‘บิ๊กต่อ’ผงาดผบ.ตร. ฉลุยมติ9:1/เด้ง8ลูกน้อง‘โจ๊ก’ขู่แฉตายกันหมด

"เศรษฐา" นั่งหัวโต๊ะประธาน ก.ตร. มีมติ 9 ต่อ 1 แต่งตั้ง "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล" ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนที่ 14 "บิ๊กเด่น" สะบัดปากกาเด้ง 8 ตำรวจถูกดำเนินคดีพนันออนไลน์เข้ากรุ ศปก.ตร. "รองโจ๊ก" ตั้ง "ทนายอนันต์ชัย" ลุยฟ้องกราวรูด เชื่อโดนกลั่นแกล้งขอหมายค้นบ้านพักไม่ชอบ  ฮึ่ม! รู้ใครบงการบุกค้นบ้าน ลั่นไม่อยากทุบหม้อข้าว เปิดข้อมูลตายทั้ง สตช.  "ไตรรงค์" ยันทำคดีตามพยานหลักฐาน  ไม่หวั่นถูกฟ้อง

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 27  ก.ย. เวลา 13.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นประธาน ก.ตร.ครั้งที่ 10/2566 ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นการเข้าประชุม ก.ตร.ครั้งแรกของนายเศรษฐา หลังปฏิบัติหน้าที่นายกฯ โดยมี พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รอต้อนรับ และมีนายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม  ก.ตร. นายเศรษฐาเข้าร่วมพิธีตรวจแถวกองเกียรติยศตำรวจ 1 กองร้อย ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปราย ก่อนที่จะเข้ามาถวายความเคารพพระบรมรูปสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 โดยมีคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูง อาทิ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.,พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.,พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ร่วมให้การต้อนรับ จากนั้นนายเศรษฐาพร้อมคณะกรรมการ ก.ตร. ได้เริ่มประชุม ก.ตร. ใช้เวลาในการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง

พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุม ก.ตร.ว่า วาระสำคัญในวันนี้เป็นเรื่องของการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. สืบเนื่องจากพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.2566 ซึ่งการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่นั้น มีการพิจารณาคัดเลือกรายชื่อผู้ที่จะเป็น ผบ.ตร.ท่านใหม่เรียบร้อยแล้ว  แต่อยู่ระหว่างในขั้นตอนการธุรการเพื่อนำความกราบบังคมทูล จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในวันนี้

ส่วนเรื่องที่ 2 เรื่องการขยายระยะเวลาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. วาระประจำปี 2566 ออกไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค.2566 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการขยายระยะเวลาดังกล่าวออกไปก่อน เพื่อความเหมาะสม และได้มีการพิจารณารายชื่ออย่างครบถ้วนสมบูรณ์ จึงได้มีการขยายระยะเวลาออกไปก่อน

เมื่อถามว่า มติการคัดเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นไปตามกระแสข่าวหรือไม่  พล.ต.ท.อาชยนกล่าวว่า ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนธุรการที่จะเตรียมนำความกราบบังคมทูลต่อไป สำหรับการพิจารณาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ยึดหลักตามข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ในเรื่องความอาวุโสและความรู้ความสามารถ ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านการสืบสวนสอบสวนและป้องกันปราบปราม

"ในการพิจารณานายกฯ เป็นผู้พิจารณาเสนอรายชื่อให้ ก.ตร.มีมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่งยืนยันว่าวันนี้มีการพิจารณารายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งใหม่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนในการแต่งตั้งจะเป็นไปตามกระบวนการที่ได้กำหนดไว้ในข้อกำหนด" โฆษก ตร.กล่าว

ก.ตร.เคาะ 'บิ๊กต่อ' ผบ.ตร.

มีรายงานว่า ก.ตร.ทั้งหมด 16 ราย ขาดประชุม 2 ราย คือ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ติดภารกิจไม่ได้เข้าร่วมประชุม โดยก่อนการประชุมจะเริ่ม นายกฯ ได้เชิญ ก.ตร. 9 ราย ยกเว้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนใหม่ เข้าหารือกันนอกรอบที่ห้องพรหมนอก ก่อนเริ่มประชุมในเวลา 15.00 น. โดยมีการเชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐและ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ในฐานะผู้มีส่วนได้เสียออกจากห้องประชุม

จากนั้นนายเศรษฐาได้เสนอชื่อพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้ที่ประชุมพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยใช้วิธีลงคะแนนอย่างเปิดเผย ปรากฏว่า ก.ตร. 9 ท่านเห็นชอบตามที่นายกฯ เสนอ มีเพียง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ไม่เห็นชอบ ส่วนนายเศรษฐาในฐานะประธานที่ประชุม และนายประทิต สันติประภพ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ งดออกเสียง ส่งผลให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งถือเป็น ผบ.ตร.คนที่ 14 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำหรับประวัติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม (ปป.) เกษียณอายุปี 2567 ชาวจังหวัดเพชรบุรี จบมัธยมโรงเรียนโยธินบูรณะ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีรัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสิงห์แดงรุ่น 38 เริ่มต้นชีวิตจากพนักงานบริษัท คาลเท็กซ์ ออยส์ ไทยแลนด์ จำกัด อยู่ฝ่ายประสานงานราชการนาน 7 ปี เบนเข็มเข้าอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมผู้มีวุฒิด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรรุ่น 4 บรรจุลงตำแหน่งรองสารวัตรแผนกสายตรวจรถวิทยุ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ

ผ่านโรงเรียนสืบสวนเข้าไปสังกัดกองบังคับการปราบปราม ขึ้นสารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 3 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว แล้วโยกกลับมารับงานถนัดเป็นสารวัตรกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม เป็นรองผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม และเป็นรองผู้บังคับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม คุมหน่วยกำลัง “คอมมานโด” ติมอาร์มก่อนได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้บังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 วางฐานรากหน่วยกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ จากนั้นเลื่อนเป็นรอง ผบช.ก. ขึ้นเป็น ผบช.ก.,ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. ก่อนที่ประชุม ก.ตร.จะมีมติให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่

วันเดียวกัน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีคำสั่งเลขที่ 543/2566 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาการ เนื้อหาระบุว่า ด้วยได้รับรายงานเหตุราชการตำรวจถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้กระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน

เนื่องจากเป็นกรณีที่มีข้าราชการตำรวจถูกดำเนินคดีในการกระทำความผิดอาญา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ราชการในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้นเพื่อประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมทางอาญาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 มาตรา 105 และมาตรา 179 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565  ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย

เด้ง 8 ตร.พนันออนไลน์เข้ากรุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาการครั้งนี้ มีทั้งสิ้น 12 นาย แบ่งเป็นตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งถูกดำนเนิคดีพนันออนไลน์จำนวน 8 ราย ประกอบไปด้วย พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น. ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร., พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จันทบุรี ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร., พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สสท.ภ.4 ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร., พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผกก.ตม.ฉะเชิงเทรา ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร., พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร., พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร สวป.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ และเป็นนายตำรวจติดตามรอง ผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร., ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผบ.หมู่งานสายตรวจ 1 บก.จร.ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร., ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงค์ ผบ.หมู่งาน ป.สภ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร.

ส่วนแต่งตั้งไปทดแทนตำแหน่ง 4 นาย พ.ต.ท.คเชนทร์ บุญทวี รอง ผกก.จร.สภ.เมืองสมุทรปราการ ไป รรท.รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ, พ.ต.ท.สุเนตร์ สีชำนาญ รอง ผกก.ฝอ.ภ.จว.สมุทรปราการ ไป รรท.รอง ผกก.จร.สภ.เมืองสมุทรปราการ, พ.ต.ท.พิทักษ์ โสนนอก สว.ฝอ.ภ.จว.สมุทรปราการ ไป รรท.สวป.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ  และ ส.ต.อ.ธนโชต์ แสงเรือง ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ไป รรท.ผบ.หมู่งาน ป.สภ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา

ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ตั้งแต่ช่วงเช้าว่า วันนี้ตนได้มอบหมายให้ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ดำเนินการยื่นคำร้องขอศาลไต่สวนการละเมิดอำนาจของศาลในการขอออกหมายจับและการขอออกหมายค้นของชุดปฏิบัติการกรณีเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นสองส่วน คือยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เรื่องการออกหมายนายตำรวจทั้ง 8 นาย เพราะพบว่าไม่มีการระบุยศหรือตำแหน่งของนายตำรวจ โดยถ้าหากมีการระบุต่อศาลให้ละเอียด ศาลจะไม่มีการอนุมัติหมายจับ แต่จะต้องออกหมายเรียกก่อน อีกทั้งในการขอออกหมายจับนั้น ชุดปฏิบัติการดังกล่าวยังมัดรวมกับพลเรือนอีก 15 ราย อย่างไรก็ต้องไปขอหมายเรียกหรือหมายจับที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพราะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐรวมอยู่ในนั้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว่า การขอหมายจับที่ผ่านมาถือเป็นการสอดไส้ เป็นการหลอกศาลอาญากรุงเทพใต้และยังหลอกศาลอาญารัชดาภิเษกอีกด้วย เพราะหมายค้นที่มีการเข้าค้นบ้านตนย่านวิภาวดีรังสิตนั้น ชุดดำเนินการได้ไปขอหมายค้นจากศาลอาญารัชดาฯ โดยไม่แจ้งศาลว่าเป็นที่พักของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยอ้างว่าเจ้าของบ้านทั้ง 5 หลังดังกล่าวมีพลเรือนเป็นเจ้าของ ซึ่งตนยอมรับว่าบ้านทั้ง 5 หลังนี้ชื่อของเฮียแต๋ม เป็นเจ้าของจริง แต่สิ่งที่ตนได้ตั้งข้อสงสัย คือการออกหมายจับนายตำรวจติดตามตัวเอง หรือ พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร ทราบว่ามีการออกหมายจับตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 ก.ย. และมีการออกหมายค้นในวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ย. ซึ่งสารวัตรนนท์ไม่ได้นอนพักที่บ้านในหมู่บ้านดังกล่าวแต่อย่างใด

"เจ้าตัวพักอยู่แฟลตตำรวจพญาไท ดังนั้นทำไมชุดจับกุมไม่เข้าจับกุมสารวัตรนนท์ตั้งแต่วันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ดำเนินการมาจับที่หน้าบ้านพักของผมในวันที่ 25 ก.ย.แทน ผมจึงมองว่าเป็นลักษณะการแบ่งงานกันทำ มีพฤติการณ์ร่วมกันปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล จากการขอหมายค้นและหมายจับดังกล่าว ซึ่งถ้าเรามีอำนาจสอบสวนแล้วทำแบบนี้ต่อไปตำรวจจะทำงานยากขึ้น การทำแบบนี้นั้นงานสืบสวนจะเหนื่อยขึ้น เพราะศาลจะตรวจละเอียดขึ้น อนุมัติหมายจับหรือหมายค้นยากขึ้น เพราะในกรณีนี้มีการหลอกศาล" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

'โจ๊ก' ตั้งทนายสู้ถูกกลั่นแกล้ง

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ส่วนเรื่องเฮียแต๋ม ตนกับเขาและครอบครัวรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยตนเป็นสารวัตร เป็นความสัมพันธ์แบบญาติผู้ใหญ่ แต่ก่อนตนอยู่แฟลตตำรวจ จนมาเป็นผู้การ 191 ดูแล้วไม่ไหว งานเยอะ ลูกน้องเยอะขึ้นเลยจะออกมาอยู่บ้านแทน แต่บ้านยังไม่ทัน สร้างเสร็จ โดยบ้านที่จะสร้างนี้จะอยู่บนที่ดินที่พ่อตายกให้จำนวน 10 ไร่ ที่พุทธมณฑลสาย 7 ตนไปถมที่ไว้แล้ว แต่ยังไม่ว่างเข้าไปสร้างบ้าน แล้วก็ไม่พร้อมกับการซื้อบ้าน เพราะกลัวเสียดายเงิน เนื่องจากเรายังมีที่ที่ถมไว้รออยู่ จึงตัดสินใจจะหาเช่าบ้านแทน จากนั้นเฮียแต๋มได้บอกว่ามีบ้านอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งตนเห็นว่าอยู่ใกล้แฟลตวิภาวดีจึงขอเช่า แต่เฮียแต๋มก็ให้อยู่เลย ซึ่งตนเกรงใจจึงขอเช่าในราคา 50,000 บาทจำนวนสองหลัง ส่วนค่าน้ำค่าไฟจ่ายเอง ส่วนอีกสามหลังที่เหลือแบ่งเป็น 2 หลังไว้เก็บของ (ไม่มีใครนอน) ลักษณะคล้ายว่าตนเฝ้าบ้านให้เฮียแต๋ม อีกหลังว่างไว้ พอพ่อป่วยหนัก เลยบอกให้พ่อมาอยู่ที่นี่แทน และตนก็จ้างพยาบาลมาดูแล พอพ่อเสียบ้านนั้นเลยว่างพอดี สรุปตนใช้แค่ 2 หลังเท่านั้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังตั้งข้อสงสัยว่า สำหรับหมายจับสารวัตรนนท์ (นายตำรวจที่ติดตาม) ท้ายคำร้องของพนักงานสอบสวนมีการระบุอาชีพหรือไม่ ตนไม่ทราบ ยังไม่เห็นว่าเขาระบุอาชีพอะไร ปกติหมายจับ ศาลดูตำแหน่งก่อน และดูรายละเอียดทั้งหมด ทำไมไม่เขียนยศ ตำแหน่ง ซึ่งก็ส่อพิรุธ เพราะต้องรู้ตั้งแต่การสืบสวนสอบสวนมาอยู่แล้วว่าจะไปค้นหรือจะจับกุมใคร ขอให้จับตาดูเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ และนี่ไม่ใช่ยุค คสช. กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ก็จะออกมาแน่นอน อีกทั้งที่ผ่านมาในคดีกำนันนก ตนขอศาลออกหมายจับ ก็ระบุยศตำแหน่งของตำรวจ ซึ่งศาลก็ออกให้

ถามถึงประเด็นเรื่องการให้เงินนักข่าวบางสำนัก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ตนเป็นผู้ให้จริง และนักข่าวที่ไปกับตน เวลาไปทำข่าวหลายๆ วัน พวกนี้เขามีทีม ตนเลยให้ 10,000 บาท ต่อจำนวน 4-5 วัน ซึ่งไม่ได้มาก และทุกครั้งที่ตนให้เขาก็บอกว่าทางช่องให้แล้ว พวกนี้เขาไม่เคยมาขอเงินตนเลย แต่ตนเลี้ยงอาหารกลางวัน นักข่าวที่มาทำข่าวที่สโมสรตำรวจ มีลูกน้องที่ต้องเลี้ยงอาหารกลางวัน วันละ 200 กล่อง ตกเดือนละ 250,000 บาท ซึ่งเป็นเงินถูกกฎหมาย เป็นเงินส่วนตัวของตน ดังนั้นนักข่าวมาตนเลี้ยงหมด ตนเบิกหลวงไม่ได้เพราะมีงบจำกัด ถ้าอยากให้ประสิทธิภาพมันดีก็อำนวยความสะดวกแก่คณะทำงาน และคนที่ไว้วางใจเข้ามาร้องทุกข์ ตนไม่ได้เข้า ตร. เพราะมันแน่น ที่จอดรถก็ไม่มี อีกทั้งยังไม่ได้คุยกับนักข่าวที่จะโดนหมายจับเลย ทั้ง 4 ราย พร้อมยืนยันว่ามันไม่ใช่สินบน เงินที่ซื้อข้าวก็ไม่ใช่เงินจากเว็บพนัน

เมื่อถามว่า ตั้งแต่ลูกน้องได้ประกันตัวทั้งหมดได้โทรศัพท์มาพูดคุยหรือขอโทษที่ทำให้เราเดือดร้อนหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ได้พบหมดแล้ว บางคนก็ขอโทษ แต่ตนไม่ได้ตำหนิ บางอย่างมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา อันไหนที่เขาไม่ผิดเราก็ต้องดูแล อันไหนผิดเขาก็ต้องไปพิสูจน์ แต่รายละเอียดยังไม่ได้พูดตรงๆ เพราะเมื่อวานนี้พบกันก็ดึกแล้ว เดี๋ยววันนี้จะมีการพูดคุยกัน ทั้งนี้ตนรู้ว่าใครเป็นคนดำเนินการกับเรื่องราวทั้งหมด รู้ว่าใครเป็นคนสั่ง แต่ตนไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเอง ไม่อยากให้ลูกน้องที่ไม่เกี่ยวข้องเขาได้มีทางเดิน ถ้าทุบหม้อข้าวตัวเองคงตายทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนถึงไม่เปิดรายละเอียดทั้งหมด

ส่วนทนายอนันต์ชัยเสริมว่า สื่อมวลชนโดยหลักการแล้ว เขาได้เงินจากสถานีอยู่แล้ว แต่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน สินน้ำใจพวกนี้ไม่ใช่การให้สินบน เป็นสิ่งที่ให้ด้วยความสมานฉันท์ที่ดี จึงถามว่าจะผิดข้อหาอะไร นักข่าวรับสินบนหรือ แต่ให้เพราะเป็นสินน้ำใจ แล้วจะดำเนินคดีข้อหาอะไร ดังนั้นพนักงานสอบสวนที่จะเล่นนักข่าว ถ้าใครโดนบอกตน เดี๋ยวตนช่วยเอง

"ทีมทนายความเราดูกันสองส่วน ส่วนแรกดูในเรื่องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่วนลูกน้องที่โดนดำเนินคดีก็ทีมหนึ่ง เราจะดูทั้งหมด รวมถึงการให้สัมภาษณ์สื่อของทุกคนและการออกสื่อของบางสำนักจะดำเนินคดีทุกคดี เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และเราจะตั้งวอร์รูมให้ติดตามข่าวสารทางสื่ออย่างใกล้ชิด และจะทยอยฟ้องเรื่อยๆ ยืนยันว่าไม่ได้ฟ้องเพื่อเตะตัดขาแต่เป็นการฟ้องเพื่อใช้สิทธิ ดังนั้นอย่ามาร้องแรกเเหกกระเชอหลังถูกฟ้องแล้ว และเตือนอีกครั้งหน่วยงานที่รู้ข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงินทางธนาคาร เดี๋ยวท่านจะโดนข้อหานำความลับส่วนตัวมาเปิดเผย" ทนายอนันต์ชัยกล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวเพิ่มถึงรายละเอียดข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกคำสั่งหรือหมายอาญา พ.ศ.2548 ซึ่งในข้อ 11 เท่าที่ตนได้อ่านคร่าวๆ พบว่า คำร้องขอให้ศาลออกหมายค้นจะต้องมีรายละเอียดและเอกสารประกอบ เช่น การให้ระบุสถานที่ที่จะค้น บ้านเลขที่ ชื่อตัวสกุล และสถานะของเจ้าของหรือผู้ครอบครองเท่าที่ทราบ และวันนี้ก็จะรู้ว่าเมื่อศาลรับไต่สวน จะต้องมีการเบิกความสู้กัน ตนจะให้ทนายอนันต์ชัยไปเบิกความ แต่ตนก็ห่วงว่าลูกน้องจะเดือดร้อน เพราะพวกที่ไปขอหมายนั้นเป็นนายตำรวจตัวเล็กๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อสักครู่ พล.ต.ต.นำเกียรติเข้ามาเพื่อเคลียร์คดีอื่นๆ ที่เจ้าตัวรับผิดชอบ ตามหลักการหากศาลยังพิพากษาไม่ถึงที่สุดก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังทำงานได้ปกติ เขาไม่เครียด ส่วนจะถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับต้นสังกัด แต่ต้องดูว่าเขาไปมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่

'ไตรรงค์' ลั่นทำตามหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น. 1 ใน 8 ลูกน้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ถูกออกหมายจับและได้รับการประกันตัวต่อศาลเมื่อวานนี้ ได้เดินทางเข้าภายในอาคารสโมสรตำรวจ เพื่อเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวระบุสั้นๆ ว่า ไม่มีอะไรครับ และไม่กังวลใดๆ ทั้งนี้ เจ้าตัวสวมเสื้อยืดสีขาว คอปกสีฟ้า พร้อมกับถือแท็บเล็ตเหน็บข้างกาย ก่อนรีบสาวเท้าเข้าห้องพนักงานสอบสวน โดยไม่ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชนอีก ซึ่งผู้สื่อข่าวสังเกตด้วยว่าเจ้าตัวมีสีหน้าผ่อนคลาย ไม่พบความเครียดหรือความวิตกกังวลผ่านใบหน้า

ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนของพนักงานสอบสวน ซึ่งวันนี้คณะทำงานจะมีการประชุมหารือกันเพื่อขยายผลต่อจากกลุ่มผู้ต้องหาที่มีการจับกุม สำหรับการเรียกเฮียแต๋มและภรรยาที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่าเป็นเจ้าของบ้านที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เช่าให้ผู้ใต้บังคับบัญชาพักอาศัยมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน

ถามถึงข้อมูลชุดหนึ่งที่ระบุมีบุคคลในครอบครัวของเฮียแต๋มอยู่ในชุดทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า ยังไม่รู้ข้อมูลส่วนนี้ แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะทำงานขยายผลต่อไปจนทราบข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังคงยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาที่เป็น 8 นายตำรวจยังคงให้การที่ไม่เป็นประโยชน์กับพนักงานสอบสวน และปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต่อไปที่จะต้องสืบหาข้อเท็จจริง

เมื่อถามถึงส่วนของสื่อมวลชนที่ถูกระบุมีส่วนเกี่ยวข้อง พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ให้มองกลุ่มนี้เป็นในส่วนกลุ่มพลเรือนมีบางรายที่เจ้าหน้าที่เองก็มีข้อมูลว่าเป็นสื่อมวลชนหรือรู้เองในวงการว่ารายชื่อดังกล่าวเป็นสื่อมวลชน กลุ่มนี้จะมีการเรียกสอบในฐานะที่มีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของกลุ่มผู้ต้องหาที่มีการจับกุมส่วนการรับเงินโดยตรงจากบัญชีอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี ก็ถือว่าไม่ได้มีความผิด

ซักว่า หนักใจหรือไม่ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตั้งทีมทนายความเพื่อเตรียมฟ้องกลับชุดจับกุม ผบช.กมค.กล่าวว่า ประการแรกต้องให้ความเป็นธรรมกับชุดสืบสวนสอบสวนและจับกุมก่อน ตนยืนยันว่าในทุกขั้นตอนและกระบวนการเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักขั้นตอนของกฎหมาย แต่ตามปกติแล้วหากมีผู้ต้องหาหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องการยื่นฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหา ม.157 ก็สามารถทำได้ เป็นสิทธิ์ของบุคคลเหล่านั้น แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เองที่ปฏิบัติงานก็ต้องมั่นใจว่าทำหน้าที่อย่างถูกต้องครบถ้วนรอบคอบ ตนขอย้ำว่าคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ไม่ได้กระทำแค่วานนี้ แต่เป็นการกระทำต่อเนื่องมาตั้งแต่กรณีของบอสตาลและมินนี่ จึงเชื่อได้ว่าชุดทำงานมีข้อมูลหลักฐานที่รัดกุม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอมิ้ง' แจงยังไม่นำรายชื่อ 'ครม.อิ๊งค์ 1' ขึ้นทูลเกล้าฯ

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติ ในลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญของผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

สุดสับสน! ปรากฏการณ์การเมืองไทย ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเฉพาะกลุ่ม สส. แต่หัวหน้าพรรคกลับถูกไล่ออกไม่ให้ร่วมด้วย

'เรืองไกร' ท้า 'นายกฯอิ๊งค์' โชว์ใบลาออก พ้นกรรมการ 20 บริษัท

ายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณะเกี่ยวกับการลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ รวม 20 บริษัท

'นายกฯอิ๊งค์' อยู่ได้เกิน 6 เดือนไหม! ขึ้นอยู่กับ 2 ทางรอด

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊งจะอยู่เกิน 6 เดือนไหม