คุกคามทางเพศเขย่าก.ก. สัญญาอบรมส.ส.เข้มข้น

ว้าวุ่นกันทั้งพรรค! ส.ส.ก้าวไกลโวยปมแชตคุกคามสาว อ้างถูกกลุ่มคนไม่หวังดีดิสเครดิต เหตุตรวจสอบทุจริต "ไอติม" ยอมรับอิเหนาเป็นเสียเอง พรรคกำลังมีปัญหาเรื่องการคุกคามและความรุนแรงทางเพศ ยอมรับข้อกล่าวหาดังกล่าวมีมูล เตรียมล้างพรรค สัญญาจะอบรม สส.เข้มข้นและถี่ขึ้น "ศรีสุรรณ" จ่อร้อง ป.ป.ช.ฟันไม่ให้เป็นเยี่้ยงอย่าง

จากกรณีโลกออนไลน์แฉพฤติกรรม สส.ชายแชตลักษณะคุกคามทางเพศอาสาสมัครกับพรรคชื่อดัง มีหลักฐานราว 200 หน้า ซึ่งส่งให้ทางพรรคก้าวไกลแล้ว แต่เรื่องไม่คืบหน้า โดยพรรคก้าวไกลชี้แจงว่า ได้เริ่มสอบข้อเท็จจริงแล้วตั้งแต่เดือน ส.ค. หากได้ข้อสรุปจะดำเนินการสื่อสารผลสรุปต่อสาธารณะต่อไปนั้น

ล่าสุด นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล ได้อัดคลิปชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาแชตคุกคามทางเพศสาวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Wuttiphong Thonglour - วุฒิพงศ์ ทองเหลา โดยระบุว่า ที่ผ่านมาก้าวไกลได้ตั้งคณะกรรมการทางวินัยสอบกรณีนี้แล้ว  และเหตุการณ์นี้ก็ผ่านมานานถึง 1 ปีครึ่ง ตั้งแต่ครั้งที่ตัวเองยังไม่ได้เป็น สส.  ซึ่งเป็นการแคปภาพเฉพาะบางส่วนมาเสนอต่อสาธารณชน และตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา หลังการเลือกตั้งสิ้นสุด ก็จะมีกลุ่มคนในจังหวัดปราจีนบุรีตั้งตัวเป็นนักร้องเพื่อตรวจสอบตนเอง พยายามดิสเครดิต ทำลายชื่อเสียงของพรรคก้าวไกลและของตนเอง เพื่อปิดบังเรื่องราวที่กำลังตรวจสอบทุจริตในจังหวัดขณะนี้

จากข่าวที่ปรากฏมา นับเป็นเรื่องที่สามที่บุคคลกลุ่มนี้พยายามขุดคุ้ยข้อมูลเพื่อสร้างประเด็นในการร้องเรียน และสร้างประเด็นในการแชร์ให้ปรากฏในโซเชียลฯ พร้อมยืนยันไม่ท้อ และจะขอทำงานเพื่อประโยชน์ชาวปราจีนบุรีและจังหวัดปราจีนบุรีต่อไป

ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมการวินัยพรรค แถลงข่าวความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยนายพริษฐ์กล่าวว่า ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมา พรรคก้าวไกลกำลังมีปัญหาเรื่องการคุกคามและความรุนแรงทางเพศ ในฐานะพรรคการเมืองที่ต้องมีความรับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระดับประเทศ  แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นจากบุคลากรภายในองค์กรเราเอง สิ่งที่ต้องทำให้ได้คือการยอมรับปัญหา เผชิญหน้ากับปัญหา และหาความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย โดยไม่สร้างวัฒนธรรมในการปกปิดเรื่องดังกล่าวหรือปกป้องคนในองค์กรที่กระทำผิด วันนี้สื่อมวลชนหลายคนอาจมีคำถามเกี่ยวกับกรณีล่าสุดที่ปรากฏในข่าว ที่เป็นข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศของ สส.ปราจีนบุรี แต่วันนี้จึงแถลงถึงภาพรวมทั้งหมดของปัญหาที่เกิดขึ้นและแนวทางของพรรคในการแก้ไขปัญหา โดยขอแบ่งเนื้อหาการแถลงออกเป็น 3 ส่วน

นายพริษฐ์กล่าวว่า ส่วนที่หนึ่ง บทสรุปของข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศ ที่ได้ข้อสรุปจากกรรมการบริหารพรรคไปแล้ว 2 กรณี ตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง ทางพรรคได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมคุกคามทางเพศโดยสมาชิกพรรค ซึ่งคณะกรรมการวินัยของพรรคได้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงทุกฝ่าย และกรรมการบริหารพรรคได้มีมติลงโทษไปเรียบร้อยแล้ว ใน 2 กรณี ได้แก่ กรณีที่ 1 ข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ความรุนแรงโดย นายสิริน สงวนสิน สส.กทม. พรรคก้าวไกล ซึ่งทาง กก.บห.พรรคพบว่านายสิรินได้ทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหาย และได้กระทำความรุนแรงต่อผู้เสียหายจริง จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บบริเวณร่างกาย รวมไปถึงทรัพย์สิน ทางพรรคจึงได้มีมติให้ลงโทษ นายสิรินโดยการตัดสิทธิ์ที่พึงมีในฐานะสมาชิกพรรค โดยตัดสิทธิ์ไม่ให้ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรคทันที และกำหนดคาดโทษไว้ว่า หากมีเหตุการณ์ใดๆ ก็ตามที่นายสิรินกระทำผิดวินัยร้ายแรงอีกครั้งในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่เป็น ส.ส. ทางพรรคจะยกระดับโทษเป็นการขับออกจากสมาชิกภาพ

ส่วนกรณีที่ 2 ข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ โดยนายเกรียงไกร จันกกผึ้ง อดีตผู้สมัคร สส.ชัยภูมิ ทาง กก.บห.พรรคพบว่านายเกรียงไกรได้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เสียหายจริงตามข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นการละเมิดหลักเรื่องความยินยอมและสิทธิในเนื้อตัวและร่างกายของผู้เสียหายอย่างชัดเจน จึงได้มีมติให้ลงโทษโดยการขับออกจากสมาชิกภาพทันที

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ส่วนที่สอง  สถานะและความคืบหน้าของข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศ ที่ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวนโดย คกก.วินัยพรรค 2 กรณี คือข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศโดยนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี หลังจากทางพรรคได้รับคำร้องจากผู้ร้องเรียน ทางพรรคได้ริเริ่มกระบวนการสอบข้อเท็จจริงโดยคณะกรรมการวินัยพรรคเมื่อเดือน ส.ค. โดยได้เชิญแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ทางประธาน คกก.วินัยพรรคได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวาน (11 ต.ค.) ยอมรับว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวมีมูล และทางพรรคเข้าใจว่าสังคมคงได้รับรู้และพิจารณาได้จากข้อเท็จจริงบางส่วนเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ปรากฏออกไปต่อสาธารณะ โดยกระบวนการสอบข้อเท็จจริงและการวินิจฉัยจะได้ข้อสรุปภายในต.ค.นี้ และพรรคจะผลสรุปต่อสาธารณะโดยทันทีอย่างเปิดเผย พร้อมกับตอบทุกข้อสงสัยที่มีเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

นายพริษฐ์กล่าวว่า กรณีที่ 2 ข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศโดย สส.อีก 1 คน ทางพรรคได้ทราบข้อมูลว่าได้เกิดเหตุการณ์ที่อาจเข้าข่ายการล่วงละเมิดทางเพศโดยสมาชิกพรรค ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง สส.ของพรรคก้าวไกล แม้ว่าทางพรรคยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนโดยตรงจากบุคคลซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหาย ตั้งแต่ทราบเรื่อง ทาง คกก.วินัยของพรรคได้เร่งติดต่อไปยังบุคคลดังกล่าว โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรอความพร้อมของบุคคลดังกล่าว ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏ

โฆษกพรรคก้าวไกลยังเผยว่า พรรคขอให้คำมั่นสัญญาว่าเราจะดำเนินการปรับปรุงตนเองในการป้องกันและรับมือกับปัญหาการคุกคามทางเพศ จะปรับปรุงการทำงานของคณะกรรมการวินัยพรรค พิจารณาปรับปรุงกระบวนการสอบสวนตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความล่าช้าในการพิจารณาหรือดำเนินการใดๆ

นอกจากนี้ พรรคจะเพิ่มความเข้มข้นของการอบรมบุคลากรของพรรคเรื่องการเคารพความเสมอภาคทางเพศและสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย โดยจะขยายทั้งจำนวนผู้เข้าร่วมให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนมากขึ้น เพิ่มความถี่และรูปแบบของการอบรม

ด้าน น.ส.ศศินันท์กล่าวว่า จากที่มีการเปิดเผยแชตบางส่วนในโซเชียลมีเดีย แต่หลักฐานที่คณะกรรมการวินัยได้มามีกว่า 200 แผ่น ตอนแรกเข้าใจว่ามีแค่นั้น แต่จากการสอบสวนเพิ่มเติมพบว่ามีพยานหลักฐานอื่นอีก กระบวนการหลังจากนี้เราต้องการข้อความในส่วนที่หายไปเพื่อมาประกอบกัน แล้วดูว่าเป็นการคุกคามทางเพศหรือไม่ หรือมีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่สามารถตัดสินได้หากยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน เพียงแต่ตอนนี้อยากมายอมรับกับสังคมว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง และตั้งใจที่จะมีคณะกรรมการวินัยในสัดส่วนของผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น เพื่อมาจัดการกับปัญหาเรื่องนี้

 “เป็นความจริงที่น่ากระอักกระอ่วนใจ ที่เราต้องตอบสังคมให้ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เราได้รับคำแนะนำ เมื่อก่อนกรรมการวินัยมีสัดส่วนผู้หญิงน้อยมาก ก็ได้เพิ่มสัดส่วนผู้หญิงขึ้นมา ซึ่งดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น กรณีแรกเป็นเรื่องที่ชัยภูมิ” น.ส.ศศินันท์กล่าว

นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องพร้อมเอกสารพยานหลักฐานให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวนและมีความเห็นกรณีดังกล่าวนี้ แม้ สส.คนนั้นจะออกมาไลฟ์สดชี้แจงเรื่องดังกล่าวแล้ว ในทำนองถูกดิสเครดิตเพื่อหวังผลการทำงานตรวจสอบในเชิงพื้นที่นั้น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน เพราะหลักฐานการแชตไลน์ที่ปรากฏนั้น หากเป็นเรื่องจริง ย่อมจะเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ในหลายๆ ข้อ

อาทิ ข้อ 6, ข้อ 9, ข้อ 11, ข้อ 12, ข้อ 13, ข้อ 17 และข้อ 20 ประกอบข้อ 27 และยังเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขปี 2560 อีกด้วย ทางองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงนำพยานหลักฐานมาร้องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนเอาผิด สส.รายดังกล่าวตามครรลองของกฎหมาย เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อนักการเมืองรายอื่น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง