จ่อสอบครอบครัวโจ๊ก นายกฯตั้ง3อรหันต์สาง ส่อเลื่อนเคาะ‘ผบ.ตร.’

“เศรษฐา” ลงนามตั้ง 3 อรหันต์แล้ว มีทั้ง 2 ก.ตร.และพลเรือน  “ฉัตรชัย-ชาติพงษ์-พล.ต.ท.วินัย” สั่งเคลียร์ปมบุกบ้านเช่าบิ๊กโจ๊กใน 30 วัน และรายงานความคืบหน้าทุก 10 วัน รับเป็นเรื่องหนักใจ แต่ไม่ถึงขั้นต้องสังคายนากรมปทุมวัน แค่มีปัญหาก็แก้กันไป บอก 27 ก.ย.ยังประชุมเคาะชื่อ ผบ.ตร.ตามเดิมไม่เลื่อน “สุรเชษฐ์” ร้องศาลหมายค้นมีพิรุธซ่อนเร้นเพราะไม่บอกยศตำแหน่ง ย้ำการเมืองภายใน สตช.ต้องการทำลายชื่อเสียง เผยบ้านพักเป็นของญาติสนิทชื่อเฮียแต๋ม เช่าเดือนละ 5 หมื่น “ไตรรงค์” จ่อเรียกเสี่ยขนส่งอุดรฯ มาสอบถาม

เมื่อวันอังคารที่ 26 กันยายน 2566  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมการสอบกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เชื่อมโยงพนันออนไลน์เรียบร้อยแล้วหรือไม่ ว่าตั้งเรียบร้อยแล้ว ลงนามแล้ว

ถามต่อว่า มีคนนอกร่วมด้วยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า 3 คน พร้อมทำมือ 3 นิ้ว และเมื่อถามว่าเปิดรายชื่อได้หรือไม่ว่าใครเป็นประธาน นายกฯ กล่าวว่า รอดูประกาศนะครับ ตั้งเรียบร้อยแล้ว

ต่อมาได้มีการเผยแพร่คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 247/2566 ที่ลงนามโดยนายเศรษฐา เมื่อวันที่ 25 ก.ย. เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีการเข้าค้นบ้านพักของข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่และเคหสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศ  ประกอบด้วย 1.นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ 2.นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด กรรมการ และ 3.พล.ต.ท.วินัย ทองสอง อดีตรอง ผบ.ตร. กรรมการเเละเลขานุการ โดยให้ประธานกรรมการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจำนวนไม่เกิน 2 คนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ

สำหรับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนั้น ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าค้นบ้านพักข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่และเคหสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศเมื่อวันที่ 25 ก.ย. แล้วรายงานนายกฯ ภายใน 30 วัน และให้รายงานความคืบหน้าต่อนายกฯ เป็นระยะทุก 10 วัน

สำหรับ 3 รายชื่อคณะกรรมการที่นายเศรษฐาตั้งนั้น ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อตรงเเละความสามารถ   โดยนายฉัตรชัยเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภท (ข) อันดับ 1 และยังได้รับเลือกให้เป็นประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเมื่อช่วงเดือน มี.ค. ซึ่งสาเหตุที่ตั้งเป็นประธานเพื่อเอามาตรวจสอบเเละคานอำนาจตำรวจเรื่องเส้นทางการเงิน ส่วนนายชาติพงษ์นั้น วงการอัยการรู้จักกันอย่างดีในฝีมือการปราบทุจริต เคยคุมคดีสำคัญ อาทิ คดีฟิลลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร, คดีทุจริตสหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยนคลองจั่น, คดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย,  คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร และกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด ขณะที่ พล.ต.อ.วินัยนั้น  เป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากอดีตข้าราชการตำรวจ เเละนายกสมาคมตำรวจ เป็นคนซื่อตรงเเละกล้าที่จะเข้ามาเเก้ปัญหาอย่างตรงไปตรงมา เพื่ออนาคตของข้าราชการตำรวจต่อไป

ต่อมานายเศรษฐาให้สัมภาษณ์อีกครั้งในเรื่องนี้ ถึงการตั้งคณะกรรมการ 3 คนว่า มีแค่ 3 คน ให้กรอบทำงานไปชัดเจน 15 วัน ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงดีกว่าในเรื่องนี้ และเมื่อถามย้ำว่า ให้เวลาสอบ 15 วัน นายกฯ กล่าวว่า เข้าใจว่าอย่างนั้น

เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ ดูเหมือนเรื่องนี้มีอะไรที่ซับซ้อน นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้หนักใจอยู่แล้ว และไม่เกี่ยวกับเรื่องซับซ้อน แต่เป็นเรื่องที่ใหญ่และสาธารณชนจับตามองดูอยู่ ก็ต้องให้ความสบายใจ ซึ่งเป็นเรื่องของความมั่นคงด้วย

27 ก.ย.ประชุม ก.ตร.ตามเดิม

เมื่อถามว่า จะโยงใยไปกับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่จะมีการประชุม ก.ตร.ในวันที่ 27 ก.ย.นี้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า อย่าเพิ่งคิด ว่ากันทีหลังในเรื่องนี้ และคงไม่มีการเลื่อน เพราะ สตช.ยังไม่เสนอมา ส่วนจะลงนามได้เลยหรือไม่นั้น ต้องดูและไปพูดคุยกันต่อ

“ต้องดูกันไปตามข้อกฎหมาย การจะแต่งตั้งใคร ผมก็ต้องดูว่าข้อกฎหมายสามารถทำให้ผมแต่งตั้งได้” นายเศรษฐาตอบข้อถามถึงการแต่งตั้ง

ถามอีกว่า จะถือโอกาสสังคายนา สตช.เลยหรือไม่ เพราะแต่ละคดีมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง นายกฯ กล่าวว่า ใช้คำว่าสังคายนามันแรงไปหน่อย สถาบันนี้ถือเป็นสถาบันที่มีเกียรติ มีปัญหาก็ต้องแก้กันไปจะดีกว่า ทำแบบนี้ดีกว่า ถ้ามีปัญหาก็แก้กันไป

“รัฐบาลที่แล้วก็มีการตั้งคณะกรรมการมา แต่ทุกองค์กรก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี มันก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป มันมีปัญหาก็ต้องแก้ แต่แน่นอนอันนี้คือปัญหาใหญ่ เราก็ต้องแก้ไขกันไป และต้องให้เกียรติทางสถาบันตำรวจด้วยเหมือนกัน” นายเศรษฐาย้ำเรื่องปัญหาความหมักหมมใน สตช. 

ขณะที่นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายเศรษฐาสั่งการให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามกฎหมาย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายขจัดปราบปรามผู้มีอิทธิพล และการกระทำผิดกฎหมาย โดยได้มีคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 247/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว  โดยให้รายงานนายกฯ ภายใน 30 วัน และรายงานความคืบหน้าต่อนายกฯ  ทุก 10 วัน

 “รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดำเนินการให้เป็นไปตามความถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ขจัดความอยุติธรรมในสังคม ซึ่งเป็นหลักการทำงานของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่ต้องการธำรงไว้ซึ่งคุณธรรมและความถูกต้อง” นายชัยกล่าว

ส่วน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้รายงานตรงต่อนายเศรษฐาให้ทราบ ซึ่งนายกฯ ก็ได้มีคำสั่งสำนักนายกฯ 247/2566 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีดังกล่าว แต่เนื่องจากกรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับข้าราชการตำรวจในการกระทำผิด ผบ.ตร.จึงมีคำสั่งให้จเรตำรวจดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงควบคู่ไปด้วย ส่วนข้าราชการตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกออกหมายจับ จะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่ ต้องรอการรายงานจากพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ขณะที่ ผบ.ตร.ยังไม่ได้เรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เข้ามาพบแต่อย่างใด

“การประชุม ก.ตร.เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ในวันพรุ่งนี้ ยังเป็นกำหนดตามเดิม ไม่มีคำสั่งเลื่อนการประชุมตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด”พล.ต.ท.อาชยนกล่าว

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า แม้จะมีการประชุม ก.ตร.ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ตามกำหนดเดิม แต่ก็มีกระแสข่าวว่าวาระการแต่งตั้ง ผบ.ตร.อาจจะมีผู้เสนอให้เลื่อนออกไปก่อน เพื่อให้ปัญหาที่มีรองผบ.ตร. ซึ่งมีสิทธิเป็น ผบ.ตร.และถูกพาดพิงเรื่องต่างๆ ในตอนนี้ได้มีความชัดเจน

"หากมีการถอนวาระแต่งตั้ง ผบ.ตร.ออกไปจริงตามข่าวลือ ทาง ก.ตร.ก็จะขอขยายเวลาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ออกไปเป็นเดือน ต.ค. เช่นเดียวกับวาระแต่งตั้งการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.ลงไปถึง ผบก.วาระประจำปี 2566 ซึ่งเมื่อถึงวันที่ 1 ต.ค. ก็อาจจะมอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.อาวุโส รักษาการ ผบ.ตร.ไปก่อน จนกว่าปัญหาทุกอย่างจะเรียบร้อย" แหล่งข่าวระบุ

ขณะเดียวกัน ที่ศาลอาญา รัชดาฯ    พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เดินทางมาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาไต่สวนเรื่องการละเมิดอำนาจศาล กรณีการออกหมายค้นบ้าน โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การออกหมายค้นที่ไปค้นบ้านเมื่อวันที่  25 ก.ย. เป็นการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นบ้านที่ตนเองพักอาศัยอยู่ แต่ผู้ที่ไปขอหมายไม่ได้บอกศาล และแม้ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์บ้านเป็นคนอื่น แต่ก็เป็นญาติ ซึ่งเหตุผลที่บอกว่าเป็นการขอหมายค้นบ้านเพื่อเข้าจับกุมสารวัตรนนท์ตามหมายจับ ซึ่งสารวัตรนนท์เป็นนายตำรวจติดตามของตนเอง อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าตนเองอาศัยอยู่บ้านนี้ โดยหากศาลรู้ว่าเป็นบ้านของตนเอง  ศาลก็จะให้ความเป็นธรรม เพราะยังไม่มีคดีความ โดยการที่ถูกออกหมายค้นบ้าน และถูกนำกำลังยกมาเข้าค้นเป็นโขยง ทำให้เสียชื่อเสียง

‘บิ๊กโจ๊ก’ ซัดพิรุธซ่อนเร้นยศตำรวจ

“ลูกน้องผมที่ถูกออกหมายจับก็เตรียมไปยื่นขอความเป็นธรรมต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ด้วย ว่าการออกหมายจับนั้นละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เพราะการไปขอหมายจับไม่ได้ระบุยศตำรวจ  ใส่เพียงคำนำหน้าชื่อเป็นนายทั้งหมด ทำให้ศาลไม่ทราบ ซึ่งที่ผ่านมาเวลาที่ผมทำงาน หากต้องไปขอหมายจับตำรวจก็ต้องระบุยศไป เพราะศาลจะสั่งให้ออกหมายเรียกก่อน หากไม่มาค่อยให้ออกหมายจับ เพราะตำรวจถือว่ามีถิ่นที่อยู่ที่ชัดเจน ไม่หลบหนี เป็นข้าราชการ แต่ในกรณีนี้มีการปกปิดซ่อนเร้น ถือเป็นการส่อพิรุธ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว และว่า พร้อมรับการตรวจสอบ แต่การตรวจสอบนั้นต้องเป็นธรรม ไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่เช่นนั้นก็ต้องใช้สิทธิทางกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับตนเอง โดยหากรอง ผบ.ตร.ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วประชาชนจะไปหาความเป็นธรรมได้จากที่ไหน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวถึงเรื่องเส้นทางการเงิน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีเส้นทางการเงินตรงเข้ามาที่ตนเอง ทั้งหมดเป็นเรื่องของลูกน้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของลูกน้องที่ต้องตอบว่านำเงินไปทำอะไร ได้นำเงินไปเล่นพนัน หรือไปยุ่งเกี่ยวกับเว็บอะไรหรือไม่ หรือไปใช้บัญชีม้า ไปมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับมินนี่ ถือเป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่ได้หมายความว่าพอมีเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วจะจับเชื่อมโยงมาที่ตนเองได้ ต้องมาถามตนเองให้ไปอธิบาย เพราะเวลาที่ให้เงินลูกน้องไปทำงาน ที่เป็นส่วนเกินจากงบราชการลับที่มีไม่พอ ก็นำเงินส่วนตัวมาทำงาน ซึ่งลูกน้องจะเอาไปหมุนยังไงก็ไม่ทราบทั้งหมด แต่ให้คิดง่ายๆ ว่าถ้ารับเงินจากเว็บพนัน คงไม่ใช่เงินแค่หลัก 2-3 ล้านบาท

“รองผู้กำกับคริษฐ์ก็ทำงานอยู่กับผมมานานเหมือนเป็นเลขาฯ ในแต่ละเดือนผมก็ให้เงินไปจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลแม่ ซึ่งเงินจำนวน 2.8 ล้านบาท คือค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งปี ไม่ใช่แค่เดือนเดียว แต่จะมีการเอาเงินผมไปหมุนจ่ายเอาไปเข้าเส้นเงินที่เชื่อมโยงกับมินนี่ได้อย่างไร ผมไม่ทราบ แต่ถ้าผมรับเงินจากเว็บพนันออนไลน์ ก็ต้องมีเส้นเงินตรงเข้ามาที่ผมเลย ซึ่งเรื่องนี้ก็รอสอบถามกับรองผู้กำกับคริษฐ์ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างยื่นประกันตัว”

สำหรับประเด็นปรากฏชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์บ้านทั้ง 5 หลังคือเฮียแต๋ม ซึ่งเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ที่จังหวัดอุดรธานี  และมีการโอนเงินมาจ่ายค่าส่วนกลางบ้านปีละ 142,000 บาทนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เฮียแต๋มเป็นญาติสนิทกัน และเป็นเจ้าของบ้านทั้งหมด โดยเฮียแต๋มให้เช่าบ้านอยู่ โดยมีสัญญาเช่าชัดเจน เช่าในราคา 50,000 บาท อาศัยอยู่ 2 หลัง ส่วนหลังที่เหลือใช้เก็บของ ซึ่งด้วยความที่เป็นญาติกัน ตนเองจะจ่ายแพงกว่านี้ แต่เฮียแต๋มก็ไม่เอา ซึ่งบ้านที่อาศัยนี้ได้เคยให้การกับ ป.ป.ช. ไว้นานแล้ว และบริสุทธิ์ใจ เฮียแต๋มก็ไม่ใช่คนที่ทำผิดกฎหมาย ตนเองเป็นคนสงขลา จึงมาหาเช่าบ้านอยู่เพื่อความสะดวก

 “หลังจากถูกค้นบ้านเมื่อวานนี้ ผมได้พูดคุยเเบบส่วนตัวกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ซึ่ง ผบ.ตร.บอกว่าก่อนหน้านี้เพียงได้รับรายงานว่าจะตรวจค้น ซึ่งได้บอกกับผู้ที่รายงานว่าหากจะค้นก็ขอให้แจ้งก่อน แต่ตำรวจที่เข้าไปค้นนั้นกลับรายงานภายหลังจากตรวจค้นแล้ว หมายความว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ได้มาจาก ผบ.ตร. ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการเลือก ผบ.ตร.คนใหม่หรือไม่นั้น ไม่ขอออกความคิดเห็น ให้ไปคิดกันเอาเอง  แต่ยืนยันว่าจะขอดำเนินคดีทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เพราะส่วนตัวมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องมีคนสั่งการอย่างแน่นอน แต่จะเป็นคนภายใน สตช.หรือไม่นั้น ขอตอบสั้นๆ เพียงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.กมค.) กล่าวภายหลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาเพื่อเอาผิดตำรวจชุดตรวจค้นบ้านพักย่านวิภาวดี 60 ว่าเป็นการค้นโดยมิชอบ ว่าการตรวจค้นเป็นไปตามหลักกฎหมาย ตั้งแต่การขอหมายค้นและหมายจับจากศาล มีการระบุตัวตนของบุคคลตามหมายจับ รวมถึงอาชีพ อีกทั้งกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่าต้องระบุยศสามารถใช้คำนำหน้านายได้ และมีหลายครั้งที่การออกหมายจับตำรวจบางคดี ต้องให้เกียรติ จึงไม่ระบุยศทางราชการ

จ่อเรียก ‘เฮียแต๋ม’ มาแจง

พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า มีเหตุให้เข้าค้นบ้านพัก เพราะ พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร ผู้ต้องหาที่ออกหมายจับเป็นคนที่เข้า-ออกภายในบ้านทั้ง 5 หลังนี้ มีชื่อผู้ต้องหาลงทะเบียนรับ-ส่งพัสดุเป็นประจำ และมีการชำระค่าสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นเงินจากบัญชีม้า โดยไม่ทราบว่า พ.ต.ต.ชานนท์เป็นนายตำรวจติดตามของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และไม่ทราบมาก่อนว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักที่ตรวจค้น  เพราะหมู่บ้านดังกล่าวมีการรักษาความปลอดภัยแบบระบบปิด ตำรวจจึงไม่ทราบว่ามีใครพักอยู่ภายในบ้านพักบ้าง

เมื่อถามว่า ตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกจับ จะให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่นั้น พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า ขอให้เป็นการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา ต้นสังกัดของตำรวจแต่ละนายทราบเรื่องแล้ว  และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตำรวจทั้ง 8 นายยังคงให้การปฏิเสธ และไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน

 ผบช.กมค.ยังกล่าวถึงการขยายผลว่า เตรียมพิจารณาดำเนินคดีและออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลในพยานผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับผลประโยชน์และกลุ่มที่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับบัญชีม้า 2 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 260 ล้านบาท รวมถึงในกลุ่มองค์กรสื่อมวลชนและบุคคลร่วมอยู่ในกลุ่มรับผลประโยชน์ด้วย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยจำนวน จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังบุคคลที่รู้ว่ามีธุรกรรมการเงินเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าเหล่านี้ ให้มาแสดงตัวเข้าให้ปากคำกับตำรวจ

เมื่อถามถึงกรณีเฮียแต๋ม นักธุรกิจขนส่งรายใหญ่ในจังหวัดอุดรธานีและภรรยา ที่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านที่เข้าตรวจค้นทั้ง 5 หลัง และจ่ายค่าส่วนกลางให้ โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยอมรับว่าเช่าบ้านเฮียแต๋มอยู่เดือนละ 50,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นญาตินั้น พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่องจากสื่อ แต่เมื่อวานนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นบ้านญาติ ไม่ได้เช่า หลังจากนี้ก็ต้องตรวจสอบว่าเฮียแต๋มมีความสัมพันธ์เครือญาติด้านไหนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หากเช่าจริงก็ต้องมีสัญญาตามกฎหมาย โดยต้องเรียกเฮียแต๋มมาให้ปากคำเร็วๆ นี้

พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวอีกว่า แนวทางการสืบสวน ผู้ต้องหา 4 กลุ่มที่จับกุมได้นั้น ในกลุ่มผู้บริหารจัดการเว็บไซต์นั้น ประกอบด้วยตำรวจ 1 นาย และพลเรือน 2 คน ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 นาย ที่เป็นทหารนั้น เป็นพลทหารประจำการเกี่ยวข้องในส่วนของกลุ่มฟอกเงินและบัญชีม้า ขณะที่ภาพรวมการยึดทรัพย์สินของกลางยึดได้ อาทิ รถยนต์หรู เครื่องเพชร ทองคำ พระเครื่อง รวมมูลค่ากว่า 143 ล้านบาทแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากตำรวจชุด PCT ร่วมกับตำรวจไซเบอร์ นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษนำหมายค้นเข้าขอตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์นั้น ล่าสุดมีการเตรียมออกหมายจับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ของมินนี่ ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินและพนันออนไลน์เพิ่มเติม โดยจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 คนใกล้ชิดกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ประมาณ 3-5 คน โดยมีทั้งภรรยา แม่ และน้องชาย, กลุ่มที่ 2 นักข่าว 4 คน,  กลุ่มที่ 3 นอมินียังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด และกลุ่มที่ 4 บัญชีม้า ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด ขณะนี้ชุดทำงานอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยง

‘จิรภพ’ ปัดสอบสวนกลางไม่เกี่ยว

ส่วน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงประเด็นการเข้าตรวจค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่มีตำรวจสอบสวนกลางมีความเกี่ยวข้องหรือไม่ ว่าตำรวจสอบสวนกลางไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้เรื่องคดีเก่าเป็นอย่างไร สืบสวนขยายผลมาอย่างไร และไม่มีมูลใดๆ เกี่ยวกับคดีกำนันนก ปัจจุบันยังทำงานร่วมกันได้ไปในทิศทางเดียวกัน เป้าหมายคือทำให้ผู้ต้องหาได้รับโทษ ไม่มีใครคิดไปในทางอื่น

ถามต่อว่า หน่วยคอมมานโดของกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.) สังกัดตำรวจสอบสวนกลางก็เข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้น พล.ต.ท.จิรภพกล่าวว่า แม้หน่วยคอมมานโดจะอยู่ในสังกัดของตำรวจสอบสวนกลาง แต่ส่วนมากขึ้นตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายถึงการทำงานของหน่วยนี้จะขึ้นต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าการปฏิบัติงานไม่ได้มีการประสานผมแต่มีการประสานตรงจาก สตช.

เมื่อถามว่า การจู่โจมตรวจค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นการเตะตัดขาที่จะก้าวขึ้นชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.หรือไม่ เขากล่าวว่า ทีมของตนเองหรือตำรวจสอบสวนกลางไม่เคยมีการกระทบอะไรกับบิ๊กโจ๊ก และไม่ได้ไปฝักใฝ่ทางใด เราเน้นทำคดีและไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ ยืนยันว่าการค้นบ้านบิ๊กโจ๊กไม่เกี่ยวตำรวจสอบสวนกลาง คดีจะเท็จจริงอย่างไรทีมงานไม่ทราบในเนื้อหาของคดี ส่วน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดสอบกลาง ไปร่วมตรวจค้นด้วย เป็นการไปแบบส่วนตัว ไม่ได้ไปในนามของ บก.ปปป. หรือ บก.ทล. หรือตำรวจสอบสวนกลาง

มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ย. พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้ควบคุมตัว พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในตำรวจคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ผู้ต้องหาคดี สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน มาฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งพนักงานสอบได้อธิบายพฤติการณ์แห่งคดีอย่างละเอียดถึงการเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์หลายแห่ง และขอค้ดค้านการประกันตัว นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ยังได้ยื่นคำร้องฝากขังนายอาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผู้ต้องหาในความผิดฐานเดียวกันอีกสำนวนหนึ่ง ซึ่งศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ แต่ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสอง ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขออนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ซึ่งศาลอนุมติโดยตีราคาประกันคนละ 100,000 บาท

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ภายหลังพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 คุมตัวผู้ต้องหาคดีฟอกเงินรวม 12 ราย ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, พ.ร.บ.การพนัน เเละข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง ไปยื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน โดยศาลอนุญาตให้ฝากขัง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เสนอต่อศาลพิจารณาขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขังนี้ โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว   ให้ผู้ต้องหาทำสัญญาประกันพร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลด้วยทุกราย โดยให้แจ้งสำนักงานครวจคนเข้าเมืองทราบด้วย

โดยนายณัฐวุฒิ, นายคริษฐ์ ปริยะเกตุ, นายชานนท์ อ่วมทร, พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์, นายอภิสิทธิ์ คนยงค์, น.ส.ทักษพร และนายบัณฑิต ความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ศาลตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท ส่วน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน ศาลตีราคาประกัน 2 แสนบาท

ขณะที่ นายพุฒิพงษ์ และ น.ส.เรไร ความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ, พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 9 ศาลตีราคาประกัน 1.5 แสนบาท สำหรับนายจิรันธนิน และ น.ส.ชนม์สิตา อายุ 26 ปี ความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, พ.ร.บ.การพนัน ศาลตีราคาประกัน 1.5 แสนบาท.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอมิ้ง' แจงยังไม่นำรายชื่อ 'ครม.อิ๊งค์ 1' ขึ้นทูลเกล้าฯ

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติ ในลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญของผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

สุดสับสน! ปรากฏการณ์การเมืองไทย ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเฉพาะกลุ่ม สส. แต่หัวหน้าพรรคกลับถูกไล่ออกไม่ให้ร่วมด้วย

'เรืองไกร' ท้า 'นายกฯอิ๊งค์' โชว์ใบลาออก พ้นกรรมการ 20 บริษัท

ายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณะเกี่ยวกับการลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ รวม 20 บริษัท

'นายกฯอิ๊งค์' อยู่ได้เกิน 6 เดือนไหม! ขึ้นอยู่กับ 2 ทางรอด

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊งจะอยู่เกิน 6 เดือนไหม