ร้องป.ป.ช.เอาผิดนายกฯ ตั้งผบ.ตร.ไม่คำนึงอาวุโส

"ทนายอนันต์ชัย-เสรีพิศุทธ์” ร้อง ป.ป.ช.ไต่สวนเอาผิด “เศรษฐา” ปมมติ ก.ตร.แต่งตั้ง “ต่อศักดิ์” นั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. แม้งดออกเสียง แต่คือคนเสนอชื่อ ชี้ไม่คำนึงถึงหลักอาวุโสตามกฎหมายกำหนด  นายกฯ ลั่น! ไม่ได้ลุอำนาจ แต่ทำตามรัฐธรรมนูญ ให้นโยบาย ปปง. ปราบยาเสพติด การพนันออนไลน์

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ก.ตร.คนอื่นๆ   รวมแล้ว 10 คน กรณีกล่าวหาว่าแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยมิชอบ เนื่องจากไม่ได้คำนึงถึงหลักอาวุโส ตามที่กฎหมายกำหนด แม้นายเศรษฐาจะงดออกเสียง แต่ถือว่ามีความผิด เพราะเป็นคนเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ให้ที่ประชุมเลือก

โดยนายอนันต์ชัยให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับมอบอำนาจจากผู้ใหญ่ให้ไปยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ป.ป.ช.เพื่อเอาผิดบุคคลคนหนึ่ง ถือเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ เพราะบุคคลดังกล่าวโทร.มาสั่งห้ามตนให้สัมภาษณ์ แต่ตนไม่หยุดเพราะไม่ใช่พ่อ ตนจึงได้มายื่นเรื่องในวันนี้ ถ้าไม่ห้ามตนคงไม่มายื่น ซึ่งบุคคลดังกล่าวให้เหตุผลที่ห้ามตนโดยอ้างว่าจะส่งผลกระทบต่อองค์กรตำรวจและรัฐบาล สำหรับบุคคลดังกล่าวเป็นพลเรือน มีตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาล

"มีทะแนะคนหนึ่งพูดว่าผมได้เงินค่าจ้างในการทำคดีให้บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล จำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะไม่เคยได้ แม้แต่ตำรวจทั้ง 8 นายก็ยังไม่ได้ค่าทนายสักบาท" นายอนันต์ชัยกล่าว

เมื่อถามถึงกรณี "บิ๊กโจ๊ก" เทตัวเองออกจากทนายนั้น นายอนันต์ชัย กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะยังคุยกันอยู่ ที่มาช่วยทำคดีให้เพราะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ติดต่อไป ไม่เช่นนั้นคงไม่ออกมาขนาดนี้ แต่ก็ยอมรับว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังไม่ได้เซ็นแต่งตั้งเป็นทนาย อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นทนาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ แม้จะยังไม่เซ็นแต่งตั้ง

ขณะที่นายเศรษฐาปฏิเสธว่า ไม่ได้ลุอำนาจ และทำไปด้วยอำนาจและตามรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่าจะตั้งทีมทนายความขึ้นมาสู้คดีหรือไม่ นายเศรษฐาปฏิเสธตอบคำถามและขึ้นรถเดินทางกลับทันที

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า การแต่งตั้งดังกล่าวเป็นไปตามมาตรา 77 และ 78 ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 โดยสาระสำคัญระบุว่า ผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. จะต้องเป็นรอง ผบ.ตร. หรือจเรตำรวจ ซึ่งในการพิจารณาวันนั้น มีบุคคลที่มีคุณสมบัติคือรอง ผบ.ตร. 4 ท่าน ซึ่งเกณฑ์ในการคัดเลือกให้ยึดลำดับอาวุโสและความรู้ความสามารถ โดยกฎหมายก่อนนี้ระบุว่าให้ยึดเพียงอาวุโสเป็นหลัก แต่ พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 65 ให้พิจารณาเรื่องความรู้ความสามารถด้วย โดยให้นายกฯ เป็นผู้เสนอชื่อ และที่ประชุม ก.ตร.เป็นผู้ลงมติโหวต

นายชัยกล่าวต่อว่า จากข้อเท็จจริงแคนดิเดตทั้ง 4 คน ในแง่อาวุโสนั้นมี 2 ระดับ คือ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ มีความอาวุโสสูงที่สุด และมากกว่าอีก 3 คน 1 ปีเท่ากัน โดยก่อนที่นายกฯ จะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เปิดให้ ก.ตร.แสดงความคิดเห็นถึงความรู้ความสามารถของแคนดิเดตแต่ละท่านว่าเป็นอย่างไร รวมถึงได้ให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ในขณะนั้น เป็นผู้นำเสนอในฐานะผู้บังคับว่าแคนดิเดตแต่ละคนเป็นอย่างไร โดยนายกฯ ได้รับรู้อย่างรอบด้าน และประเมินแล้วว่าความแตกต่างทางอาวุโสห่างกันเพียงปีเดียว แต่เมื่อรับฟังเรื่องความรู้ความสามารถ จึงได้เสนอ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และที่ประชุมก็เห็นชอบกับข้อเสนอของนายกฯ

"เมื่อเทียบข้อเท็จจริงกับกฎหมาย การแต่งตั้งครั้งนี้ไม่มีปัญหา ถูกต้องตามหลักกฎหมายทุกประการ ข้อเท็จจริงมีความชอบธรรม สมเหตุสมผล นายกฯไม่ได้ลุแก่อำนาจ ยึดตามหลักกฎหมาย และรับฟังอย่างรอบด้านแล้วจริงๆ" นายชัยกล่าว

เมื่อถามว่า จากการฟ้องร้องขณะนี้ จะดำเนินการอย่างไร นายชัยกล่าวว่า ก็จะชี้แจงตามข้อเท็จจริง ให้ไปชี้แจงที่ไหนก็ทำได้ ไม่ใช่เฉพาะนายกฯ แต่คนที่นั่งอยู่ห้องประชุมเขารู้ว่าอะไรเกิดขึ้นสามารถชี้แจงได้ทุกคน

ถามต่อว่า นายกฯ ได้ปรารภเรื่องนี้อย่างไร นายชัยกล่าวว่า นายกฯ บอกแต่เพียงว่านึกไม่ถึงว่าจะเป็นปัญหา และมันไม่ควรจะเป็นเรื่อง ทำให้เสียเวลา เสียสมาธิในการทำงาน แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วสังคมก็อยากจะรู้จึงให้ตนมาชี้แจงทำความเข้าใจ

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานคณะกรรมการ ปปง. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีการเข้าค้นบ้านพักของข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่และเคหสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศ  กล่าวว่า ในเรื่องของการดำเนินการก็เป็นไปตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี  ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พร้อมกันนี้ จะใช้เวลาในสรุปผลการสอบสวนได้ภายใน 30 วันตามคำสั่ง ถ้ามีเหตุผลความจำเป็นก็ขอขยายระยะเวลาได้  

ผู้สื่อข่าวถามว่า คู่กรณีมีการคืนดีกันแล้ว จะมีผลกับการตรวจสอบของคณะกรรมการหรือไม่ นายฉัตรชัยกล่าวว่า  การคืนดีเป็นเรื่องที่ดี แต่ตนทำหน้าที่ตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เมื่อถามว่าเบื้องต้นที่สอบมีมูลหรือไม่ นายฉัตรชัยกล่าวว่า ยังไม่ยุติการสอบ

ถามย้ำว่า เบื้องต้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ นายฉัตรชัย กล่าวว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องในวันนั้นคงให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ส่วนจะเสร็จก่อน 30 วันหรือไม่นั้น ต้องดูข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหน เพราะการดำเนินการหลายคน หลายพื้นที่ ให้น้ำหนักเป็นภาพรวม เป็นเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

วันเดียวกันนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เป็นประธานการประชุมตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายในการปฏิบัติงานแก่คณะผู้บริหารสำนักงาน ปปง. โดยมีนายฉัตรชัยให้การต้อนรับ

นายเศรษฐาเปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายว่า สำนักงาน ปปง.ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการ ปปง.เลยบอกว่าตนเป็นนายกฯ คนแรกที่ได้มาเยี่ยมและมอบนโยบาย ถือว่า ปปง.เป็นหน่วยงานสำคัญ เพราะเชื่อมโยงเกี่ยวกับความมั่นคง ปัจจุบันธุรกิจสีเทาทั้งหลาย เรื่องธุรกรรมการเงิน เป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้เครือข่ายสามารถขยายรายได้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด การพนันออนไลน์ และอีกหลายเรื่อง ซึ่ง ปปง.จะเป็นองค์กรที่สำคัญมากในการที่จะกำกับดูแล โดยเฉพาะเรื่องการยึดทรัพย์ ซึ่งจะเป็นการทำลายต้นตอของปัญหาหลายๆ อย่าง จึงมาพูดคุยและมอบนโยบายว่าเราต้องทำงานกันอย่างรวดเร็วและกระชับขึ้น โดยยึดหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะต้องให้โอกาสแก่ผู้กระทำความผิดด้วย โดยต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ การบังคับใช้กฎหมายต้องชัดเจน โปร่งใส และสาธารณชนรับรู้ได้ เช่น หากยึดทรัพย์มาต้องมีการขึ้นเว็บไซต์ว่าทำงานไปแล้วเท่าไหร่ ยึดของใครมา ส่งคืนรัฐไปแล้วเท่าไหร่ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ 

นายกฯ กล่าวว่า ทางสำนักงาน ปปง.มีความมั่นใจต่อกรณีดำเนินการที่ค้างอยู่ 6 พันล้าน และต้องมั่นใจว่าให้ความเป็นธรรมด้วย จึงมากำชับว่าต้องรวดเร็วและรวบรัดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะมีการโยกย้ายถ่ายเทหรืออะไรได้หลายๆ อย่าง ซึ่งเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เขาก็มีกำหนดระยะเวลาอยู่ และตนก็มอบหมายไปแล้วว่าแต่ละเรื่องต้องมี KPI มีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะคดีใหญ่ๆ ต้องมี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้มีข้อครหา ปปง.ในเรื่องของความโปร่งใส โดยเฉพาะผู้บริหาร ที่มีข่าวว่าไปเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทา นายกฯ มีนโยบายกู้ภาพลักษณ์ตรงนี้อย่างไร นายเศรษฐา ตอบว่า ตรงนี้ต้องให้เกียรติกับเจ้าหน้าที่ด้วย อย่าพูดกันไปอย่างนั้นเลย ตนเชื่อว่าในวันนี้มาพูดแล้วทุกคนเข้าใจถึงเรื่องที่สังคมยังมีข้อกังขาอยู่  การมอบนโยบายในวันนี้ก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทํางานอย่างสุจริต รอบคอบ รวดเร็ว และตอบโจทย์สังคมได้ เพราะฉะนั้นก็ขอให้ดูกันต่อไป ตนเชื่อว่าประสิทธิภาพการทำงานจะดีขึ้น ข้อครหาของสังคมต้องลดน้อยลง. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง