“เศรษฐา” ปิดประตูจำนำ-ประกันสินค้าเกษตร บอกชัดหากไม่มีภัยพิบัติไม่หยิบมาใช้แน่ การันตีไม่เก็บภาษีหุ้น นายกฯ ขนคณะลงภูเก็ตรอบสอง ย้ำเป็นรัฐบาลประชาชน ติดตามงาน ไม่มีนัยทางการเมือง ยังกั๊กเรื่องขยายเวลาเปิด-ปิดป่าตอง
เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ก.ย. ในช่วงเช้า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Next Chapter ประเทศไทย” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลนี้มาเพื่อประชาชน ดังนั้นมาตรการอะไรที่ทำได้ก็จะเร่งดำเนินการก่อน เช่น มาตรการลดค่าไฟฟ้า 2 รอบที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะเรียกมาตรการที่รัฐบาลทำอยู่ว่าประชานิยม หรือนโยบายหาเสียงก็ตาม แต่จากหลายสิบล้านคนที่เดือดร้อน และรัฐบาลนี้ก็มาเพื่อประชาชน อะไรที่ทำได้เราจึงทำก่อน
“ทุกคนมีคำถามในใจว่า การพักหนี้เกษตรกร เมื่อพักแล้ว พักอีก พักต่อไป แล้วจะต้องพักไปอีกหรือไม่ ตรงนี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลเองก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก แต่ยืนยันว่าจำเป็นต้องพักเดี๋ยวนี้ เพราะเกษตรกรเดือดร้อนมาก ไม่มีขวัญกำลังใจในการทำงานต่อไป” นายเศรษฐากล่าวและว่า ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่ประสงค์ที่จะใช้มาตรการจำนำ ประกันราคา หรือการจ้างผลิต ยกเว้นแต่กรณีมีภัยพิบัติร้ายแรงที่ต้องเร่งจุนเจือให้ความช่วยเหลือเกษตรกร โดยรัฐบาลตระหนักดีว่ามาตรการดังกล่าวเป็นอะไรที่ไม่ควรทำ ยกเว้นกรณีภัยพิบัติ
ต่อมาในการลงพื้นที่ จ.พังงา นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในเรื่องการเก็บภาษีหุ้น หลังฝ่ายค้านเปิดเผยข้อมูลว่ามีเอกสารที่จะเก็บภาษีหุ้น ว่าในภาวะแบบนี้และระยะเวลาอย่างนี้ ตลาดหุ้นเป็นแบบนี้ ตอนนี้ยังไม่มีนโยบายดังกล่าว
ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.การคลัง ตั้งโต๊ะแถลงยืนยันว่า กระทรวงการคลังขอยืนยันว่ายังไม่มีนโยบายในการพิจารณาภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมจากการขายหุ้น (Financial Transaction Tax) และยังไม่มีนโยบายพิจารณาภาษีกำไรที่เกิดจากการขายหุ้น (Capital Gain Tax)
นายเผ่าภูมิยังกล่าวถึงมาตรการดิจิทัลวอลเล็ตว่า หากนโยบายเกิดขึ้นจะมีเม็ดเงินถึง 5.6 แสนล้านบาทเข้าไปในระบบ และด้วยกลไกที่รัฐบาลออกแบบ เงินทุกบาทใน 5.6 แสนล้านบาท จะต้องเกิดเป็นรายได้ของรัฐบาลกลับคืนมาในรูปแบบของภาษี ทั้งภาษีนิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นถึง 1 แสนล้านบาท
ต่อมาในเวลา 10.12 น. นายเศรษฐาได้เป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) แบบ Soft Opening ณ อาคาร SAT-1 โดยระบุว่า รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำไว้ก่อน ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ทำให้ตอนนี้ประหยัดงบประมาณได้มาก
ทั้งนี้ การเดินทางของนายเศรษฐา ได้ใช้รถยนต์เลกซัส LM 350h Executive ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ถ 6506 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถที่ใช้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกฯ แต่ได้เปลี่ยนป้ายทะเบียนจากป้ายแดง เป็นป้ายขาว ทะเบียน 3 ขส 30 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าเลข 30 ดังกล่าวตรงกับเลขลำดับนายกฯ คนที่ 30
ในเวลา 11.00 น. นายเศรษฐาพร้อมคณะเดินทางตรวจราชการจังหวัดภูเก็ตและพังงา ด้วยเครื่องบิน Airbus-320 ของกองทัพอากาศ จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยนายเศรษฐาย้ำว่า รัฐบาลภายใต้การนำของตนเป็นรัฐบาลของประชาชน เพื่อประชาชน เรามาตรงนี้ไม่จำเป็นต้องมีผู้แทนราษฎรอยู่ในพื้นที่ เพราะมาที่นี่ครั้งที่สองแล้ว มาแสดงให้เห็นว่าวิธีการทำงานของเรา เราจะติดตามงานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการลงพื้นที่นายกฯ ใช้รถยนต์ โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน ขง 4477 ภูเก็ต ซึ่งเป็นรถคันเดิมที่นายกฯ เคยใช้ตอนลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ครั้งที่ผ่านมา
และในเวลา 13.50 น. คณะนายเศรษฐาได้เดินทางไปรับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับ ที่จุดตัด ทล.402 กับ ทล.4027 เพื่อลดปัญหาจราจรติดขัดและอำนวยความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางสู่เมืองภูเก็ต โดยนายกฯ ได้แวะที่ศูนย์ดำรงธรรมส่วนหน้า อ.กะทู้ เพื่อรับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่
ต่อมาคณะนายเศรษฐาลงพื้นที่ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา เพื่อรับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดในการก่อสร้างประมาณ 7,000 ไร่ โดยนายกฯ ได้สอบถามถึงการเวนคืนที่ดิน พร้อมเน้นย้ำว่า อย่าทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการเวนคืนที่ดิน โดยได้ให้กำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินการเรื่องการเวนคืนที่ดินเพื่อประเมินเป็นเคพีไอ ให้รู้ถึงความคืบหน้าการดำเนินงาน เบื้องต้นได้ตั้งกรอบระยะเวลาไว้ 18 เดือน
นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางมาพื้นที่จังหวัดภูเก็ตถึง 2 ครั้งหลังรับตำแหน่งนายกฯ มีนัยทางการเมืองอะไรหรือไม่ ว่าไม่มีเลย เราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชน และเราเป็นรัฐบาลของประชาชนทุกๆ ภาค ทุกๆ จังหวัด อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคแกนนำอย่างพรรคเพื่อไทย จะมี สส.หรือไม่มี สส. เราไม่ถือตรงนี้ เราถือว่าเรามาเป็นรัฐบาลของประชาชน เป็นหน้าที่ที่เราตระหนักดีว่าหากพื้นที่ตรงนี้ ถือเป็นเครื่องจักรสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะมาบ่อยกว่านี้ก็ต้องมา
นายเศรษฐายังกล่าวถึงแนวคิดการขยายเวลาการเปิด-ปิดสถานบริการย่านป่าตอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวว่า เพิ่งคุยโทรศัพท์กับหน่วยด้านความมั่นคงว่าเรื่องนี้เราจะทำอย่างไรกันต่อไป และขอให้เป็นขั้นตอนไป เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และพูดมาตลอด อยากให้มีการขยายเวลาในบางเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว วันนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณา และขอดูข้อเสียทั้งหมดก่อน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกฯ ได้พักค้างคืนต่อที่จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฮือไล่ปธน.ยุน!วุ่นรมว.กห.ไขก๊อก
พรรคฝ่ายค้านของเกาหลีใต้เคลื่อนไหวถอดถอน "ประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล"
ชงรัฐบาลชะลอค่าแรง400
“พาณิชย์” เผยเงินเฟ้อเดือน พ.ย.67 เพิ่มขึ้น 0.95% บวก 8 เดือนติด
เฮ‘ต้มยำกุ้ง’ ขึ้นมรดกโลก ภูมิปัญญาไทย
เฮ! ยูเนสโกรับรอง "ต้มยำกุ้ง" มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ นายกฯ ปลื้มซอฟต์พาวเวอร์ไทย ยกศิลปะปรุงอาหาร
บุญทรงปิดปาก/ขังนอกคุกทันสิ้นปี
"บุญทรง" ปรากฏตัวครั้งแรก ไปรายงานตัวคุมประพฤติตามนัดหมายที่เชียงใหม่
อาสาเชือด‘หวานใจ’ เต่าขอปปช.ลุยคดีเอง/เขากระโดงแค่เกมพท.-ภท.
“กมธ.ที่ดินฯ” เตรียมบุกไร่ภูนับดาว 13 ธ.ค. ตรวจการใช้เอกสารสิทธิ ส.ป.ก.
เอาแล้ว! เกษตรกรขอนแก่นบอกรัฐบาลอุ๊งอิ๊งไม่จริงใจช่วยเหลือชาวนาสู้ยุคลุงตู่ไม่ได้
เกษตรกรขอนแก่น ระบุ รัฐบาล 'อุ๊งอิ๊ง' ไม่จริงใจ หลังอนุมัติช่วยเหลือชาวนาไทยเหลือ 10 ไร่ต่อครัวเรือน พร้อมระบุสู้รัฐบาล 'ลุงตู่' ไม่ได้ เพราะเคยได้ถึงครัวเรือนละ 20,000 บาท