ปลื้มนทท.จีนแห่เข้าไทยแน่น

นายกฯ รับนักท่องเที่ยวจีน ชมการจัดการดี ออกจากสนามบินได้เร็ว ปลื้มยอดจองเข้าไทยแน่น หวัง "ฟรีวีซ่า" กระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก เล็งส่งต่อไปจังหวัดเมืองรองขยายการใช้จ่ายในไทย "ธนกร” เชื่อ “วีซ่าฟรี” ให้ “จีน-คาซัคสถาน” บูมท่องเที่ยวไทยไฮซีซันยาวถึงปีหน้า “สุวรรณภูมิ” ได้ฤกษ์ 28 ก.ย.นี้เปิดอาคาร SAT-1 หวังรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปีเป็น 60 ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 กันยายน บริเวณสะพานเทียบเครื่องบินที่ D4 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เป็นประธานให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA Exemption) โดยนายกฯ ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมากับสายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์ เที่ยวบินที่ XJ 0761 เส้นทางเซี่ยงไฮ้-สุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินนี้มีนักท่องเที่ยวชาวจีน 306 คน และนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นจำนวน 35 คน

พิธีต้อนรับครั้งนี้มีนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ

โดยนายกฯ ได้มอบของที่ระลึกเป็นพวงมาลัยกล้วยไม้และกางเกงช้างแก่นักท่องเที่ยว ขณะที่เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสวมชุดไทยร่วมให้การต้อนรับ พร้อมป้ายต้อนรับเขียนเป็นภาษาจีน นอกจากนี้ยังมีการแสดงกลองยาวอีกด้วย

ระหว่างเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน นายกฯ กล่าวว่า ได้เรียนกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยว่า ถือเป็นโอกาสดีที่ช่วงนี้ประเทศไทยกำลังจัดการจำหน่ายสินค้าโอทอป ก็จะถือโอกาสเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวจีนไปท่องเที่ยวและจับจ่ายสินค้าของไทยด้วย

ต่อมาเวลา 10.45 น. ภายหลังต้อนรับนักท่องเที่ยวเสร็จ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทูตจีนมาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนที่บินมาไทยเที่ยวแรก ขอให้มั่นใจว่านโยบายนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมาก และนอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงก้าวสุดท้ายที่เดินทางกลับจะต้องมีความปลอดภัย และประทับใจในการที่ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากทุกๆ คน และจากการที่สอบถามดูในเบื้องต้นได้รับทราบมีบุ๊กกิงเข้ามาเยอะมาก  เข้ามาหลายสิบเท่า รวมถึงการเข้าไปในเว็บไซต์ของประเทศไทยก็มีความคืบหน้ามาก เราต้องการจะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ไม่ใช่แค่เมืองหลักอย่างเชียงใหม่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ตอย่างเดียว

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ได้พูดคุยกับผู้ว่าการการท่องเที่ยวฯ ว่าเราจะมีการสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวเมืองรองมากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้ระยะเวลาในการอยู่ประเทศไทยยาวขึ้น มีการจับจ่ายใช้สอยเงินมากยิ่งขึ้น และตอนนี้ได้มีการตรวจสอบอย่างดี ว่าคิวที่เข้ามาในจุดตรวจคนเข้าเมืองผ่านอย่างรวดเร็ว เดินมาจากประตูถึงจุดรับกระเป๋า โดยกระเป๋าใบแรกก็มาถึงแล้ว จุดนี้ถือเป็นจุดสำคัญที่สุดในการที่เราเดินทางเข้าประเทศ ลงจากเครื่องบิน ตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าเร็ว พร้อมที่จะเดินทางไปสู่ทุกๆ ที่นักท่องเที่ยวปรารถนา ซึ่งทางภาครัฐทุกท่านได้มีส่วนในการช่วยเหลือให้วันนี้เป็นวันที่ดีวันหนึ่งของประเทศไทย และหวังว่าจะมีการกู้เศรษฐกิจครั้งต่อไปจากอีกหลายๆ นโยบายของรัฐบาลนี้

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงการที่รัฐบาลเตรียมเปิดแคมเปญ "วีซ่าฟรี” ให้นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถานว่า ตามที่รัฐบาลได้ออกแคมเปญ “วีซ่าฟรี” ให้นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนและคาซัคสถาน ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศ โดยนักเดินทางถือเพียงหนังสือเดินทางและตั๋วเครื่องบิน พร้อมกับการจองโรงแรมก็สามารถบินเข้าไทยได้ทันที ในระยะเวลา 5 เดือนนี้ เริ่มวันแรกตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.-29  ก.พ. 2567 นับเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ ช่วงไฮซีซันปลายปีนี้ข้ามไปถึงต้นปีหน้า จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจได้จริงและรวดเร็ว คาดว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในไทย 29.5 ล้านคน จะสร้างรายได้ 1.25 ล้านล้านบาท

เมื่อถามว่า การเปิดวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ จีน มีความกังวลกันเรื่องการเข้ามาแบบจีนเทา นายธนกรกล่าวว่า ไทยกับจีนเป็นบ้านพี่เมืองน้อง ซึ่งเราควรเป็นเจ้าบ้านที่ดีให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี หากมีการอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่าฟรีเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยแล้ว รัฐบาลต้องสร้างภาพลักษณ์ สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย มีมาตรการที่รัดกุมสำหรับการติดตามตรวจสอบบุคคลที่เป็นแบล็กลิสต์ก่อนเข้าประเทศด้วย จะสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนคนไทยด้วย ทำอย่างไรจะให้เกิดความสมดุลเรื่องความปลอดภัยแก่คนไทยในประเทศเราด้วย เรื่องนี้รัฐบาลต้องกำชับเจ้าหน้าที่และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้กำกับดูแลอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศใดก็ตาม

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยภายหลังตรวจความพร้อมเส้นทางผู้โดยสารทั้งขาออกและขาเข้าระหว่างประเทศ โดยเดินทางระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักและอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ด้วยบริการระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover: APM) ก่อนจะเปิดให้บริการแบบไม่เป็นทางการ (Soft Opening) ในวันที่ 28 ก.ย. 66  เป็นต้นไป ว่าภายหลังที่ ทอท.ได้ทดลองปฏิบัติการเต็มรูปแบบอาคาร SAT-1 รวม 3 ครั้ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มั่นใจว่ามีความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการในวันที่ 28 ก.ย.นี้  ซึ่งเป็นวันครบรอบ 17 ปีของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปีต่อไป

ทั้งนี้ สายการบินที่จะเข้าทำการบินที่อาคาร SAT-1 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 66 เป็นต้นไปนั้น โดยในระยะแรกจะมี 2 สายการบิน รวมประมาณ 18 เที่ยวบินต่อวัน ได้แก่ 1.สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ซึ่งจะมีเที่ยวบินแรกที่ทำการบินเข้ามาที่อาคาร SAT-1 คือเที่ยวบินที่ XJ 0761 เดินทางจากเซี่ยงไฮ้ ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา10.15  น. โดยมีผู้โดยสารจำนวน 341 คน ในสัปดาห์แรกที่เปิดให้บริการ สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์จะให้บริการวันละประมาณ 14 เที่ยวบิน และ 2.สายการบินไทยเวียตเจ็ท จะให้บริการวันละประมาณ 4 เที่ยวบิน

นายกีรติกล่าวว่า จากมาตรการ VISA Free ของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 66 - 29 ก.พ. 67 รวมระยะเวลา 5 เดือนนั้น ทอท.คาดการณ์ว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีผู้โดยสารจีนรวม 5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิม 2.4 ล้านคน ส่วนใน ต.ค. 66 คาดว่าจะมีผู้โดยสารจีนประมาณ 6.2 แสนคนต่อเดือน เมื่อเทียบกับช่วง ส.ค.-ก.ย. 66 ที่มีจำนวน 3.5 แสนคนต่อเดือน ขณะที่เที่ยวบินจากจีน ต.ค. 66 จะอยู่ที่ประมาณกว่า 300 เที่ยวบินต่อเดือน จากช่วง ส.ค.-ก.ย. 66 มีเที่ยวบินเฉลี่ย 100-200 เที่ยวบินต่อเดือน

ขณะที่ในปัจจุบัน ภาพรวมจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศกลับมาแล้วกว่า 70% เมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด-19 โดยผู้โดยสารจีนยังเดินทางน้อย ด้านผู้โดยสารยุโรป สหรัฐอเมริกา และตะวันออกกลางกลับมาแล้ว 80% ขึ้นไป ส่วนผู้โดยสารภายในประเทศกลับมาแล้ว 100%  คาดการณ์ว่าปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 65 - ก.ย. 66) จะมีผู้โดยสารจำนวน 6 ท่าอากาศยานของ ทอท. รวม 100  ล้านคน และตั้งเป้าปี 2567 จะอยู่ที่ 150 ล้านคน มากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ที่กว่า 142 ล้านคน ส่วนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สิ้นปีงบประมาณ 2566 จะมีผู้โดยสารอยู่ที่ 40 ล้านคน และคาดว่าปี 2567 จะมีผู้โดยสาร 60 ล้านคน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง