แพทย์ยังไม่ชี้ เด็ก14ป่วยจิต มท.เข้มพกปืน

"แพทย์กัลยาณ์ฯ" ยังคงประเมินสุขภาพจิต "ด.ช.14" มือกราดยิงห้างดังต่อเนื่อง ไม่ฟันธงป่วยจิตเวช  ด้าน ยธ.ชี้หากศาลเยาวชนฯ มีคำพิพากษา อาจพิจารณาร่วมกับแพทย์ ส่งผู้ต้องหาเข้าศูนย์ฝึกอบรมฯ  สมุทรปราการ "มท.1" เล็งชงนายกฯ แก้กฎหมายใช้ยาแรงคุมอาวุธปืนหากยังหน่อมแน้ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ ด.ช.วัย 14 ปี ผู้ก่อเหตุยิงกระสุนปืนด้วยอาวุธแบลงก์กันกลางห้างสยามพารากอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย ได้ส่งตัวเข้ารับการประเมินสุขภาพจิตที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ แทนการคุมตัวไว้ที่สถานพินิจฯ เนื่องจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยาได้มีการตรวจประเมินสุขภาพจิตของเด็กเบื้องต้น เห็นควรส่งตัวเข้ารับการรักษาและประเมินอาการทางจิตจากแพทย์เฉพาะทางจิตเวชเด็กและวัยรุ่นต่อเนื่องนั้น ล่าสุดแหล่งข่าวระดับสูงภายในกระทรวงยุติธรรมเผยว่า ปัจจุบันเด็กชายยังคงอยู่ระหว่างการประเมินสุขภาพจิตจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชและวัยรุ่นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีการสรุปผลรายงานการวินิจฉัยโรคว่ามีอาการทางจิตเวชหรือไม่ เพราะแพทย์แจ้งว่าจะต้องมีการร่วมประเมินกับเจ้าหน้าที่หลายส่วน อาทิ นักสหวิชาชีพ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาชีพอื่นๆ เป็นต้น ไม่เพียงเฉพาะจิตแพทย์เท่านั้น เพื่อให้ได้รายละเอียดที่ครบถ้วนมากที่สุด

“ทางแพทย์ผู้ทำการรักษายังไม่สามารถระบุกรอบระยะเวลาการเข้าพักรักษาตัวได้ ว่าเด็กชายจะต้องอยู่ที่สถาบันกัลยาณ์ฯ นานเท่าไร ส่วนเรื่องมีการจ่ายยาสำหรับบำบัดหรือปรับสารเคมีในสมองหรือไม่นั้น ณ ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานดังกล่าว ทางแพทย์จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเชิงลึก จะแจ้งเพียงแค่ว่าเด็กอยู่ระหว่างการประเมิน นอกจากนี้ ยังไม่ได้รับรายงานด้วยว่าเด็กชายมีอาการวิตกกังวลหรือความเครียดร่วมหรือไม่ รับทราบเพียงว่าทางคุณพ่อและคุณแม่ของเด็กให้ความร่วมมือกับทีมแพทย์เป็นอย่างดี” แหล่งข่าว ระบุ

เมื่อถามถึงในกรณีหากเด็กชาย (มีอาการทางจิตในขั้นไม่รุนแรง) และได้รับการพิจารณาจากจิตแพทย์ให้กลับมาที่สถานพินิจฯ ทางกรมจะมีโปรแกรมสำหรับบำบัดฟื้นฟูเด็กที่มีอาการทางจิตอย่างไรบ้างนั้น แหล่งข่าวระบุว่า   ปกติแล้วในทุกเคสของเด็กที่อยู่ในความดูแลของกรมพินิจฯ ซึ่งมีการเจ็บไข้หรือป่วยใดๆ ทางแพทย์จะมีการจ่ายยา ให้คำแนะนำในการดูแลแก่เจ้าหน้าที่สถานพินิจ และบางกรณีแพทย์อาจจะมีการเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบโปรแกรมกิจกรรมสำหรับการบำบัดฟื้นฟูด้วย ซึ่งจะต้องพิจารณาเป็นรายกรณี เด็กคนใดแม้มีอาการทางจิต ก็สามารถร่วมกิจกรรมส่วนกลางกับเพื่อนๆ ภายในบ้านเมตตาได้ แต่เราก็จะมีพ่อบ้านหรือเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเจ้าหน้าที่จะต้องดูด้วยว่าระหว่างทำกิจกรรมหรือระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน เด็กมีความแปลกแยกจากเพื่อนคนอื่นหรือสามารถปรับตัวเข้าได้กับเพื่อนๆ หรือไม่

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ในกรณีของเด็กชายนั้น ทางกรมพินิจฯ จะต้องมีการคุยกับทีมแพทย์ผู้ทำการรักษา หากเด็กชายได้รับการพิจารณาส่งกลับมายังสถานพินิจดังเดิม  เพื่อประเมินกันว่าถ้าเด็กชายต้องกลับมาอยู่ที่บ้านเมตตา ทางแพทย์ก็จะมีทีมเข้ามาเพื่อบำบัดแก้ไขฟื้นฟูร่วมกัน หรืออาจพิจารณาให้เด็กชายไปอยู่ในความดูแลของศูนย์ฝึกใดภายใต้การกำกับของกรมพินิจฯ หรือไม่ หรือหากภายหลังศาลเยาวชนฯ มีคำพิพากษาให้เด็กชายเข้ารับการฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกใดๆ ทางกรมพินิจฯ ก็จะมีการพิจารณาอย่างเหมาะสมที่สุดกับทีมแพทย์ว่าอาจจะให้เด็กชายเข้ารับการฝึกที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และได้ประสิทธิภาพการรักษาบำบัดอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ทุกอย่างจะต้องมีการทำความเข้าใจกับผู้ปกครองของเด็กชายด้วยเช่นกัน เพื่อรับทราบตรงกันว่ากรมพินิจฯ มีกระบวนการในการปฏิบัติตามคำสั่งศาลเยาวชนฯ อย่างไร และมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

ทั้งนี้ แหล่งข่าวยังยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถฟันธงได้เลยว่าเด็กชายมีอาการทางจิตเวชหรือไม่ เนื่องจากยังคงอยู่ระหว่างการประเมินของทีมจิตแพทย์สถาบันกัลยาณ์ฯ อีกทั้งการสอบสวนโรคของเด็ก แพทย์จะให้ความระมัดระวังเรื่องข้อมูลการรักษา การวินิจฉัยโรคเป็นอย่างมาก

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย  กล่าวถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพลทางความคิดตามที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ประกาศไว้ ว่านายชาดา พูดหลายครั้งแล้วว่าการกระทำใดๆ ก็ตามที่ทำให้เกิดความไม่สงบ เกิดความไม่มั่นคง เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติส่วนรวม ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เรามีกฎหมายอยู่แล้ว แต่การบังคับใช้กฎหมายอาจจะไม่เข้มงวดเด็ดขาด แต่ถ้าบางส่วนมีความจำเป็นต้องเด็ดขาดก็ต้องใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ย้ำว่าเราทำทุกอย่างให้เกิดความสงบ มีความสามัคคีของคนไทยชาติ

นายอนุทินกล่าวถึงความคืบหน้าการควบคุมอาวุธปืนว่า วันนี้ใครพกปืนออกจากบ้านไม่ได้ ยกเว้นเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานบ้านเมือง และเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ตอนนี้อาวุธปืนต่อให้มีทะเบียนก็ออกจากบ้านไม่ได้ ต้องเก็บอย่างมิดชิด เน้นย้ำฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตรวจตรา ให้ความปลอดภัยกับประชาชนให้มากที่สุด ไม่จำเป็นต้องมาอ้างว่าต้องมีอาวุธปืนเพื่อป้องกันตัวเอง

“การมีปืนทำให้คนอารมณ์ร้อนขึ้น ทะเลาะวิวาท ถ้าชกต่อยกันก็ไม่เป็นไร  แต่ฝ่ายที่มีปืนคิดว่าไม่สะใจ พอถือว่าตัวเองได้เปรียบก็มาทำร้ายคนอื่น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศเราไม่ได้หรอกครับ  เราเป็นนิติรัฐ มีกฎหมาย เราต้องใช้กฎหมายคุ้มครองประชาชน ไม่ใช่อาวุธปืน” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวด้วยว่า หากกฎหมายปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมการใช้อาวุธปืนได้ ตนจะมอบหมายให้นายชาดานำเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.การคลัง เพื่อขอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายควบคุมอาวุธให้เข้มข้นขึ้น เพื่อให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ยำเกรงของคนที่ทำผิดกฎหมาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ช่วยนักโทษติดคุกหมด เสรีพิศุทธ์ถอนตัวงัดหลักฐานมัดแก๊งชั้น14/ปชป.มีมติร่วมรบ.

"นายกฯ อิ๊งค์" อารมณ์ดีนัดสื่อให้สัมภาษณ์เรื่องการเมือง 30 ส.ค. "ภูมิธรรม" มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล หลังดึง