมื่อได้เสียงมาแล้วก็จำเป็นต้องทำ แต่ต้องทำบนความรับผิดชอบของพรรคการเมืองนั้นๆ ที่เป็นต้นคิด รวมทั้งรัฐบาลที่ไปผูกมัดไว้เป็นนโยบายด้วย

"หากเกิดความเสียหายขึ้นในอนาคต จะไปโทษประชาชนหรือโทษคนอื่นไม่ได้ การไปปลุกประชาชนที่เห็นด้วยให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับฝ่ายที่เห็นต่างจึงเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการปลุกประชาชนออกมาชนกันแล้ว ยังเหมือนไปเอาประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์กำบังความรับผิดชอบประชานิยมในอนาคตให้พรรคการเมืองและรัฐบาลด้วย ซึ่งคนมีวุฒิภาวะไม่ควรทำ" นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวด้วยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้เสนอเรื่องการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจของสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อย ซึ่งมีมติให้เชิญกระทรวงการคลังและผู้แทนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาให้ข้อมูลต่อคณะ กมธ.ในวันที่ 19 ต.ค.นี้ เวลา 09.30 น.  ซึ่งเท่ากับว่านอกจาก ป.ป.ช., ผู้ตรวจการแผ่นดิน, ธนาคารแห่งประเทศไทย และนักวิชาการจากหลายสถาบันกำลังติดตามแล้ว คณะ กมธ.ของสภาฯ ก็ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นสิทธิของพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลจะเดินหน้าหรือถอยหลังในนโยบายที่หาเสียงไว้ระหว่างการเลือกตั้ง เมื่อนายกฯ ตัดสินใจจะเดินหน้า นายกฯ ก็ควรรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่เห็นต่าง แต่ควรรับฟังคนที่เห็นต่างอย่างจริงจัง เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจให้ละเอียดรอบคอบมากที่สุด ไม่ควรมองคนเห็นต่างเป็นเสียงนกเสียงกา พวกขาประจำที่มีอคติออกมาขัดขวางการทำงานตามนโยบายที่หาเสียงไว้ของรัฐบาล ความคิดเห็นของคนเห็นต่างเปรียบเสมือนแสงสว่างนำทาง ทำให้นายกฯ ทำงานด้วยความสุขุมรอบคอบมากยิ่งขึ้น ไม่ควรปลุกประชาชนให้ออกมาสนับสนุนนโยบาย ด้วยการแสดงออกว่าเห็นด้วยแล้วชนกับพวกที่ไม่เห็นด้วยหรือพวกที่เห็นต่าง ควรอดทนอดกลั้นต่อความเห็นต่าง พร้อมกับอธิบายความสร้างความเข้าใจให้ถึงที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง